ช่วงปิดเทอมของเด็กที่กำลังขึ้นปีสี่ควรจะถูกจดบันทึกไว้ว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตมากกว่าช่วงมอต้นนะ อย่างน้อยๆก็สามารถทำให้ชีวิตของanonymousเพศหญิงคนนึงยุ่งเหยิงขึ้นมาได้ในระดับที่ต้องออกจากบ้านทุกวัน จากปกติที่ใช้ชีวิตเป็นสลอธบนดินมาตลอด จริงๆแล้ว สถิติการก้าวเท้าออกจากบ้านปิดเทอมในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาอาจจะน้อยกว่าระยะทางที่คนธรรมดาเดินไปเซเว่นหน้าปากซอยบ้านอีกมั้งเนี่ย
ถึงจะไม่อยากแค่ไหน แต่นานๆทีก็จะต้องออกมาสังเคราะห์แสงที ม๊าบอกว่ายังไงก็ต้องมาโดนแดดบ้าง มาละลายไขมัน (เอ๊ะ..) ละลายได้จริงมั้ยไม่รู้ รู้แต่แดดเมืองไทยมันทำให้เหงื่อออกเยอะมากๆ แม้กระทั่งระหว่างชั้นไขมันที่หน้าท้อง พูดแล้วคันพุงเลย *เกาๆ*
เพราะงั้นช่วงปิดเทอมนี้เลยเป็นช่วงที่มีอะไรให้ทำเยอะ ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้หน่อย อยู่มาวันนึงก็คิดว่า หลังจากฝึกงานเสร็จ -> ไปทำธุระกับที่บ้าน มันยังมีเวลาเหลืออยู่ช่วงนึง คิดว่าจะทำอะไรดีจะเอายังไงดี ก็เลยลองเซิร์จหานู่นนี่เรื่อยเปื่อยดู ตอนแรกคิดว่าจะเอาเวลานี้มานั่งอ่านสอบ JLPT อย่างจริงจัง! ( ตกใจทำไม.. -v- ) เพราะดูท่าแล้วการสอบรอบนี้มันไม่เวิร์คชัวร์ๆ วางแพลนพลาดจนไม่มีเวลาอ่านหนังสือเลยแต่ต้องสอบN3 ซึ่งมันเป็นระดับที่จะใช้บุญเก่าไปสอบไม่ได้แน่ๆ คิดว่าโอเค เราอ่านญี่ปุ่นช่วงนี้เพื่อเตรียมตัวสอบรอบธันวากันเถอะ ความคิดก็เตลิดไปเรื่อยๆจนถึงการเรียนภาษาต่อที่ญี่ปุ่น เลยเซิร์จข้อมูลไปพลางๆ โดยที่ไม่คิดว่าเราจะได้เจอเพื่อนใหม่คนนี้แบบกะทันหัน
' JAPAN YOUTH AMBASSADORS 2017 '
โครงการนี้เป็นโครงการของ JAPAN EXPO THAILAND ร่วมกับเมืองคิตะคิวชู ที่จะจัดหานักศึกษาจากประเทศไทยสองคนเป็นตัวแทนไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและประชาสัมพันธ์เสน่ห์ของเมืองคิตะคิวชูให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
ตอนเห็นประกาศรับสมัครครั้งแรก บอกตรงๆเลยว่าความเป็นไปได้ในหัวของนี่ = 0 คือแก.. คุณสมบัติของผู้ที่สมัครได้ค่อนข้างเป็นสโคปที่กว้างมาก เพราะงั้นคนสมัครเยอะแน่นอน จุดสำคัญคือ แล้วเรามีดีอะไรที่จะทำให้เค้าเลือกเราไปได้ นอกจากความเป็น Anonymous หลงฝูงที่อยู่ในสายเลือด แต่แล้วเราก็มานั่งคิดว่า ถ้าเรายังขืนปล่อยตัวเองให้อยู่ในคอมฟอร์ทโซน เอาแต่อยู่ในพื้นที่ความสบายใจของเราแบบนี้ไปเรื่อยๆ สุดท้ายเราก็จะกลายเป็น Loser โดยที่ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรด้วยซ้ำ ก็เลยมีความคิดอยากชาเลนจ์ตัวเอง เพราะแค่ส่งใบสมัครแค่นั้นเอง ไม่มีอะไรเสียหาย สุดท้ายก็เลยลองส่งไปดู ซึ่งเราก็จะต้องทำแผนการท่องเที่ยวคิตะคิวชู+แผนโปรโมทแนบไปด้วย ก็ต้องแอบงัดและปัดฝุ่นสกิล Photoshop ที่หลับไปนาน (จนปลุกแทบไม่ตื่นแล้ว) ให้ออกมาทำมาหากินซักหน่อย
พอถึงวันประกาศผลผู้มีสิทธิ์สัมภาษณ์ ซึ่งจะมีผู้ผ่านเข้ารอบนี้ไปแค่ 15 คน คัดจากคนสมัครที่คาดว่าน่าจะหลายร้อยแน่ๆ ตอนเช็ครายชื่อในเพจก็ไม่ได้มีความหวังอะไร
"...คุณ KXXXXXX XXXXXXXXXX..."
อ้าว... นี่มันชื่อเรานี่หว่า.......
...
..
..
.
.
.
.
.
.
สถานีต่อไป เราต้องไปสัมภาษณ์แล้วว่ะแก....
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in