เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
หนีกรุง... ไปทำสวนBenjaruck Imsawang
หนีกรุง... ไปทำสวน

  • " อาทิตย์หน้าสอบแล้ว หนีไปทำสวนคลายเครียดก่อนอ่านหนังสือสอบกันเถอะ "

         ฉันเชื่อว่าพอถึงช่วงใกล้สอบทีไร หลายคนคงหมดแรงและพลังในการอ่านหนังสือมากๆ-ใช่, ฉันก็เป็น แต่คราวนี้มาแปลก ช่วงใกล้สอบขนาดนี้ทางคณะได้จัดกิจกรรมพานิสิตไปทำสวนจ้า ฉันไม่รอช้าตอบตกลงไปทันทีทันใด ไม่ใช่ว่าชอบทำสวน แต่มันเบื่อเมืองหลวงมากกว่า (ต้องการออกไปหาแรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือขั้นสุด) ไปดูกันว่าการเดินทางครั้งนี้จะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง...

         สถานที่ที่เราจะไปกันในวันนี้คือ " บ้านช่างคิดช่างทำ " ที่นี่ถือเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่เกิดจากการรวมตัวกันของคนที่มีความคิดคล้ายๆ โดยที่แต่ละคนล้วนมีคำถามที่เคยถามตัวเองว่าชีวิตเราเกิดมาเพื่ออะไร (แค่ขึ้นต้นมาก็เริ่มสร้างแรงบันดาลใจเล็กๆ แล้ว)

         ตอนนี้เราเดินทางมาถึงอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี อันเป็นที่หมายของเราในวันนี้แล้ว มาถึงก็ไม่รอช้า งานการรอเรามาลงมือทำเยอะมาก ก่อนอื่นเราก็มาทำความรู้จักกับโครงการและสถานที่กันก่อน บ้านช่างคิดช่างทำเป็นองค์กรที่มีเป้าหมายให้เราเกิดการเรียนรู้เข้าใจและเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติผ่านกิจกรรมอย่างการแปรขยะเพื่อสิ่งแวดล้อมและการสาธิตการทำเกษตรอินทรีย์ แต่ด้วยระยะเวลาที่จำกัด เราเลยได้เรียนรู้และลงมือทำเพียงส่วนของการทำเกษตรเท่านั้น

    1
         กิจกรรมแรกคือการทำตะไคร้ไล่ยุง บอกเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เรียนรู้การทำตะไคร้ไล่ยุงที่ออร์แกนิคและแฮนด์เมดสุดๆ 


         แต่การจะทำอะไรสักอย่างมันมีขั้นตอนและวิธีการของมันอยู่เพราะกว่าเราจะได้ตะไคร้ไล่ยุงอย่างในภาพก็ใช้เวลาไปกว่า 1 ชั่วโมงครึ่งแล้ว วิธีนี้จะใช้หลักการง่ายๆ อย่างการกลั่นพอเวลาผ่านไปเราก็จะค่อยๆ ได้น้ำมันตะไคร้ที่ควบแน่นลงมาอย่างที่เห็น เป็นวิถีที่ slowlife จริงๆ (ฮา)

  • 2
         หลังจากทำกิจกรรมแม่บ้านกันมาแล้ว ถึงคราวที่จะต้องทำกิจกรรมที่อาศัยความอดทนกันบ้าง เรามาทำแปลงปลูกผักปลอดสารพิษกันเถอะ เย่ๆ


         ก่อนอื่นเราก็ต้องวางแปลงเพื่อสร้างพื้นที่ในการปลูกผักกันก่อน หน้าที่นี้เป็นของผู้ชาย ส่วนผู้หญิงบอบบางอย่างเราๆ รอสวยๆในร่มแล้วค่อยออกมาพรวนดินค่ะ (เอิ่ม งานหนักกว่าผู้ชายอีกจ้า)


         พอดินร่วนซุยได้ที่ ก็ถึงเวลาของการหว่านเมล็ดพันธุ์พืชกันแล้ว...
         เมล็ดพันธุ์ที่เราใช้ก็เลือกผักที่เรามักนำมาใช้บริโภคเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็น คะน้า กวางตุ้ง ใบกะเพรา หรือพริกขี้หนู ใครอยากปลูกอะไรเลือกหยิบได้ตามใจชอบ


         พอเราได้มาลงมือปลูกผักเองแบบนี้แล้วเห็นใจเกษตรกรเลย เพราะงานนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ กว่าที่เกษตรกรจะได้มาซึ่งผลผลิตให้เราได้กินนั้นต้องแลกกับการทำงานอย่างหนัก เรียกได้ว่า “ หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน ” กันเลยทีเดียว (แถมมาด้วยความคล้ำของผิวยิ่งกว่าเดิม)

  • 3
         หลังจากเสร็จกิจกรรมก็ถึงเวลาของการนั่งล้อมวงพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้จากพี่ ๆเจ้าของโครงการกันบ้าง ก่อนอื่นเราจะต้องทำความรู้จักกับพี่เจ้าของโครงการกันก่อน พี่แตง– ขนิษฐา อรุณแก้วแจ่มศรี อดีต Interior Designer ที่ผันตัวเองออกมาทำงานด้านศิลปะและสิ่งแวดล้อมเพื่อสังคม โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการค้นหาความสมดุลของชีวิตระหว่างตัวเรากับสิ่งแวดล้อมภายนอกเพื่อให้เกิดความเข้าใจเป็นหนึ่งเดียวกัน ฉันจึงไม่รอช้าที่จะหยิบสมุดและปากกาขึ้นมาจดบทสัมภาษณ์ในครั้งนี้ (บทสัมภาษณ์นี้ได้ถูกบันทึกไว้ภายหลังจากการเสวนา)

    Q : อะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เลือกมาทำงานทางด้านนี้?
    A : หลังจากที่พี่จบทางด้านออกแบบภายในมา พี่ได้ทำงานด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้กับกรมการส่งออก ด้วยความที่งานด้านนี้เป็นงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ พอทำไปมันก็เริ่มเบื่อ ก็เหมือนๆ ทุกอาชีพที่มันมีจุดอิ่มตัวของมันอยู่แล้ว ประกอบกับช่วงนั้นพี่และครอบครัวเริ่มมีปัญหาสุขภาพ พี่จึงหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน

    Q : ตอนนี้งานที่ทำอยู่มีอะไรบ้าง?
    A : งานที่เราทำตอนนี้แบ่งเป็น2 ส่วน ส่วนแรกคือ เกษตรธรรมชาติเป็นกิจกรรมจิตอาสาที่เราเปิดโอกาสให้มีเรียนรู้เพื่อให้เข้าใจชีวิตและธรรมชาติมากขึ้น อีกส่วนเป็นงานแปรขยะให้เป็นประโยชน์ที่เน้นพัฒนาความสร้างสรรค์อย่างเป็นธรรมชาติด้วยงานหัตถศิลป์เพราะเราคิดว่าเมื่อคนได้ฝึกทำงานที่ละเอียดขึ้น จิตใจก็จะละเอียดขึ้นตาม

    Q : คิดว่าอยากจะทำอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า?
    A : ตอนนี้สนใจเรื่องบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ทดแทนถุงพลาสติกและกล่องโฟม พี่คิดว่าเราต้องหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้กันมากขึ้น เพราะอย่างที่เราเห็นกันว่าปริมาณขยะที่เกิดจากการอุปโภคบริโภคมีเยอะและยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ถ้าเราปล่อยปะละเลย สุดท้ายผลเสียก็ต้องมาตกที่ตัวเรา ส่วนในอนาคต พี่อยากหาแนวร่วมที่ปลูกพืชแบบไม่ใช่ยาฆ่าแมลงในชุมชนเพิ่มขึ้น ตอนนี้พอมีกลุ่มที่ปลูกข้าวออร์แกนิค อยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นเพื่อนบ้านชาวสวนแถวนี้จะดีมาก เพราะเราคิดว่าพวกเขาจะมีสุขภาพที่ดีขึ้น สภาพแวดล้อมดีขึ้น ส่วนหนึ่งก็ทำเพื่อตัวเองด้วย

    Q : เห็นว่าที่นี่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาทำสวนด้วยพวกเขาติดต่อเข้ามาทางไหน แล้วส่วนใหญ่จะได้ทำอะไรบ้าง?
    A : ใช่ค่ะ ที่นี่ได้เปิดรับชาวต่างชาติเข้ามาเรียนรู้การทำสวนด้วย ซึ่งพวกเขาจะติดต่อมาทาง www.withlocals.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์กิจกรรม  โดยงานส่วนใหญ่จะเป็นงานจิตอาสาอย่างการทำสวนพวกเขาจะได้เรียนรู้ว่าการทำเกษตรเป็นอย่างไร ได้ลงมือทำเองทุกอย่างเลย

    Q : ถ้าให้ลองคิดเล่นๆ ว่า"ความสุขในการทำงาน" กับ "เงิน" คิดว่าอะไรสำคัญกว่ากัน?
    A : ถ้าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งก็คงเป็นความสุขในการทำงานแน่นอน เพราะทุกคนต้องการความสุขอยู่แล้ว ถ้าเรามีความสุข เราก็จะเหนื่อยน้อยลง ส่วนเงินก็มีความสำคัญ เราควรแบ่งเวลาให้กับงานที่อาจไม่มีเงินเกี่ยวข้องบ้างเพื่อเป็นการลดละ แต่สำคัญที่สุดคือเราต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา

  • บทส่งท้าย

         จากการเดินทางมาบ้านช่างคิดช่างทำในครั้งนี้ ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง ได้รู้จักความพอเพียง ได้เรียนรู้การอยู่กับธรรมชาติอย่างสมดุล ได้รู้จักการแบ่งปัน และที่สำคัญคือได้รู้จักตัวเองและเข้าใจคนอื่นมากขึ้น พอรู้จักตัวเอง เราก็จะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร มาถึงตอนนี้ใครหลายคนคงจะหาคำตอบกันได้แล้วว่า ชีวิตเราเกิดมาเพื่ออะไร... 

         สำหรับฉันเองก็ได้แรงบันดาลใจกลับไปใช้ชีวิตดิ้นรนต่อที่กรุงเทพฯ กระบุงใหญ่เลยทีเดียว

    ปล. ขนมมันสำปะหลังที่นี่อร่อยมากๆ นุ่ม หอม หวานน้อย นี่คือที่สุดของความสุขในครั้งนี้เลยหล่ะ (ฮา)



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in