บนโลกที่เราถูกจับคู่กับใครสักคนซึ่งเรียกว่า Soulmate บางคนไม่เคยคิดจะสนใจ บางคนใช้ทั้งชีวิตออกเดินทางตามหา แต่ ณ ที่แห่งนี้เราหมดหวังจะไปคิดถึงเรื่องนั้น หลังจากสงครามโลกครั้งที่สามเริ่มขึ้น การทำยังไงให้อยู่รอดสำคัญกว่าการดูตัวเลขบนข้อมือว่าระยะห่างระหว่างผมกับ Soulmate อยู่ไกลกันแค่ไหน วันที่ระเบิดนิวเคลียร์พุ่งตรงมาที่เกาะแห่งนี้ ทหารเข้ามายึดอำนาจปกครอง ผมยังโชคดีที่ได้ทำงานเป็นเบ๊รับใช้พวกนักวิทยาศาสตร์ภายใต้คำสั่งของทหาร ตัวเลขบนข้อมือของผมกลายเป็น “0” นั่นหมายความว่าเขาหรือเธอคนนั้น ‘อยู่ใกล้ผมเกินไป’ หรืออาจจะ ‘ตายแล้ว’
ร่างไร้วิญญาณกองพะเนินเป็นภูเขาเลากาอยู่เบื้องหน้า กลุ่มหนูทดลองที่สละชีวิตอย่างไม่เต็มใจให้แก่นักวิทยาศาสตร์ซึ่งทำงานอย่างหนักโดยมีปลายกระบอกปืนจ่อหัว ทดลองทีละสิบ ตายทีละสิบ ขนซากออกมาทีละสิบ และเผาพร้อมกันเป็นร้อย ผมถกแขนเสื้อขึ้น เลข “0” บนข้อมือตอกย้ำว่าผมคงต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวบนเกาะเส็งเคร็งนี่ไปตลอดชีวิต ถุงมือสีเขียวเข้มสวมเข้าที่มือทั้งสองข้าง จับขาของร่างมนุษย์ทดลองเหล่านั้นลากไปยังหลุมขนาดใหญ่ ความกว้างราวๆครึ่งสนามบาสเก็ตบอล ผมเอื้อมมือไปปิดตาให้กับทุกร่างที่สละชีวิตตนเองก่อนจะปล่อยลงหลุม หลายร่างอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดูนัก บ้างก็ยังสดใหม่ บ้างก็เน่าเปื่อยส่งกลิ่นเหม็น ยังดีที่หน้ากากอนามัยช่วยให้กลิ่นเหล่านั้นเบาบางลง
ศพแล้วศพเล่าถูกลากไปลงหลุมเผา พื้นดินเป็นรอยลากทางยาวทั่วบริเวณ แดดร้อนจัดทำให้เหงื่อผุดขึ้นมาตามใบหน้า กล้ามเนื้อแขนทำงานไม่ได้หยุดพักมาราวๆชั่วโมงครึ่ง ผมเริ่มรู้สึกล้า ก้าวขาเดินอย่างเนือยๆไปหยุดที่ภูเขาร่างมนุษย์กองสุดท้าย เป็นกองล่าสุดที่ถูกขนออกมาเมื่อเช้านี้ ‘เอาวะ แป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว’ ผมคิด ถอนหายใจเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปลากศพผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอยู่ล่างสุดห่างจากร่างอื่นๆ จับข้อมือเธอไว้แน่น ออกแรงลากอีกครั้ง ด้วยความเหนื่อยผมรู้ว่าตัวเองใช้เวลาลากร่างนี้นานกว่าร่างที่ผ่านมาพอสมควร นานพอที่จะรู้สึกว่าตัวเธออุ่นแปลกๆทั้งที่ร่างของเธอถูกบังจากแสงแดด และนานพอที่จะรู้สึกว่า...ชีพจรเธอยังเต้นอยู่
ผมหันกลับไปมองอีกครั้ง จังหวะเดียวกับที่เธอเบิกตาโพลงแล้วสะดุ้งเฮือกขึ้นมาเหมือนตอนคนเราฝันว่าตกจากที่สูง ผมเองก็ตกใจจนผงะแล้วเผลอปล่อยมือเธอ เธอตะเกียกตะกายลุกขึ้นมานั่งหอบหายใจคล้ายจะหอบเอาอากาศทั้งโลกเข้าปอด ผมหันมองซ้ายขวาหน้าตาเลิ่กลั่ก เมื่อเห็นว่าไม่มีทหารยืนเฝ้าจึงรีบถอดถุงมือแล้ววิ่งเข้าไปประคองเธอ ร่างผอมโกรก ผมสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าเรียวมีกระเป็นจุดกระจัดกระจายตามหน้าแก้ม ดวงตาสีเทาอ่อนดูตื่นตระหนก ผมเรียกเธอแล้วเขย่าตัวเบาๆ เธอตอบผมน้ำเสียงสั่นเครือ
“ฉัน...ฉันต้องแกล้งตาย ฉันเป็นคนเดียวที่ร่างกายตอบสนองต่อสารเคมีนั้นสำเร็จ ฉันกลัว”
“ใจเย็นๆ คุณลุกไหวนะ ผมแอบพาคุณออกไปได้”
ผมจับมือเธอลุกขึ้น จังหวะเดียวกับที่เลข “0” บนข้อมือของเราค่อยๆจางหายไปพร้อมกันอย่างช้าๆ เราขมวดคิ้วมองหน้ากันแทบจะในทันที เพราะนั่นหมายความว่า เราได้พบ ‘Soulmate’ ของตัวเองเข้าให้แล้ว ถึงจะพบในสถานการณ์ที่แปลกหน่อยก็เถอะนะ...
_____________________________________________________________________________
ปล. เป็นเรื่องสั้นที่เข้าร่วมเล่นในกิจกรรม 1 PAGE CHALLENGE ค่ะ ♥
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in