ถนนกลางเมืองในเวลาห้าโมงเย็นหลังเลิกงานเป็นช่วงเวลาที่คนพลุกพล่านมากที่สุด ผู้คนเดินสวนกันขวักไขว่โดยมีจุดหมายปลายทางที่ต่างกัน ร้านรวงสองฟากถนนมีคนเดินเข้าออกไม่ขาดสาย ซุปเปอร์มาร์เก็ตเต็มไปด้วยลูกค้าต่อคิวซื้อของยาวหลายเมตร เช่นเดียวกับป้ายบัสที่มีผู้โดยสารยืนรอสายรถบัสตามตารางเวลา
หญิงสาวร่างบาง เจ้าของรองเท้าผ้าใบสีดำเดินทอดน่องตามไปทางอย่างไม่เร่งรีบไร้ซึ่งจุดหมาย ปล่อยให้คนอื่นก้าวขายาวเดินแซงนำหน้าไปลิ่ว สายตากวาดมองไปรอบกาย จนกระทั่งถึงหัวมุมสุดถนนที่เป็นสี่แยกขนาดใหญ่เบื้องหน้าที่มีกลุ่มคนจำนวนมากกำลังยืนรอสัญญาณไฟจราจรข้ามถนน
เรียวขาที่ก้าวเดินค่อยๆ ชะลอหยุดยืนปะปนในกลุ่มคนเหล่านั้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทอดมองไปยังรถยนต์หลายสัญชาติที่แล่นผ่านหน้าไปทีละคันสองคัน ท้องฟ้าในเวลาห้าโมงกว่ายังไม่มืดเท่าที่ควรจะเป็น
ท่ามกลางเสียงดังของรถยนต์บนท้องถนน เสียงเซ็งแซ่ของคนแปลกหน้ารอบกาย วินาทีนั้นหญิงสาวพลันรู้สึกถึงความเงียบเหงาที่คืบคลานซัดถาโถมเข้ามาคล้ายพายุฤดูร้อน ความเหงาของการยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าคนมากมายยืนรายล้อมนั้นรุนแรงโหดร้ายกว่าความเหงาตอนอยู่คนเดียวทวีคูณ
สัญญาณไฟเปลี่ยนจากสีแดงเป็นเขียว ฝูงคนขนาดมหึมาออกเคลื่อนตัวข้ามไปยังอีกฟากฝั่งถนนคล้ายผึ้งแตกรัง ขาสองข้างที่ควรจะก้าวออกเดินต่อกลับหยุดชะงักงันอยู่ที่เดิม ไม่สนแรงชนกระแทกจากร่างคนเดินสวนไปมา ตัวเลขสีเขียวล่างบนเสาไฟจราจรนับถอยหลังใกล้หมดเวลาอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า กลุ่มคนมหาศาลเมื่อครู่พลันสลายหายวับไปภายในเวลาไม่กี่วินาที เหลือเพียงตัวเธอที่ยังยืนอยู่จุดเดิม
หากทว่าวินาทีนั้นเอง... ที่สายตาของเธอพลันมองสบเข้ากับดวงตาเรียวเล็กคู่เดิมที่คุ้นเคย
หล่อนปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ เจ้าของร่างเล็กคืบคลานเข้าหาเธอทีละนิดตามจำนวนก้าวที่เดินเข้าใกล้ เห็นรอยยิ้มบางบนใบหน้าเรียวของอีกฝ่ายตั้งใจส่งมาให้ ทำความเหงาที่เกาะทุกอณูในร่างกายพลันหายจนหมดสิ้น
หญิงสาวเพิ่งเข้าใจ… ‘เหมือนฝนตกตอนหน้าแล้ง’ เป็นเช่นนี้เอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in