ภายใต้สภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวของประเทศไทยแบบนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเครื่องดื่มเป็นสิ่งที่ผู้คนต่างมีไว้ติดมือตลอดเพื่อบรรเทาความกระหายและเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายแต่จะเป็นเครื่องดื่มอะไร ก็เป็นปัจเจกไปตามแต่ละบุคคล บ้างก็ดื่มน้ำเปล่าบ้างก็ดื่มชา กาแฟ หรือน้ำสมุนไพรที่มีฤทธิ์ดับร้อนต่างๆ แต่อีกหนึ่งในเครื่องดื่มยอดฮิตที่ผู้คนสรรหามาดับร้อนคือน้ำอัดลม พอพูดถึงน้ำอัดลม ยี่ห้อที่เด้งขึ้นมาในหัวของทุกคนคงหนีไม่พ้น โคคา-โคล่า(Coca-Cola) หรือที่หลายคนเรียกกันติดปากว่า โค้ก(Coke) 

ที่มา: https://m.economictimes.com

       โคคา-โคล่าหรือ โค้ก เป็นน้ำอัดลมสีดำยอดฮิตชนิดหนึ่งที่คนส่วนใหญ่โปรดปราน เนื่องด้วยรสชาติหวานและความซ่าของแก๊สที่อัดเข้าไปซึ่งทำให้ผู้ดื่มรู้สึกสดชื่นหลังจากดื่มเพียงอึกแรกแต่รู้หรือไม่ว่าต้นตอของเครื่องดื่มสีดำนี้มีที่มาจาก ถั่วโคล่า(Kola nut)

ที่มา: https://medium.com

       ถั่วโคล่า(Kola Nut) เป็นถั่วขนาดประมาณเมล็ดเกาลัดจัดอยู่ในพืชตระกูล Cola Acuminata และ Cola Nitida พบได้ในบริเวณแอฟริกาตะวันตก คนพื้นเมืองมักจะทานถั่วโคล่าเพื่อให้ร่างกายมีพละกำลัง เนื่องจากถั่วดังกล่าวมีสารคาเฟอีน(Caffeine) และสารทีโอโบรมีน(Theobromine) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ทั่วไปในกาแฟ ชา และโกโก้ นอกจากจะใช้เป็นสารกระตุ้นแล้ว ถั่วโคล่ายังใช้เป็นสัญลักษณ์ในการแสดงการต้อนรับของชนพื้นเมืองอิโบ(Igbo) ในประเทศไนจีเรียอีกด้วย โดยเจ้าบ้านจะทุบถั่วโคล่าต่อหน้าแขกผู้มาเยือนและยื่นให้แขกทาน

       จนเข้าสู่ศตวรรษที่ 15 ชาวยุโรปได้รู้จักกับถั่วโคล่าเป็นครั้งแรก จากการที่ชาวโปรตุเกสนำเรือมาเทียบท่าบริเวณประเทศเซียร์ราลีโอนในปัจจุบันและนำถั่วโคล่าติดเรือกลับไปด้วย พอถึงช่วงศตวรรษที่ 19 ถั่วโคล่าก็ถูกส่งออกไปยังยุโรปและสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมาก โดยผู้คนมักนำถั่วโคล่าไปเป็นส่วนผสมของยาชูกำลัง รวมถึงนำไปผสมในเครื่องดื่มด้วย โดยจอหฺ์น เพมเบอร์ตัน(John Pemberton) เภสัชกรสัญชาติอเมริกันได้ผสมโซดา น้ำเชื่อม สารสกัดจากใบโคคา(Coca leaves) และสารสกัดจากถั่วโคล่า เกิดเป็นเครื่องดื่มชนิดใหม่ที่มีรสชาติถูกปากเขาและเพื่อนร่วมงาน ประกอบกับช่วงเวลานั้นมีกฏห้ามซื้อขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มชนิดใหม่นี้จึงเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ใช้ดื่มแทนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในปีค.ศ. 1886 เพมเบอร์ตันจึงเริ่มทำการขายโดยใช้ชื่อว่าโคคา-โคล่า(Coca-Cola) ซึ่งได้ชื่อมาจากสารสกัดใบโคคาและถั่วโคล่านั่นเอง จนในเวลาต่อมาเครื่องดื่มโคคา-โคล่าได้กลายเป็นเครื่องดื่มโปรดของใครหลายๆ คน ทว่าในปัจจุบันการผลิตเครื่องดื่มโคคา-โคล่าไม่ได้ใช้สารสกัดจากใบโคคาและถั่วโคล่าแล้ว แต่ใช้สารปรุงแต่งที่เลียนแบบขึ้นมาแทนเพื่อให้รสชาติของเครื่องดื่มเป็นไปตามมาตรฐาน

อ้างอิง:

Greenwood, V. (2017).The little-known nut that gave Coca-Cola its name. Retrieved from 

       https://www.bbc.com/future/article/20160922-the-nut-that-helped-to-build-a-global-empire.

Kola Nut. (2014).Retrieved from https://www.britannica.com/science/kola-nut. 

Thomson, J. R. (2017). Cola Actually Came FromSomething Called A Kola Nut. Retrieved from 

       https://www.huffpost.com/entry/kola-nuts_n_59a5718ce4b0446b3b8676f5.