วันนี้เพิ่งได้ดูและได้ฟังเพลงใหม่จากเจ๊ Tarja นักร้องเสียง Symphony จากฟินแลนด์
กับอัลบั้มใหม่ The Shadow Self (2016) ที่เพิ่งปล่อยเต็มอัลบั้มเมื่อสิงหาคมที่ผ่านมา
และได้เพลง Innocence มาช่วยโปรโมตและเป็น MV ตัวแรกในอัลบั้มที่ปล่อยมาเมื่อ
24 มิถุนายน 2016 กับบรรยากาศมืดครึ้ม หม่นๆ อาจไม่เหมาะกับช่วงเช้าๆ เท่าไหร่
ภาพในอัลบั้ม Innocence
Tarja Turunen
เจ๊ Tarja เป็นนักร้องชาวฟนแลนด์ที่มีเสียงซิมโฟนี่อันเป็นเอกลักษณ์ และทรงพลังมากที่สุดคนหนึ่ง
ในหมวดนักร้องหญิงสายนี้ (Symphonic Rock) อดีตสมาชิกวง Nightwish ที่อยู่ร่วมกันมายาวนาน
ถึง 9 ปี (1996-2005) และก็ต้องแยกวงออกมา จบการทำงานร่วมกันไว้ที่ปี 2005 แต่เราจะไม่พูดมาก
เมื่อช่วงอยู่กับ Nightwish เดี๋ยว Innocence ของเจ๊จะด๋อยไป
ด้วยเสียงร้องอันโหยหวน ชวนหลอกหลอนและดาร์ค คำจำกัดแนงเพลงดนตรีของเจ๊ก็คือ
- Symphonic metal
- Symphonic rock
- Power metal
หลังจากนั้น เจ๊ก็หันมาทำงานเดี่ยวและออกอัลบั้มมาแล้วหลายอัลบั้ม ด้วยเสียงพลังแบบเจ๊
แฟนเพลงก็ยังติดตามและคิดถึงเสียงเจ๊อยู่ ก็เลยสามารถเริ่มใหม่ได้และด้วยดี ไปดูผลงานบ้าง
Rock Album
- My Winter Storm (2007)
- What Lies Beneath (2010)
- Colours in the Dark (2013)
- The Shadow Self (2016)
Classical Album
- Henkäys ikuisuudesta (2006)
- Ave Maria – En Plein Air (2015)
Live Album
- Act I (2012)
- Beauty and the Beat (2014)
- Luna Park Ride (2015)
wiki/Tarja_Turunen
จากผลงานเดี่ยวที่ออกมาไม่น้อยนั้น แสดงให้เห็นความนิยมในตัวและเสียงของเจ๊ได้มาก
รวมถึงเราเองด้วยหนึ่งคน บางครั้งจะฟังสายนี้ก็อดที่จะคิดถึงเสียงเจ๊ไม่ได้ เพราะทรงพลัง
ฟังแล้วรู้สึกมีอำนาจ ไม่ติดหวานเลี่ยน หรือป๊อปมาก บวกกับแนวดนตรีข้างต้น เสียงของเจ๊
เลยเป็นที่ต้องการมาผสมผสานให้กลมกล่อมเข้มข้นอย่างลงตัว
โดยส่วนตัวรู้สึกว่า Nightwish คือที่ที่ลงตัวที่สุดสำหรับเจ๊ Tarja และแนวดนตรีและการทำเพลง
ของสมาชิกวง เพราะเมื่อเจ๊ออกเดี่ยวความหนักแน่นเข้มข้นของดนตรีเจ๊ก็ผ่อนลง ออกไปทางเนือยขึ้น
เป็นซิมโฟนี่มากขึ้น และพอ Nighwish เปลี่ยนนักร้องใหม่ก็ได้ความป๊อปเข้ามาเพิ่ม (Anette Olzon) ความหนักหน่วงก็ลดลงตามเสียงนักร้องไปด้วย พลังอำนาจบางอย่างก็คลายๆ แต่คนปัจุบัน (Floor Jansen) ก็ดีขึ้น เราโอเค คือเสียงแต่ละคนพลังมันต่างกัน (ไหนว่าจะไม่พูดถึง Nightwis!)
คือแค่รู้สึกว่าความลงตัวมันอยู่ที่ Nightwish ไปแล้ว เหมือนหยินหยาง ความสมดุลมันเกิดขึ้นแล้ว
แต่พอต้องแยกกันมันก็รู้สึกขาดๆ เกินๆ แต่ก็ชอบทั้งสองเช่นเคย (อย่าเสียใจไปเลยเรื่องมันก็นานมาแล้ว)
งั้นมาที่ Innocence เลยดีกว่า
เหมือนเดิมค่ะ เล่าตามความรู้สึกล้วนๆ
Music
แค่อินโทรขึ้นด้วยเสียงเปียโนชวนหลอนอ่อนๆ ก็ทำให้จำขึ้นใจได้ แล้วก็ผสมลงโรงด้วยจังหวะกลอง กีตาร์หนักๆ เครื่องสายครางไปพลาง เสียงเปียโนตามหลอนเป็นระยะ และที่สำคัญคือเสียงร้องหวนไปอีก
สูงเสียดฟ้าที่ยอดโบสถ์ยุคโกธิค และเมื่อมีเสียงคอรัสมาช่วยอีก ความละมุนแบบมืดๆ ก็เกิดขึ้น
จนถึงท่อนโซโลที่เน้นเสียงเปียโนและเครื่องสายนำพาไปสู่ความหดหู่เวิ้งว้างได้ดีทีเดียว
เราอธิบายเสียงซึ่งเป็นรูปธรรมได้ยากนั้น ตามความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ
โดยรวมของเพลงก็ออกมาดี ชอบเลย
Music Video
โดยรวมก็มาสายหม่นตามแนวดนตรี เสื้อผ้าหน้าผมก็ต้องไปสายดาร์คก่อนคือคุมโทนสีดำไว้
ทั้งนักร้องและนักดนตรีทุกคน หางตาเจ๊ขีดยาวหนาไปถึงใบหู พกขนนกอนทรีย์มาปกปิดหน้าด้วยนะ น้อยที่ไหน ส่วนเอ็มวีเป็นเรื่องราวของพ่อแม่ทะเลาะกัน แล้วลูกเห็นเข้า ครอบครัวเริ่มมีปัญหา
และตอนจบเอ็มวีเหมือนจะบอกว่า ให้เป็นอิสระจากปัญหานี้ และชอบเนื้อเพลงตรงที่
Waiting like universes do without an end
Love break into my innocence
จบไว้ที่ตรงนี้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in