“
“
“
“
“...
“
“
เขาถอนหายใจส่ายหัวราวกับว่าผมพูดเรื่องไร้สาระ และมันคงจริงเพราะผมเองก็ส่งยิ้มขันให้เขาเหมือนกัน เหตุเพราะจู่ๆตัวอักษรที่เคยเจอในหนังสือก็ปรากฏเข้ามาในหัวทำให้ผมอยากเล่าสู่กันฟังให้เขารับรู้บ้าง
ผมขยับไปข้างตัวเขาลูบไล้ใบหน้าแสนรัก ก่อนจะค่อยๆ ไล่นิ้วมือไปยังขมับข้างขวา เกลี่ยไล่เส้นผมเผยให้เห็นรอยปานขนาดเท่านิ้วโป้งประทับอยู่บนขมับของเขา
น่าแปลกที่รอยปานของเขากับของผมมีขนาดใกล้เคียงกันอย่างน่าตกใจ
“
“
เขาทำมือเป็นรูปปืนจิ้มที่หัวตัวเองสองที ผมหัวเราะตามก่อนเอนตัวล้มลงซบบนตักเขาขยับแขนไปโอบกอดเอวหนาไว้แน่น เขาลูบหัวผมกลับเล่นกับปลายเส้นผมของผมราวกับมันเป็นเรื่องสนุกนักหนา
“
ผมบอกงึมงำอยู่กับหน้าท้องเขา ปล่อยให้เขาลูบหัวอย่างสบายใจเหมือนแมวเลี้ยงเชื่องๆตัวนึง
“
ผมขยับยิ้มกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เบียดใบหน้าตัวเองให้ซุกซบลงไปบนหน้าขาของเขามากขึ้นก่อนปล่อยตัวตามสบาย จัดท่าทางให้ผ่อนคลาย หลับตาพริ้มพร้อมกับมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า
เดือนหน้าเราจะแต่งงานกัน
งานแต่งงานของผมกับเขาจะเกิดขึ้นที่แคนาดาเพราะเป็นประเทศที่รองรับการแต่งงานของเพศเดียวกันอย่างถูกกฎหมาย และหลังจากนั้นเราจะได้อยู่กินกันฉันสามีภรรยา เช่นเดียวกับคู่รักคู่อื่นๆ
ขยับยิ้มอีกครั้ง
มีความสุขมากจริงๆ
ผมผล็อยหลับไป...และตื่นขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชินไม่มีไออุ่นจากเขา เมื่อลืมตาได้เต็มตาแล้ว...ก็พบว่าไม่มีเขาด้วยซ้ำห้องร้างว่างเปล่าราวกับอยู่ในโกดังเก่าๆ ที่ไม่มีใครใช้งานผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งเพื่อพบว่าเมื่อครู่ตัวเองนอนจมกองฟางเหี่ยวๆ ขยี้ตาอยู่สองสามทีพลันประตูโกดังก็เปิดออก
เป็นเขาที่ก้าวเข้ามา
ผมมองเห็นใบหน้าเขาไม่ชัดเพราะแสงจากข้างนอกย้อนเข้ามาทำให้ใบหน้าเขาพร่าเบลอ แต่ไม่สำคัญอะไรเท่ากับผมรับรู้ได้ว่าเขาเป็นเขาคนรักของผม และคนที่ผมรักที่สุด
เขาเดินมานั่งข้างผมพร้อมถอนหายใจ
“
“
ผมไม่เข้าใจแต่สุดท้ายก็ยอมลุกขึ้นตามแรงดึงของเขา เราเดินออกจากโกดังร้าง แหวกผ่านพงหญ้ากิ่งไม้และเถาวัลย์ น่าแปลกที่ผมย่ำเดินราวกับรู้จักสถานที่แห่งนี้ดี ทั้งๆที่มั่นใจว่าเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก สองมือของเราจับจูงกันมาตลอดทางเขาพยายามนำทางให้ผม ปัดป่ายสิ่งกีดขวางให้ จนเราเดินมาถึงลานกว้างกลางป่าไร้ซึ่งต้นไม้รกชัน
แล้วเขาก็ปล่อยมือผม
“
ผมไม่เข้าใจประโยคของเขาสักนิดแต่กลับพยักหน้าราวกับมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเราที่จะต้องเป็นเช่นนี้และผมก็ก้าวต่อไป มุดเข้าไปในป่ารกทึบอีกครั้งอย่างไม่เคยรู้จักทว่าสองขากลับก้าวเข้าไปอย่างคล่องแคล่ว คล้ายว่าเป็นเส้นทางที่ผมคุ้นเคยดี
ผมโผล่มาที่สนามหญ้าผืนใหญ่มีเด็กๆ วิ่งเล่นกันประปราย ผมสิ่งยิ้มให้เด็กน้อยคนหนึ่งที่หันมาเห็นผมก่อนเขาจะวิ่งจากไป ส่วนผมก็เดินต่อไปตามทางอีกครั้งที่ผมสอดส่องสภาพแวดล้อมไปรอบๆ ตัว ไม่เคยรู้จักสถานที่พวกนี้แต่ร่างกายกลับจดจำได้อย่างดี สองขาก้าวไปตามทางอย่างที่ผมไม่คิดจะหยุดเดินผ่านบ้านไม้หลังต่างๆ จนมาถึงบ้านไม้หลังหนึ่ง
ผมเปิดเข้าไปอย่างไม่ลังเลเจอผู้หญิงสูงวัยเดินผ่านไป หล่อนเอ่ยทักทายผมพร้อมกับบอกให้ไปทานข้าวได้เลย
ผมนั่งลงที่โต๊ะอาหารไม่นานก็มีชายมีอายุคนหนึ่งมานั่งลงตรงข้ามและผู้หญิงคนนั้นก็กลับมานั่งข้างผมอีกที
และผมถึงได้รู้ว่าสองคนนี้คือพ่อและแม่ของตัวเอง
เราลงมือรับประทานอาหารเย็นด้วยกันจนซุปหยดสุดท้ายถูกตักกินจนหมด ผู้เป็นแม่ก็เอ่ยขึ้น
“
ผมเลิกคิ้วสงสัยเธอพูดชื่อเขาที่ผมไม่เคยได้ยิน แต่กลับรับรู้ได้ว่าเป็นใครถ้าไม่ใช่คนเดียวกันกับคนที่ผมเจอที่โกดังในวันนี้
“
“
“...”
ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปมื้ออาหารเย็นจบลงแค่นั้น หญิงสูงอายุบอกให้ผมเตรียมเข้านอน ผมรับคำขึ้นบันไดไปชั้นสองของบ้านอย่างคล่องแคล่วเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของผมที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอีกครั้ง
ผมล้มตัวบนฟูกและจบวันนี้ด้วยตัวเอง
แสงอาทิตย์ส่องพาดหน้าผมจนตื่นเพราะความร้อนผมชันตัวลุกขึ้นมา มองไปรอบๆ ตัวก็พบว่าตัวเองอยู่ในโกดังเก่าๆ นั่นอีกครั้ง
อ่า...ใช่เมื่อคืนเขามาแอบเคาะหน้าต่างบ้านผม พร้อมกับส่งข้อความว่าให้เจอกันที่เดิม เหมือนที่ผ่านๆมา และหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ผมก็ออกจากบ้าน เดินไปตามทุ่งหญ้าโล่งมุดเข้าป่ารกทึบ เดินตามเส้นทางมายังโกดังแห่งนี้ในที่สุด
“
เสียงคนคุ้นเคยทำให้ผมหันหน้าไปหาต้นเสียงและแย้มยิ้มออกมาเมื่อรับรู้ว่าเป็นเขา
“
“
ผมโคลงหัวต่อบทสนทนาอย่างลื่นไหล “อย่างน้อยก็น่าจะมีที่ที่ใกล้กว่านี้”
“
ผมขยับตัวไปใกล้เขาช้อนใบหน้าแสนรักนั้นมาให้ใกล้ตัวมากขึ้นก่อนประกบจูบลงไป
เนิบช้าทว่าเร่าร้อนจูบของเขาทำให้ผมคลุ้มคลั่งได้ทุกครั้งที่สัมผัส แลกลิ้นแลกเปลี่ยนรสน้ำหวานผลัดกันเล้าโลมลูบไล้ไปทั่วร่างกาย จนเขาผลักให้ผมนอนลงจมกองฟางแห้งๆ นั่น
แล้วเราก็เริ่มบรรเลงเพลงรักกัน
จบทำนองสวาทผมนอนซบแผ่นอกของเขา ลอบสูดดมกลิ่นกายของเขาที่ลอยคลุ้งเจือจางเขาหลับตาพริ้มมุมปากขยับยิ้ม ขยับมือที่ผมนอนทับให้ออกมาจากการจับกุมลูบไหล่ผมอย่างแผ่วเบา ผมรับรู้ในความรักอย่างหาที่สุดไม่ได้ของเขา พร้อมๆกับรับรู้ว่าตัวเองตกอยู่ในห้วงรักของเขามากมายแค่ไหน
รักจนล้นใจไปหมดรักจนคิดว่านิยามคำว่ารักแสดงความรู้สึกของผมได้ไม่มากพอ
และถ้าหากบัญญัติคำว่ารักใหม่ได้ผมจะใช้เป็นชื่อของเขา
เรากลับบ้านกันในช่วงเย็นเช่นเดิมและเป็นเหมือนเดิมที่เขาจะรอให้ผมออกจากป่าไปก่อนสักพักแล้วถึงจะตามออกไปผมเข้าใจดีว่าความรักของเราทั้งสองไม่อาจเป็นที่ยอมรับและมันถึงได้กลายเป็นความลับเสมอมา
“
“...”
“
ผมวางช้อนส้อมลุกออกจากโต๊ะอาหาร พึมพำบอกว่าอิ่มแล้วก่อนขึ้นไปเก็บตัวนอนอยู่ในห้องตัวเอง ผมไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงขัดขวางในความรักของพวกเราพวกเขาบอกว่ามันผิดพระเจ้าไม่อนุญาตให้เรารักกันเพราะเช่นนั้นมันจึงถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงผิดทั้งๆ ที่เราไม่เคยทำร้ายใคร
ผิดแค่เพราะมันแตกต่างจากคนทั่วไป
ผมสะดุ้งตื่นกลางดึกเมื่อได้ยินเสียงเคาะหน้าต่างสะลึมสะลือไปเปิดผ้าม่านและเป็นเขาที่ปรากฏอยู่ภายนอกกรอบกระจก ผมปลดล็อกเปิดให้เขาเข้ามา ทว่าเขายังคงค้างตัวอยู่อย่างนั้น
“
“
“
“
ผมที่เพิ่งตื่นยังคงสับสนในคำพูดของเขาแต่ก็ยอมสวมรองเท้าและปีนหน้าต่าง กระโดดลงมาจากชั้นสองของบ้านตามเขาไป
“
ผมถามในขณะที่เรากำลังออกวิ่งในความมืด ตะเกียงไฟแทบไม่ช่วยนำแสงสว่างได้เท่าไหร่
“
“...”
“
“...
“...”
“
เขาหยุดวิ่งหันหน้ามาหาผมก่อนรวบตัวผมเข้าไปกอด “ฉันก็ไม่รู้”
“...”
“
ผมน้ำตาไหลเสียใจกับความรักที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดในสายตาคนทั่วไปเขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกครั้งก่อนปล่อย
“
ผมพยักหน้าปาดน้ำตาทิ้งไป แล้วเสียงโวยวายข้างหลังก็ดังขึ้น
“
สี่เท้าของสองคนรีบจ้ำไปตามทางมืดมิดทว่าผมกลับวิ่งบนเส้นทางที่มองไม่เห็นและไม่คุ้นเคยได้ปราดเปรียวราวกับรู้จักมันมาตั้งแต่เกิดเขาพาเราอ้อมป่าของหมู่บ้านเพื่อที่จะได้ไม่เตะตา ลักลอบเข้าสวนของชาวบ้านไปเรื่อยๆจนเจอทุ่งหญ้าก่อนถึงทางเข้าป่า
“
ใจผมสั่นระรัวเมื่อหันไปทางต้นเสียงก็เห็นกลุ่มคนเป็นเงาลางๆ อยู่อีกฝั่งของทุ่งหญ้าและกำลังพุ่งเข้ามาทางเรา
“
เขาร้องคว้ามือผมก่อนออกวิ่งเข้าไปในป่า เส้นทางรกทึบเป็นอุปสรรคเล็กน้อยในการหลบหนีทว่าเส้นทางพวกนี้เราคุ้นชินกับมันมานานนับปีความคุ้นเคยทำให้เราผ่านใบไม้ทึบและเถาวัลย์ไปได้เรื่อยๆ
ผ่านลานกว้างกลางป่าผ่านต้นไม้ลำต้นใหญ่เล็ก กิ่งไม้และใบไม้ พงหญ้าและกอหญ้าจนมาถึงโกดังร้างอันคุ้นเคย สถานที่ซึ่งเป็นสรวงสวรรค์ของเรา
หรือเคยเป็น
เขาหอบหายใจรวมถึงผมด้วยเราค่อยๆ เข้าไปยังโกดังแห่งนั้นช้าๆ เขาล็อกประตูลงกลอนมันไว้ขังพวกเราให้อยู่ในนี้กันแค่สองคน
“
ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับเขาทว่ายังเกิดคำถาม
“
เขาหันมาส่งยิ้มให้ผมเป็นรอยยิ้มที่เห็นแล้วรวดร้าวจนแทบจะร้องไห้ออกมา
“...
“
“
“
“
คืนนั้นเรานอนกอดกันกกกอดแลกรสจูบให้กันราวกับวันสิ้นโลกจะมาถึง และมันอาจเป็นวันสิ้นโลกจริงๆ ก็ได้ผมซุกเข้าไปในอ้อมกอดของเขากอดก่ายกันพลันวันจนแทบอยากจะหลอมละลายให้ร่างกายตัวเองเข้าไปอยู่ในตัวเขาหรือไม่ก็ให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของตัวผม เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป
ตึง!
เสียงดังสนั่นปลุกให้พวกเราตื่นและเรารู้แล้วว่าเราพลาด พวกนั้นเจอเราเร็วกว่าที่คิด ยามเช้ายังมาไม่ถึงดีทว่าพวกเขามาถึงกันแล้ว
“
ผมหน้าถอดสีส่วนเขารีบลุกขึ้น ปีนกองฟางเพื่อมองผ่านช่องแสงออกไปข้างนอก
“
จบคำพูดเขาผมน้ำตาร่วง รับรู้แล้วว่าเราคงจบสิ้นกันเท่านี้ หลังจากวันนี้ไปจะไม่มีพรุ่งนี้สำหรับเราพวกเขาจะลากเรากลับหมู่บ้าน จับมัดกับเสาบนแท่นพิธีอะไรสักอย่างก่อนเฆี่ยนตีเราจนกว่าจะหมดลมหายใจ
เสียงดังตึงยังคงดังอยู่ข้างนอกประตูพวกเขาคงทำลายประตูเก่าๆ นี้ได้ในไม่ช้า
เขาเดินมากอดผมแน่นส่วนผมก็จมอยู่ในอ้อมกอดเขาไม่ไปไหนสวรรค์ของเราถูกค้นพบและกำลังจะถูกทำลายในไม่ช้า รวมถึงพวกเราด้วย
อันที่จริง...คงไม่มีสวรรค์สำหรับตัวประหลาดอย่างพวกเรา
ผมสะอื้นอยู่ในอ้อมแขนของเขากระซิบบอกถ้อยคำรักไม่หยุดปาก
เขาตอบกลับมาด้วยถ้อยคำบอกรักเช่นกันพร้อมกับค่อยๆ ปล่อยอ้อมแขนออก
ใบหน้าเขายังคงไม่ชัดเจนในสายตาแต่ชัดเจนเสมอในความรู้สึก เขาเปิดเสื้อตัวเองเผยให้เห็นวัตถุสีดำอะไรบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ใต้สาบเสื้อเหน็บอยู่กับขอบกางเกงนั้น
น้ำตาผมไหลพรั่งพรูเมื่อเขาหยิบสิ่งๆนั้นออกมา บรรจุลูกกระสุนไว้สองนัดก่อนเงยหน้ามายิ้มให้ผม
และผมก็เข้าใจทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา
ผมแย้มยิ้มให้เขา
“
ผมพยักหน้ารับเชื่อมั่นในคำพูดของเขาสุดใจ “ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ฉันจะเป็นของนาย”
เขากอดผมอีกครั้งกระซิบบอกถ้อยคำรักข้างหู พร้อมกับกดจูบลงมาเป็นครั้งสุดท้าย
“
เขากระซิบบอกจ่อปืนตรงกับหัวใจของผม
ผมยิ้มหลับตาและพยักหน้า ผมเชื่อเขาอยู่แล้ว เชื่อว่าเขาจะตามมา
ปัง!
เสียงประตูถูกเปิดออกดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงปืนที่ลั่นไกเข้ากับร่างผมทั้งโลกหมุนเคว้งทันทีที่กระสุนทะลุผ่านตัวผม ร่างกายผมกระแทกลงกับผิวดินมันไม่เจ็บปวดอีกต่อไป ทุกสรรพเสียงหายไป ภาพตรงหน้าเลือนรางเต็มที
ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นความมืดภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือเขาลั่นไกเข้าที่ขมับตัวเอง
และร่วงหล่นลงมานอนข้างกายผม
“
ใบหน้าที่คุ้นเคยของเขาปรากฏขึ้นมาเป็นอย่างแรกหลังจากที่ฝ่ามืออุ่นปาดน้ำตาของผมออกไปให้พ้นจากการมองเห็นผมพยักหน้า หันไปมองรอบๆ ตัวที่เป็นห้องพักของพวกเรา ทุกอย่างเหมือนเดิมของทุกอย่างที่เราเลือกซื้อมาด้วยกันตั้งไว้ที่เดิม ผ้าปูที่นอนสีเดิมผ้าม่านสีเดิม
และเขาคนเดิม
ผมน้ำตาไหลไม่หยุดจนเขาต้องโอบกอดประคองผมเอาไว้ ลูบหัวลูบหลังราวกับปลอบเด็กทารก
“
ผมสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดเขาเขาหอบฮักให้กับความฝันที่สมจริงยิ่งกว่าครั้งไหนทุกเรื่องราวยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเสมือนความทรงจำเมื่อวันวานแตกต่างตรงที่ทั้งเขาและผมอยู่ด้วยกันตอนนี้ และเรายังมีชีวิต
ผมเงยหน้ามองใบหน้าของเขาขยับตัวลูบไล้โครงหน้าสวย ก่อนขยับมือไปยังเส้นผมข้างหน้าที่ปรกบังขมับข้างขวาผมเผยมันออก เห็นรอยปานขนาดเท่าหัวแม่โป้งประทับอยู่ตรงนั้นนิ้วโป้งผมเกลี่ยมันอย่างแผ่วเบาลูบรอยปานที่ผนึกอยู่บนใบหน้าของเขาเช่นเดียวกับการลูบถ้วยแก้วเปราะบาง
ก่อนประกบจูบลงไปที่รอยสีเข้มนั้น
ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เราหากันเจอในชาตินี้
และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นความรักของผมจะเป็นเขาตลอดไป
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in