เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[ BOOK-REVIEW ]oill0402
รีวิว-สปอยล์ ฮัสกี้หน้าโง่กับอาจารย์เหมียวขาวของเขา เล่ม 1
  • ชื่อเรื่อง : ฮัสกี้หน้าโง่กับอาจารย์เหมียวขาวของเขา  ( 二哈和他的白猫师尊 ) - เล่ม 1
    ผู้เขียน : โร่วเปาปู้ชือโร่ว
    แปล : Bou Ptrn
    สำนักพิมพ์ : Rose
    จำนวนเล่ม : 10 เล่ม 

       ก่อนอื่นเลยต้องบอกก่อนว่าเป็นเรื่องที่ดองมาอย่างยาวนานค่ะ เพราะอยากให้หนังสือออกครบก่อนแล้วค่อยมาเขียน แต่ ด้วยความที่อ่านเล่มแรกจบไปแล้วและรู้สึกว่าเนื้อหาค่อนข้างเยอะเลยอยากมาเขียนเล่าให้ทุกคน(และตัวเอง)เอาไว้ในนี้ก่อน เผื่อย้อนกลับมาอ่าน

         มาค่ะ ! เนื้อหาต่อไปนี้เน้นการเล่าเรื่องนะคะแน่นอนว่ามีสปอยล์แน่นอนค่ะ ถ้าใครอยากหลบสปอยล์ข้ามได้เลยนะคะ T^T

         ท่าเซียนจวิน (Aka โม่หราน 0.5) ผู้ปกครองดินแดนเลือกจบชีวิตตัวเองเพราะหมดpassionในการมีชีวิต ทั้งคนที่คิดว่าตนรักที่สุด ทั้งศัตรูของตน ล้วนตกตายไปหมดแล้ว จึงเลือดปลิดชีพตัวเองด้วยยาพิษฤทธิ์ร้ายแรง
         หลังจากตายพบว่าตัวเองไม่ได้แม้แต่จะดื่มน้ำแกงยายเมิ่ง หรือไปสะพานไน่เหออย่างที่ควรจะเป็น แต่พบว่าตัวเองย้อนกลับมาช่วงอายุ15-16ปีที่ยังเป็นเพียงโม่หราน (ชื่อรอง-โม่เวยอวี่) เป็นช่วงที่ตัวเขายังไม่ได้กระทำทำเรื่องเลวร้ายเหมือนชาติภพก่อน

        เล่มนี้มีเควส 'ตระกูลเฉิน' ที่โม่หรานได้รับจึงทำให้ต้องเดินทางไปยังตำบลไฉ่เตี๋ย โดยมีซือจุน(อาจารย์ - ฉู่หว่านหนิง)และ ศิษย์ร่วมสำนักอีก 1 คนติดตามไปทำภารกิจในครั้งนี้ด้วย และคนที่โม่หรานได้เลือกก็คือ 'ซือเม่ย' คนที่โม่หรานปักใจเชื่อว่าตนรักคนผู้นี้อย่างสุดหัวใจในชาติภพก่อน
         ภารกิจตระกูลเฉิน เป็นเรื่องราวของตระกูลพ่อค้าที่รำ่รวยของตำบลไฉ่เตี๋ย ที่คนในครอบครัวทยอยเสียชีวิตลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ โดยเริ่มที่ลูกชายคนโต ต่อมาเป็นลูกชายคนรอง ตระกูลเฉินจึงทำการว่าจ้างสำนักเขาสื่อเซิงให้มาช่วยจัดการเรื่องนี้
         ในภารกิจตระกูลเฉินนี้ โม่หรานมีอาการ 'ดี๊ด๊า' มากเป็นพิเศษเพราะในชาติก่อนนั้นภารกิจนี้ทำให้ตนได้มีโอกาสจูบกับ ซือเม่ย ซึ่งเป็นการกระทำที่ถึงเนื้อถึงตัวเพียงครั้งเดียวในชีวิตก่อน ในครั้งนี้โม่หรานจึงคาดหวังกับภารกิจนี้เป็นอย่างมาก

         ณ ตำบลไฉ่เตี๋ย มีความเชื่อเกี่ยวกับการแต่งงานระหว่างผีกับผีมาอย่างช้านาน ซึ่งภารกิจนี้จะมีความเชื่อเกี่ยวกับความเชื่อที่ว่านี้เข้ามาเกี่ยวข้องค่ะ
         ตอนไปสืบทั้งซือจุนและ ศิษย์หลุดเข้าไปยังแดนมายา ที่นี่แหละคือที่ที่ในชาติก่อนโม่หรานได้จูฐกับซือเม่ย โม่หรานก็หมายมั่นว่าตนเองจะมีโอกาสได้จูบกับซือเหม่ยอีกครา แต่ในชาตินี้กลับกลายเป็นได้จูบกับหว่านหนิงแทน ซึ่งกลายเป็นว่าแท้จริงแล้วในชาติก่อนนั้นคนที่เค้าจูบคือใครกันแน่? (me/ ส่วนตัวเรามีความเอนเอียงว่าคนในชาติก่อนที่โม่หรานจูบก็คือซือจุนนั่นแหละค่ะ เพราะมีคำบรรยายส่วนนึง บรรยายว่าหลังจูบซือเม่ยแล้ว ซือเม่ยใช้วิชาตัวเบาหนีไป หลังจากนั้นกพอเจอกันก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น)
         
         หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ได้ไปเจอกับขบวนแต่งงานผีซึ่งในขบวนนั้นเองก็ได้เจอกับซือเม่ยซึ่งไม่มีสติอยู่ด้วย เลยทำให้ทั้งสองคนต้องตามน้ำและแฝงตัวเข้าไปในขบวนแต่งงานผีครั้งนี้ด้วย
         ด้วยความโบ๊ะบ๊ะตั่งต่างทำให้ โม่หรานที่คิดว่าตัวเองจะได้จับคู่ทำพิธีกับซือเม่ยอย่างแน่นอน แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะคนที่โม่หรานทำพิธีด้วยกลับเป็นซือจุนของเขา ฉู่หว่านหนิง นั่นเอง โม่หรานแม้ว่าจะผิดหวังอย่างมากแต่พิธีก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป

         หลังจากพิธีกราบไหว้ฟ้าดินสิ้นสุดลงก็เป็นการร่วมหอของบ่าวสาวซึ่งนั่นถือเป็น การร่วมหอลงโลง โดยแท้จริงเลยค่ะ เพราะทั้งคู่ต้องลงไปอยู่ในโลงด้วยกัน ด้วยความที่โลงมันเล็กและแคบทำให้ระหว่างที่ขนย้ายโลงนั้นโคลงไปเคลงมา โม่หรานซึ่งกลัวซือจุนจะโมโหก็ถอยจนสุดโลงจนไม่รู้จะถอยยังไงแล้ว ก็งัดกลเม็ดสุดท้ายโดยการทำหน้าหมาอ้อน บอกซือจุนว่าหลังที่โดนทำโทษมากระแทกกับโลงจนเจ็บไปหมดแล้ว ซือจุนของเราที่ปากแข็งแต่ใจอ่อนก็เอามือไปรองหลังให้เพื่อไม่ให้หลังของเจ้าโม่หรานไปกระแทกกับโลงอีก พอมาถึงลานพิธีเลยทำให้รู้ว่าวิธีการรับส่วนบุญของ ผีเจ้าภาพ นั้นคือการที่ให้ผีบ่าวสาวมาร่วมเสพสังวาสกันจนถึงฝั่งฝัน

         แล้วตอนนั้นเองที่ผีเจ้าภาพได้สังเกตเห็นความผิดปกติที่โลงของหว่านหนิงและโม่หราน โลงของทั้งสองคนคล้ายไม่มีปฏิกริยากับคำสั่งของนาง นางจึงเดินไปที่โลงของทั้งสองคนเพื่อพิสูจน์ว่านี่เป็นร่างคนเป็นหรือไม่ นางได้ใช้เล็บเสียบแทงเข้าไปยังโลงนั้น ซือจุนจึงรับเล็บของนางเพื่อไม่ให้โดนโม่หรานเล็บจึงจิกลงไปถึงการดูดจนกลายเป็นรูทั้ง 5 ตามจำนวนนิ้วของนาง ซือจุนทั้งเจ็บและปวดเป็นอย่างมากแต่ก็ได้แต่อดทนเพื่อทำให้แผนประสบผลสำเร็จและเพื่อไม่ให้ลูกศิษย์อย่างโม่หรานได้รับอันตราย

         หลังจากนั้นหว่านหนิงได้ใช้หนึ่งในอาวุธประจำกาย เทียนเวิ่น จัดการจนราบเป็นหน้ากอง แล้วกลับไปสืบสวนตระกูลเฉินจึงทำให้รู้ว่า วิญญาณอาฆาตนั้นคือ ลูกสะใภ้คนแรกของตระกูลเฉินนั้นเอง โดยที่นางนั้นโดนพ่อแม่ และครอบครัวสามีทำร้ายร่างกายและไล่ออกจากบ้าน ขณะที่สามีของนางไม่อยู่ จนนางไปตายอยู่ที่ลานพิธีของศาลผีเจ้าภาพ เรื่องที่ได้รับรู้นั้นทำให้หว่านหนิงโกรธมากจนถึงขึ้นใช้เทียนเวิ่นที่ไม่ได้ใส่ปราณใดๆ ตี ผู้ว่าจ้างอย่างตระกูลเฉิน

         หลังจากเสร็จภารกิจก็ได้กลับมายังเขาสื่อเซิง หว่านหนิงตรงไปยังหอคุมกฏเพื่อขอรับโทษที่ตนเอง ตี ชาวบ้านธรรมดาอย่างตระกูลเฉิน โดยบทลงโทษเป็นการโบยถึง 200 ไม้ และกักบริเวณถึง 3 เดือนด้วยความเถรตรงของหว่านหนิงนั้นเองก็ขอให้ผู้อาวุโสผู้คุมกฏไม่ให้เบามือ ไม่ให้ลดหย่อนผ่อนปรนกับเขาซึ่งเป็นผู้อาวุโสของสำนักเขาสื่อเซิงเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นแบบอย่างให่้กับศิษย์ของเขาเองด้วย

         การลงโทษครั้งนี้ก็ทำให้หว่านหนิงเจ็บหนักทีเดียวกอปรกับแผลเก่าจากผีเจ้าภาพก็ยังไม่ทันหายดี ทำให้แผลแย่ไปอีก (T^T) นอกจากโดนโบยแล้วก็ยังต้องไปช่วยงานที่โรงยายเมิ่ง (โรงอาหาร) แต่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่างานที่นี่ช่างไม่เหมาะกับผู้อาวุโสฉู่เอาเสียเลย (55555555) เลยขอร้องให้หว่านหนิงไปช่วงงานที่สะพานไน่เหอ(สะพานทางเชื่อม) แทน 

         
         ฉากสะพานไน่เหอเป็นอีกฉากที่เราชอบมาก ฉากนี้ทำให้เราเห็นถึงความใจดีของหว่านหนิงต่อคนในสำนักหรือต่อผู้คนมากๆ คือเป็นตอนที่หว่านหนิงทำงานอยู่ที่สะพานนั่นเองมีฝนตกลงมา หว่านหนิงเลยกางม่านอาคมเพื่อป้องกันฝนให้กับศิษย์ในสำนักที่สัญจรไปมา แต่ศิษย์ทุกคนกลับคิดว่าคนที่กางม่านอาคมนี้เป็นผู้อาวุโสท่านอื่น เหล่าศิษย์ต่างก็ชื่นชมผู้อาวุโสท่านนั้นไม่ขาดปาก ไหนเลยจะคิดว่าแท้จริงแล้วคนที่สร้างม่านอาคมนี้จะเป็นผู้อาวุโสฉู่ที่ใครๆต่างก็หวาดเกรง
         ในขณะที่หว่านหนิงยืนอยู่ใต้สะพานฟังศิษย์ทั้งหลายต่างชื่นชมผู้อาวุโสท่านอื่นอยู่นั้น โม่หรานก็มาและยื่นร่มให้เพราะรู้ว่าหว่านหนิงจะไม่กางเขตอาคมเพื่อบังฝนให้กับตัวหว่านหนิงเองแน่นอน โม่หรานจึงขอให้หว่านหนิงรับร่มของตนเอาไว้และให้ช่วยกางม่านอาคมให้กับเขาแทน

         หลังจากหว่านหนิงหมดช่วงทำโทษแล้วก็ได้พาศิษย์ทั้ง 3 คนของเขาไปรับอาวุธที่ยอดเขาซวี่อิ้ง ระหว่างที่เดินทางเข้าพักที่โรงเตี้ยมแห่งนึง เนื่องจากมีผู้คนมากมายมายังยอดเขาจึงทำให้เหลือห้องพักเพียง 2 ห้องเท่านั้น นั่นจึงทำให้เขาต้องแบ่งกันพักเป็นคู่ ในตอนแรกเซวียเหมิงกับโม่หรานเกี่ยงกันว่าใครจะไปนอนพักห้องเดียวกับซือจุน ด้วยความที่โม่หรานอยากพักห้องเดียวกับซือเม่ยเลยพยายามบอกให้เซวียเหมิงไปถพักห้องเดียวกับซือจุน ทีนี้พอหว่านหนิงมาด้วยความหน้าบางของซือจุนจึงออกปากไปว่าจะพักกับเซวียเหมิง ทีนี้โม่หรานก็ไม่พอใจกับคำพูดของซือจุนที่เลือกเซวียเหมิง (อีหยังวะ??) ว่าแบบทำไมซือจุนถึงไม่เลือกตัวเอง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ในคราแรกนางมีความรู้สึกว่าซือจุนต้องเลือกตัวเองแน่ๆแต่พอซือจุนไปเลือกเซวียเหมิงก็เลยไม่พอใจ (ไบโพล่าหรอพ่อคุณณณ)
         พอเข้าห้องพักโม่หรานก็ได้ยินเสียงแปลกๆจากข้างห้อง (ห้องเซวียเหมิง-ซือจุน) ก็คิดอกุศลไปว่าเค้าจะทำอะไรกันก็รีบบุกไปถึงห้องเลยสรุปเค้าแค่ทำแผลให้กัน (555555)

         พอขึ้นเขาเพื่อไปเรียกอาวุธพอถึงโม่หรานเรียกอาวุธมีมังกรนำอาวุธมาให้และบอกว่าร่างของโม่หรานมีดวงวิญญาณ 2 ดวงเป็นตราประทับอยู่คือ ซือเม่ย และ หว่านหนิง ซึ่งโม่หรานก็งงแล้วหนึ่ง ว่าหว่านหนิงนี่มายังไงก่อน เพราะคนที่ตนรักและปักใจมีเพียงซือเม่ยเท่านั้น (ตัวโม่หรานคิดว่าที่ตัวเองมีประทับตราซือเม่ยอยู่เพราะรักมั่น ฝังใจ มาตั้งแต่ชาติก่อน) คุยไปคุยมา โกวเฉินซ่างกง เทพผู้สร้างอาวุธก็ขึ้นมาเชิญให้ทุกคนลงสระไปเลือกอาวุธ (จริงๆเชิญโม่หรานแต่โม่หรานขอให้ทุกคนลงไปเลือกด้วย)

         พอลงมายังคลังอาวุธทำให้ โกวเฉินซ่างกง รู้ว่าแก่นวิญญาณของโม่หรานมีถึง 2 ธาตุคือโม่หรานมีแก่นวิญญาณธาตุไม้ด้วย จึงให้เซียนจิ้งจอกนำอาวุธมาให้โม่หราน ซึ่งเป็นกล่องที่ไม่มีรอยต่อในการเปิดชื่อ หวนคะนึงชั่วกาล โดยการเปิดหวนคะนึงชั่วกาลมีเงื่อนไขอยู่ 2 ข้อคือ
         1. คนที่เปิดต้องเป็นคนที่โม่หรานรัก และคนผู้นั้นต้องรักและซื่อสัตย์ต่อโม่หรานอย่างแท้จริง
         2. การเปิดกล่องจะมีโอกาสเพียงครั้งเดียว คือ ถ้ายื่นให้ผิดคนกล่องจะผนึกตัวเองและเปิดไม่ได้อีกตลอดไป

         และด้วยความที่โม่หรานนางมั่นหน้ามั่นใจมากว่าคนๆนั้นคือ ซือเม่ย จึงยื่นกล่องไปให้ซือเม่ย แต่กล่องกลับไม่เกิดปฏิกิริยาอะไรเลย ทำให้โม่หรานคิดว่าอาจจะเพราะซือเม่ยสวมถุงมืออยู่จึงทำให้กล่องไม่สามารถเปิดได้ แต่ ณ ขณะนั้นเองหว่านหนิงได้ยื่นมือมาสัมผัสเข้าที่กล่องโม่หรานถึงกับก่นด่าหว่านหนิงอยู่ในใจ แต่กล่องดันปลดล็อกออกมาได้ ซึ่งในกล่องเป็นอาวุธที่หน้าตาเหมือนกับ เทียนเวิ่น ทุกประการโม่หรานได้แต่สบถออกมาว่า "อ๊าก...บ้าบอ (เจี้ยนกุ่ย)" จึงทำให้อาวุธของเขามีชื่อว่า "อ๊าก...บ้าบอ (เจี้ยนกุ่ย) ไปแล้ว

         และในคืนนั้นเอง ในห้วงที่คล้ายฝันคล้ายไม่ฝัน โม่หรานถูกจับมาขังและมีคนโดนหนังจิ้งจอกห่อหุ้มเอาไว้ คนที่จับโม่หรานมาขังบอกว่าคนผู้นี้คือคนที่โม่หรานปรารถนา ซึ่งโม่หรานคิดว่าคนผู้นั้นคือซือเม่ย แต่ำอหลายผ้าที่ห่อหุ้มออกแล้วนั้นกลับกลายเป็นซือจุนของเขา ฉู่หว่านหนิง ! แถมยังเปลือยเปล่า ตามรำตัวมีรอยรักปรากฎอยู่มากมาย โม่หรานเห็นแบบนั้นก็โมโหมากว่าใครบังอาจมาทำซทอจุนของเขา ซือจุนเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

         ในขณะที่โม่หรานยังโมโหอยู่นั้นก็ถูกหว่านหนิงปลุกออกจากภวังค์ว่าตอนนี้ทุกคนโดนหลอก และทั้งหมดคือภาพมายา ทุกอย่างคือกลหมากเจินหลง ที่มีคนร้ายควบคุมอยู่อีกที ซึ่งโกวเฉินซ่างกง ก็เป็นตัวปลอมเป็นเพียงหมากเช่นเดียวกัน แล้วคนที่เปิดโปงความจริงก็คือต้นหลิ่วที่ชื่อ ไจซินหลิ่ว ซึ่งต้นหลิ่วนี้มีที่มาก็คือ โกวเฉินซ่างกงตัวจริงได้ถือ ก้านหลิ่ว 3 ก้านมายังดินแดนแห่งนี้ โดนก้านทั้ง 3 ก็คือ เทียนเวิ่น เจี้ยนกุ่ย และ ไจซินหลิ่ว ด้วยความที่ไจซินหลิ่วไม่อยากโดนควบคุมให้ทำเรื่องไม่ดีอีกต่อไปแล้วจึงเปิดเผยความจริงกับคนทั้ง 4 ให้ช่วย

         ในเล่มแรกจะจบอยู่ที่ตรงนี้ซึ่ง ค้างมากกกกกกก เราต้องรีบหยิบเล่ม 2 มาอ่านต่อทันทีเลย ไว้จะมาเขียนต่อเมื่ออ่านเล่ม 2 จบและมีเวลามาเรียบเรียงนะคะ (ฮาาาาาา)

         ถ้าถามหาโมเม้นในเล่มแรกก็มีอยู่มากมายประมาณนึงสำหรับคนมักน้อยแบบเรา 555 อย่างตอนที่โม่หราน และ หว่านหนิงได้เจอกันครั้งแรกที่เขาสื่อเซิง เหตุผลที่โม่หรานเลือกหว่านหนิงเป็นอาจารย์ หรือ ตอนที่หว่านหนิงยังคงเก็บถุงปักลายที่มีปอยผมตอนทำพิธีแต่งงานที่ตำบลไฉ่เตี๋ยเอาไว้ไม่ยอมทิ้ง (รายละเอียดตรงนี้อยากให้ลองอ่านเองค่ะ มันดือออออมาก)

    จริงๆพออ่านก็รู้สึกว่าซือจุนก็มีใจให้นังโม่หรานแล้ว อ่านไปก็ยิ่งหมั่นไส้โม่หรานไปจริงๆค่ะ อ่านจบเล่มแรกคือยื่นใบสมัครเป็นมัมหมีหว่านหนิงไปเรียบร้อย 5555555

    เจอกันเล่มหน้านะคะ
    -OILL0402-
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in