เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storydielianhua
เล่าเรื่อง: Flesh & Blood

  • ชื่อเรื่อง: FLESH & BLOOD (สถานะ: ยังไม่จบ)
    Pairing: Jeffrey x Kaito
    ผู้แต่ง: Matsuoka Natsuki (松岡なつき)
    จำนวน: 24 เล่ม (ไม่รวมเล่มตอนพิเศษ)
    Other Adaptation: Drama CD 

    เรื่องย่อ 
    โทโหงะ ไคโตะ (東郷海斗)เด็กหนุ่มวัยมัธยมปลายปีที่ 2 (อายุประมาณ 17ปี) ชื่นชอบประวัติศาสตร์ยุโรป โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องของโจรสลัด วันหนึ่งไคโตะได้ไปเที่ยวที่อังกฤษกับเพื่อนสนิท ไคโตะหลุดข้ามเวลาย้อนไปในอังกฤษยุคปีค.ศ.ที่ 16 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดสงครามอังกฤษ-สเปน หรือเรียกอีกชื่อว่า Anglo-Spanish War และได้พบกับเจฟฟรี่ ล็อกฟอร์ด (Jeffrey Lockford) กัปตันเรือโจรสลัด เจ้าของเรือกลอเรีย (Gloria) เมื่อไคโตะรู้ว่า เจฟฟรี่เป็นโจรสลัดใต้บังคับบัญชาของ เซอร์ ฟรานซิส เดรก (Sir Francis Drake) ทหารรับใช้พระราชินีเอลิซาเบธที่ 1 ก็กลัวว่าตัวเองจะถูกจับไปทรมานสอบสวน จึงโกหกไปว่า ตนเองเป็นนักทำนายอนาคตที่ถูกทหารสเปนจับตัวมา และพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นนักทำนายจริงๆ โดยการทำนายเกี่ยวกับแผนการรบของอังกฤษกับสเปน ซึ่งสุดท้ายทางเจฟฟรี่และเดรกก็เชื่อ และรับไคโตะเข้าเป็นพวก แต่ทว่าการผจญภัยไปกับเจฟฟรี่ครั้งนี้ ทำให้ไคโตะพบว่า ประวัติศาสตร์ที่ตนเรียนมากับความจริงที่ได้พบนั้นมีส่วนแตกต่างกันเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องราวของเรือกลอเรียของเจฟฟรี่นั้น ไม่มีปรากฎในส่วนไหนของบันทึกประวัติศาสตร์เลยแม้แต่น้อยทั้งที่เจฟฟรี่และลูกเรือของเรือกลอเรียนั้นต่างก็มีบทบาทในสงครามนี้มากมาย โดยเฉพาะเจฟฟรี่นั้น ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่เดรกนั้นให้ความไว้วางใจมากที่สุด และเป็นกองกำลังสำคัญที่กำชัยชนะมาให้เดรก ทำให้เดรกมีชื่อเสียงและกลายเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสต์ แต่ในประวัติศาสตร์กลับมีเพียงเดรก ทำให้ไคโตะรู้สึกแปลกใจ และพยายามเก็บรายละเอียดเรื่องราวที่ได้พบเจอ เพื่อรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจฟฟรี่และลูกเรือกลอเรียที่กลายเป็นบุคคลสำคัญไร้นามและตัวตนในประวัติศาสตร์

    ในช่วงที่รบกัน ไคโตะก็ตกเป็นเป้าหมายในการช่วงชิงจากทางสเปน ด้วยความที่สเปนเองก็อยากจะชนะสงครามนี้ ทางสเปนจึงได้ส่งตัววิเซนเต้ เดอ ซานทีลลาน่า (Vicente De Santillana) มาชิงตัวไคโตะไป ซึ่งวิเซนเต้เองพยายามอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งในที่สุดวิเซนเต้ประสบความสำเร็จ สามารถพาไคโตะกลับไปสเปนได้ และการลักพาตัวไคโตะไปสเปนในครั้งนี้ ก็ทำให้วิเซนเต้ตกหลุมรักไคโตะไปอีกคน แต่ทว่าการพาไคโตะมาสเปนในครั้งนี้ ทำให้ไคโตะนั้นสะบักสะบอมเป็นอย่างมาก เพราะไคโตะทั้งโดนวางยา และก่อนจะกลับไปอังกฤษหลังจากที่ได้เจฟฟรี่กับไนเจลมาช่วย ไคโตะก็พบว่าตัวเองเป็นวัณโรคที่ในยุคนั้นยังไม่สามารถรักษาได้อีก ซึ่งการป่วยในครั้งนี้ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ช่วยให้วิเซนเต้ยอมหลับตาข้างหนึ่งปล่อยให้ไคโตะกลับไปกับพวกเจฟฟรี่ทั้งที่จริงๆ แล้วเขาอยากรั้งไคโตะไว้กับตัวเองจะแย่ T^T (แต่ก่อนปล่อยเขากลับไป พี่ก็แอบกินเต้าหู้จูบไคโตะไปแบบไม่กลัวติดวัณโรคทีนึงด้วย แง้) พอไคโตะกลับมาพริมัสแล้ว ก็พยายามหาทางกลับไปยังยุคปัจจุบัน เพื่อที่จะรักษาตัวเองให้หายให้ได้ และไคโตะก็หาทางกลับไปได้จริงๆ  

    แต่ทว่าพอรักษาหายแล้ว และกลับมาพริมัสแล้ว ไคโตะก็ดันมาเจอว่า เจฟฟรี่ถูกทางการจับตัวไปขัง ข้อหาต้องสงสัยว่าเป็นคนทรยศบ้านเมือง, ออกเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาต่อต้านศาสนาประจำชาติอีกรวมแล้ว 3 ข้อหา ซึ่งเรื่องราวในตรงนี้ ทำให้ไคโตะเริ่มจะคิดว่า เป็นเพราะพวกเจฟฟรี่เกี่ยวพันกับตนที่ข้ามเวลามาอย่างใกล้ชิด และถูกปรักปรำด้วยข้อหาเหล่านี้รึเปล่าถึงได้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ทั้งที่พวกเจฟฟรี่เป็นกำลังหลักที่นำชัยชนะในสงครามย่อยๆ มาให้อังกฤษตั้งหลายครั้ง แต่ไคโตะก็ไม่มีเวลาพิสูจน์อะไร เพราะต้องรีบช่วยเจฟฟรี่กลับมาก่อน ซึ่งกว่าจะช่วยออกมาได้ก็ค่อนข้างสะบักสะบอมกันถ้วนหน้า เพราะแม้ว่าจะได้ราชินีเอลิซาเบธช่วยเหลือด้วยความเมตตาทำให้พ้นข้อหาเรื่องทรยศบ้านเมืองกับออกเรือโดยพลการได้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้เจฟฟรี่พ้นผิดเรื่องศาสนาประจำชาติได้ ซึ่งเจฟฟรี่เองเตรียมใจตายไว้แล้ว (อ่านไปตรงนี้ถึงกับอุทานร้องโน๊ววววว T^T)  แต่สุดท้ายทาง โรเบิร์ต เซชิล (Robert Cecil, 1st Earl of Salisbury) ยื่นมือมาช่วย ทำให้เจฟฟรี่รอดออกมาได้ 

    ถึงตรงนี้คือจบเล่มที่ 19 แม้ใน 19 เล่มนี้จะมีแทรกเรื่องความสัมพันธ์ชู้สาวที่แสนอีรุงตุงนังอยู่บ้างเป็นระยะๆ ตั้งแต่เริ่มฉกเต้าหู้ไคโตะ จนกระทั่งเป็นคนรักกันอย่างจริงจัง แต่ความสัมพันธ์ของเจฟฟรี่กับไคโตะก็ไม่ค่อยคืบหน้ามากอย่างที่เราๆ ต้องการ เพราะจนแล้วจนรอดเจฟฟรี่ก็ทำได้กินเต้าหู้จริงๆ ค่ะ เจฟฟรี่ผู้กินดอกไม้รายทางตัวฉกาจ แต่พอมีคนรักเป็นจริงเป็นจังแล้ว กลับทำได้แค่จูบนิดนึง ลูบคลำนิดหน่อย ไม่มีเวลาได้พลอดรักกันจริงๆ จังซักครั้ง เพราะงั้นอย่าได้ถามว่าพ่อได้เขมือบไคโตะลงท้องรึยัง เพราะคำตอบคือ ยังค่ะ นอกจากยังไม่ได้เขมือบแล้ว ยังต้องมาเจอความจริงที่ว่าเพื่อนที่รักที่สุดอย่างไนเจลก็แอบรักไคโตะเช่นกัน ไหนจะมีวิเซนเต้ศัตรูบ้านเมืองโดดมาลงสนามสงครามหัวใจด้วย (แม้สุดท้ายทั้งคู่จะยอมถอยก็ตาม) 

    เรื่องราวความรักระหว่างไคโตะกับเจฟฟรี่นั้น ได้มามีพูดถึงอย่างจริงจังในเล่มที่ 20 และลงตัวในที่สุดที่เล่ม 21 ปัญหาหัวใจที่สุมอกของเจฟฟรี่ รวมถึงความน้อยใจที่สั่งสมมานานก็ได้คลายลงในที่สุด แต่กว่าจะลงตัวได้ก็ทำเอาชายอกสามศอกผู้ไม่เคยหลั่งน้ำตาแม้จะเกือบตายในสนามรบอย่างเจฟฟรี่ร้องไห้ออกมาเช่นกัน แต่ผลที่ได้รับก็คุ้มค่าในที่สุดทั้งคู่ก็ได้มีค่ำคืนที่สุดหวานชื่นกันซักที ตอนที่อ่านถึงตรงนี้ นี่ถึงกับร้องไชโยให้เจฟฟรี่เลยทีเดียว (แม้จะอดสงสารไนเจลไม่ได้ก็ตาม)

    แต่เวลาชื่นมื่นก็มาเยือนได้ไม่นาน หลังจากนั้นพวกไคโตะเข้าสู่การรบอย่างจริงจัง ไคโตะที่พบว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นมีหลายจุดที่ไม่ตรงกับประวัติศาสตร์ที่ตนรู้มา และเรื่องราวก็ค่อยๆ คลาดเคลื่อนกับสิ่งที่ตนรู้ออกไปเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นไคโตะก็ยังไม่ยอมแพ้ พยายามใช้สิ่งที่รู้ช่วยเหลือพวกเจฟฟรี่อยู่เรื่อยๆ แต่ทว่าก็สิ่งต่างๆ กลับไม่ค่อยเป็นไปอย่างราบรื่นนัก และยังมีหลายครั้งที่ทำเอาใจหายใจคว่ำอยู่เนืองๆ จนกระทั่งเล่มล่าสุดที่ออกมาคือเล่มที่ 24 สงครามบ้านเมืองน่าเป็นห่วง แถมสงครามหัวใจที่เหมือนว่าจะเคลียร์แล้วแต่ระหว่างเพื่อนรักอย่างเจฟฟรี่และไนเจลกลับยังมีความเข้าหน้ากันไม่ติดเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ทำเอาไนเจลที่ความรักก็ไม่สมหวังได้แผลใจมาเพิ่มอีกแผล .... จบเล่มล่าสุดแบบอึนๆ แต่ก็ยังหวังว่าเรื่องนี้จะมีทางออกที่แฮปปี้ให้พ่อพระรองแสนซึนอย่างไนเจลได้มีความสุขบ้าง ;v;



    ตอนแรกที่อ่านนั้นเป็นเพราะว่าสนใจในพล็อตของการย้อนอดีตไปยุคที่มีบุคคลประวัติศาสตร์จริง และเรื่องราวของสงครามที่ค่อนข้างละเอียดอยู่แล้ว อยากรู้ว่าจะมีการผูกเนื้อเรื่องในนิยายกับไทม์ไลน์ของประวัติศาสตร์จริงยังไง แต่พออ่านไป เริ่มติด ด้วยความที่ตัวละครมีการเติบโตขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครแต่ละตัวที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน จนสุดท้ายเรื่องนี้เป็นหนึ่งในเรื่องที่สนุกและน่าสนใจเรื่องหนึ่งที่ชอบมาก 

    ด้วยความที่เนื้อหาส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ไคโตะและการผจญภัยของไคโตะกับทุกๆ คนในเรือกลอเรีย เรื่องราวส่วนมากจึงเกี่ยวข้องกับการรบระหว่างอังกฤษและสเปน ทำให้เนื้อหาค่อนข้างเข้มข้น ไม่ค่อยออกทะเล รายละเอียดในแต่ละเล่มจึงค่อนข้างเยอะ ทั้งเนื้อหาการผจญภัยของไคโตะ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างไคโตะกับตัวละครแต่ละตัว ซึ่งเราจะเห็นไคโตะค่อยๆ เติบโตขึ้นทีละนิดๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านความคิด ความรู้สึก และอารมณ์ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างไคโตะกับเจฟฟรี่ที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น จากความเชื่อใจแบบเพื่อนที่มักจะเถียงกันไปมาเป็นแมวกับหนู (เพราะเจฟฟรี่คิดแต่จะกินเต้าหู้ไคโตะอยู่เนืองๆ) จนกลายเป็นความรักแบบฝังลึก แม้สุดท้ายไม่วายต่างก็มีผลัดกันหึงไปมาอยู่เนืองๆ ก็ตาม เพราะเจฟฟรี่เคยมีคู่นอนประจำที่ซ่องที่พริมัสอยู่ ส่วนไคโตะนั้น ด้วยความที่เป็นคนร่าเริง และมีสเน่ห์อยู่ในตัวอยู่แล้ว ทำให้มีหนุ่มมาหลงรักหลายคน ไม่ว่าจะเป็นวิเซนเต้ ศัตรูฝีมือฉกาจจากสเปน หรือแม้แต่ไนเจล เกรแฮม (Nigel Graham) รองหัวหน้าเรือคู่ใจและเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กของเจฟฟรี่

    แต่ถึงจะพูดว่าเนื้อหาเน้นไปที่ไคโตะ แต่การเดินเรื่องนั้นจะสลับไปที่มุมมองของแต่ละคน จะไม่ได้ถ่ายทอดผ่านแค่มุมมองของไคโตะคนเดียว บางช่วงเราก็จะได้อ่านเรื่องราวผ่านสายตาและความคิดของเจฟฟรี่ หรือไนเจล หรือวิเซนเต้ ได้รับรู้ความรู้สึกและความคิดในใจลึกๆ ของแต่ละคนด้วยเช่นกัน ทำให้ได้เห็นเรื่องราวต่างๆ มากขึ้นไปด้วย เช่น ความต้องการในใจลึกๆ ของเจฟฟรี่ที่มีต่อไคโตะที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้น ความรู้สึกหึงหวงตอนที่เห็นว่าไนเจลรู้สึกต่อไคโตะยังไง เป็นต้น

    ในส่วนคาแรคเตอร์...
    สำหรับ "ไคโตะ" เรามองว่า จริงๆ แล้วไคโตะเป็นเด็กที่น่ารักคนนึง เรามองว่าไคโตะเป็นเด็กที่ขาดความรัก และต้องการการยอมรับในตัวตนของตนเองเป็นอย่างมากคนหนึ่ง คิดว่าด้วยความที่ไคโตะเป็นเด็กที่โตมาในครอบครัวที่ไม่ได้ถึงกับอบอุ่นมาก ด้วยความที่พ่อแม่นั้นงานยุ่งและเป็นข้าราชการที่มีตำแหน่งสูง ทำให้คนที่เข้ามารายล้อมไคโตะไม่ได้มีความจริงใจ หรือเข้ามาทำความรู้จักเพราะอยากรู้จักตัวเองจริงๆ (....อย่างน้อยก็ในสายตาของไคโตะนั้นมองเห็นว่าเป็นอย่างนั้น) ไคโตะเลยกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อใจใครเวลาเห็นคนไหนพยายามเข้าหาตนเอง เพราะคิดว่าคนนั้นอาจจะต้องการอะไรซักอย่างจากตัวเอง แต่หลังจากที่ได้เจอกับทุกคนในเรือกลอเรีย ไคโตก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป กลายเป็นคนรักพวกพ้องรอบข้างมากขึ้น เริ่มเชื่อใจคนรอบข้างมากขึ้น มองทุกคนในเรือเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนร่วมตาย และยังมีด้านอื่นๆ ที่ค่อยๆ เติบโตขึ้น และเป็นคนที่เปิดกว้างมากขึ้น 

    "เจฟฟรี่" เป็นคนที่เก่งที่มีฝีมือ นิสัยอาจจะดูเหมือนคนเอ้อละเหยลอยชาย แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำงาน ต้องสู้รบ เจฟฟรี่ก็เป็นคนที่ถือว่ามีนิสัยจริงจังและเข้มงวดมากคนนึง ด้วยความที่อดีตไม่ดีฝังใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของพ่อตัวเองที่ตอนแรกเป็นคริสเตียนนิกายคาธอลิก แต่อยากหย่าไปแต่งกับเมียน้อย เลยเปลี่ยนมานับถือนิกายโปแตสแต้นท์ ทำเรื่องหย่าแม่เจฟฟรี่ แล้วก็แจ่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ ส่วนแม่เจฟฟรี่ หลังจากหย่าแล้วก็ถูกมองไม่ได้ และหลังจากนั้นก็เสียชีวิตโดยที่ไม่ได้รับความยุติธรรม  ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เจฟฟรี่สูญเสียความศรัทธาในศาสนา รวมถึงเรื่องการแต่งงาน หันมาทำตัวเป็นหนุ่มลอยชายกินเบี้ยรายทาง ใช้เงินมือเปิบจนไนเจลเป็นกังวลมากถึงขนาดเคยตั้งเป้าหมายชีวิตไว้เลยว่า จะดัดนิสัยเจฟฟรี่ แล้วทำให้เจฟฟรี่เป็นเศรษฐีที่มีทรัพย์สินเยอะที่สุดในอังกฤษให้ได้ ตอนที่อ่านเจอตรงนี้ถึงกับแอบชิพเจฟฟรี่กับไนเจลเลยทีเดียว (เอาเข้าจริงๆ โมเม้นท์น่าจับสองคนนี้มาฟันฉวั่ะก็มีเยอะมากอยู่นะ (=v=)~<3) แต่ว่า...สเปคของเจฟฟรี่นั้นไม่ใช่คนแบบไนเจล หากแต่เป็นแบบไคโตะ เจฟฟรี่เลยรู้สึกสนใจไคโตะตั้งแต่แรกพบ และพยายามหาทางกินเต้าหู้แทะโลมไคโตะตั้งแต่แรกเจอ จนกระทั่งไคโตะทนไม่ได้ แยกเขี้ยวแว้งกัดกลับทุกรอบ หนักเข้าก็ทะเลาะกันขึ้นมา เจฟฟรี่เลยปฏิญาณตนด้วยความโมโหว่าจะไม่แตะต้องไคโตะแม้แต่ปลายก้อย ซึ่งสุดท้ายก็ทำไม่ได้ค่ะ ผ่านไปได้ไม่กี่วัน ไคโตะคิดถึงเพื่อนสนิทบ่อน้ำตาแตก พอเจฟฟรี่เห็นไคโตะร้องไห้หนักเข้า พ่อก็จับไคโตะจูบปลอบใจซะแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ในสายตาไคโตะ น้องมองว่าเจฟฟรี่คือคนที่เข้าใจความต้องการของตัวเองมากที่สุดนะคะ

    "ไนเจล" เองก็เป็นตัวละครหนึ่งที่น่าสนใจ และมีความเปลี่ยนแปลงเยอะมาก ชนิดพลิกหลังเท้าเป็นหน้ามือคือด้วยความที่ไนเจลเป็นคนที่มีสายตาในการมองคนได้ทะลุปรุโปร่ง และช่างระแวง ทำให้ตอนที่เจอไคโตะครั้งแรก ก็สามารถจับจุดน่าสงสัยของไคโตะได้ทันที ว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา จากนั้นเลยคอยจ้องจับผิดไคโตะตลอดว่าจริงๆ แล้วเป็นสายที่สเปนส่งมาสืบข่าวรึเปล่าจนไคโตะรำคาญ ส่วนเจฟฟรี่ที่เชื่อว่าไคโตะเป็นนักทำนายอนาคตแต่พูดไม่ได้ ก็หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ แต่พอเจฟฟรี่เปิดเผยว่าไคโตะเป็นนักทำนายอนาคต ท่าทีไนเจลก็เปลี่ยนไป180องศา กลายเป็นพี่ชายอบอุ่น คอยดูแลตรงนี้ เป็นห่วงตรงนั้นเยี่ยงแม่ไก่หวงลูกเจี๊ยบ และพอได้ใกล้ชิดไคโตะแบบไม่มีธงอคติปักใจ สุดท้ายไนเจลก็หลงไคโตะจนโงหัวไม่ขึ้นไปอีกคน ทำเอาเจฟฟรี่ถึงกับรู้สึกร้อนลนเป็นไฟสุมอก เพราะคนนึงก็คนรัก อีกคนก็เพื่อนรัก แถมตอนอยู่ต่อหน้าทุกคนก็ไม่ทำอะไรมากไม่ได้ สุดท้ายเลยได้แต่หึงหน้าบูดเป็นหมีกินผึ้งอยู่เนืองๆ

    คนสุดท้ายที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ "วิเซนเต้" จริงๆ แล้ววิเซนเต้เป็นคนดีคนหนึ่ง และเป็นคนแรกที่เจอไคโตะหลังจากที่ไคโตะย้อนเวลามาในยุคนี้ แต่ด้วยความที่เผลอไผลไปทำร้ายไคโตะ หลังจากไคโตะหลุดปากไปว่าสเปนจะรบแพ้อังกฤษ ทำให้สุดท้ายไคโตะไปอยู่ในมือของเจฟฟรี่ แต่หลังจากที่วิเซนเต้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่มมาได้ด้วยคำเตือนของไคโตะ เรื่องนี้จึงได้กลายเป็นจุดใต้ตำตอ ที่ทำให้วิเซนเต้โกรธตัวเองมากที่ทำร้ายไคโตะทั้งที่ไคโตะเตือนเขาด้วยความหวังดี พอวิเซนเต้กลับมาสเปนได้ จึงพยายามเป็นอย่างมากที่จะช่วงชิงเอาไคโตะให้มาอยู่กับตัวเองให้ได้ และสาบานกับตัวเองว่าถ้าได้ไคโตะมาแล้ว เขาจะดูแลไคโตะให้ดี ตอบแทนที่ไคโตะช่วยชีวิตเขา ไม่มีวันทำให้ไคโตะต้องบอบช้ำแม้แต่ปลายก้อยอีกเด็ดขาด ซึ่งความพยายามอย่างสุดโต่งนี้ ทำเอาไคโตะปวดหัวเป็นอย่างมาก เพราะวิเซนเต้นั้นพยายามชนิดกัดไม่ปล่อยจริงๆ และพยายามทุกวิถีทางชนิดไม่สนว่าตอนนั้นพวกเขาอยู่ที่ไหนก็ตาม จะบนบกหรือบนเรือ หรือแม้แต่ประเทศอื่นที่ไม่ใช่สเปนหรืออังกฤษ พ่อไม่สนค่ะ ถ้าได้เจอไคโตะแม้เงา พ่อเป็นรุดเข้าหาทุกครั้ง แต่เนื้อแท้ของวิเซนเต้นั้น จริงๆ แล้วเป็นคนดีมาก มีนิสัยสุภาพบุรุษและอบอุ่นมาก พูดจาสุภาพตลอด แม้จะมีสบถบ้าง แต่ก็ไม่เคยหลุดคำหยาบให้ไคโตะได้แสลงหูเลยซักครั้ง (แต่กับคนอื่นอย่างเจฟฟี่ก็ไม่แน่นะ ฮ่าาา) ดีขนาดที่ไคโตะเคยพูดชมวิเซนเต้ให้เดรกฟัง ตอนที่เดรกถามไคโตะว่าวิเซนเต้เป็นคนยังไง ซึ่งก็ทำเอาเจฟฟรี่ถึงกับออกอาการหน้าบูดเลยทีเดียว จริงๆ แล้วไคโตะเองก็คิดว่า ถ้าไม่ติดว่าสเปนจะแพ้อังกฤษ ก็อยากจะเป็นเพื่อนกับวิเซนเต้มากๆ นะ แต่น่าเสียดาย จะให้วิเซนเต้ทรยศบ้านเกิดก็คงไม่มีทาง ไคโตะกับวิเซนเต้เลยกลายเป็นเส้นคู่ขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกันได้

    นอกจากตัวละครหลัก 4 ตัวนี้แล้ว นอกนั้นก็มีตัวละครอื่นๆ ที่น่าสนใจมาก ซึ่งหลายๆ คนนั้นเป็นคนที่มีตัวตนจริงในหน้าประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นพระราชินีเอลิซาเบธที่ 1 (Elizabeth I of England), พระราชาเฟลิปเป้ที่ 2 (Felipe II de España), คริสโตเฟอร์ มาร์โลว์ (Christopher Marlowe) หรือแม้แต่ วิลเลี่ยม เชคสเปียร์ (William Shakespeare) ก็มามีบทบาทกับเขาด้วยเช่นกัน

    จริงๆ เหมือนเคยได้ยินว่ามีสำนักพิมพ์ในไทยเคยเอาเรื่องนี้มาแปลขายอยู่เล่มสองเล่ม แล้วหลังจากนั้นก็เงียบไป เลยไม่รู้ว่า ตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว ได้แต่หวังว่าทางสำนักพิมพ์นั้นจะเอามาแปลขายต่อให้ครบ แต่ที่หวังมากกว่านั้นคือ...หวังว่าคนเขียนจะออกเล่มใหม่เร็วๆ นี้ อาจารย์ปล่อยเงียบมานานแล้ว เล่มที่ 24 ก็ออกมาตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งนี่ก็ปาเข้ามาปีที่ 6 แล้ว แต่เล่ม 25 ก็ไม่มีวี่แววว่าจะออกเล่มใหม่มาต่อเลย เป็นเศร้าค่ะ...ได้ยินว่า อาจารย์นักเขียนป่วยเป็นมะเร็งเต้านมเมื่อปลายปี 2016 ซึ่งจนทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ยินความคืบหน้าว่าอาจารย์หายดีแล้วหรือยัง ได้แต่หวังว่าอาจารย์จะหายดีและกลับมาเขียนเรื่องนี้ต่อ (;v;) อยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วอังกฤษจะชนะสงครามตามประวัติศาสตร์ที่ไคโตะรู้มาหรือไม่? เจฟฟรี่กับไคโตะจะได้ครองคู่กันอย่างสงบสุขมั้ย? ไนเจลจะได้ใครมาช่วยเลียแผลใจหรือเปล่า? จะเกิดอะไรขึ้นกับวิเซนเต้ต่อไป? และที่อยากรู้ที่สุดคือคำตอบเกี่ยวกับเรื่องราวของเหล่าลูกเรือกลอเรียที่หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์นั้นจะใช่อย่างที่ไคโตะคิดไว้หรือไม่???? นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เราลืมเรื่องนี้ไม่ลงแม้จะผ่านมาแล้ว 6 ปีก็ตามค่ะ TvT

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in