เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ห้องฟิคเมาๆ ของแบดจุ้ยjuijuiki
Mortal Kombat Mini Fanfic 1 (SubScorp)
  • Pairing: Hanzo Hasashi (Scorpion) / Kuai Liang (Sub-Zero)
    Rate: PG
    Genre: Fluff

    Note: อ้างอิงจากดีไซน์ตัวละครของสกอร์เปี้ยนใน Mortal Kombat 11


    เดิมทีนั้น ผู้ที่คอยดูแลและจัดแต่งทรงผมให้กับเจ้าสำนักชิไรริวก็คือฮารุมิ ภรรยาของเขา



    แต่หลังจากเหตุโศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมด ฮันโซ ฮาซาชิจึงต้องเป็นคนดูแลเส้นผมที่ยาวจนแทบจะเลยกลางหลังนั่นด้วยตนเอง เพราะหากปล่อยให้มันยาวรุงรังนัก นอกจากจะรบกวนการต่อสู้แล้ว ภาพเจ้าสำนักที่มีเส้นผมยาวรกรุงรังปรกหน้าปรกตาคงจะไม่ใช่ภาพที่น่าดูเท่าใดนัก


    แต่ด้วยความที่ชายชาตินักรบเช่นเขาไม่เคยใส่ใจเรื่องพรรค์นี้มาก่อน เขาจึงทำได้แค่รวบผมเป็นหางม้าไว้อย่างลวกๆ เท่านั้น



    ทว่าเดี๋ยวนี้ หน้าที่ทั้งหมดนั้นกลับมีไคว่เหลียงอาสาเป็นผู้ทำให้ทั้งหมด และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะชอบสัมผัสเส้นผมเขาในยามที่ทำได้มิใช่น้อย


    “ข้าไม่เคยสัมผัสเส้นผมของบุรุษที่นุ่มขนาดนี้มาก่อนเลยขอรับ” เจ้าตัวตอบเช่นนั้นในยามที่เขาถาม “แปลกมือ แต่ก็เป็นความรู้สึกที่ดี”


    ดังนั้น เขาจึงปล่อยให้ไคว่เหลียงได้ทำตามใจด้วยการเป็นผู้ดูแลและมัดรวบเส้นผมให้เขาทุกครั้งนับตั้งแต่ตอนนั้น



    จนกระทั่งเส้นผมของเขายาวขึ้น และตัวเขาก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าจะให้อีกฝ่ายมานั่งรวบผมให้เขาทุกเช้าเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าสำนักหลินกุ่ย มีศักดิ์ศรีเทียบเท่ากันกับเขา จะให้มาปฏิบัติกับเขาเยี่ยงคนรับใช้อยู่แบบนี้ได้อย่างไร


    เมื่อคิดได้เช่นนั้น ในเช้าวันหนึ่ง เขาจึงเตรียมมีดเล่มสั้นคู่กายมาวางไว้หน้ากระจก ด้วยมั่นหมายไว้ว่าหลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วจะตัดเส้นผมที่เริ่มน่ารำคาญนั่นทิ้งเสีย



    “…จะตัดผมหรือขอรับ ท่านฮาซาชิ” แต่คำถามดังกล่าวกลับดังขึ้นก่อนที่เขาจะได้ทันลงมีด



    ฮันโซหันหน้าไปตามเสียง แล้วจึงพบเข้ากลับไคว่เหลียงที่มักตื่นเร็วกว่า และมักจะมาที่นี่เพื่อร่วมทานมื้อเช้ากับเขาเป็นประจำ



    แม้อีกฝ่ายจะมีสีหน้าแปลกใจ แต่ในแววตาสีฟ้าราวผลึกน้ำแข็งนั้นกลับมีร่องรอยของความเสียดายและอาลัยอาวรณ์อยู่ด้วย โดยเฉพาะเมื่อเขาพยักหน้ารับเล็กน้อยเป็นการยืนยัน



    “มันยาวเกินไปแล้ว ที่สำคัญ จะมามัวให้เจ้ารวบผมให้ทุกวันก็คงไม่ได้ จริงไหม”



    “...แต่ข้าไม่เคยนึกรังเกียจ”



    เจ้าสำนักชิไรริวส่ายศีรษะไปมาอีกครั้ง “ถึงเจ้าไม่รังเกียจ แต่ผู้อื่นจะมองไม่ดีเอาได้ ที่สำคัญ หากปล่อยให้มันยาวกว่านี้ มันอาจเข้ามาเป็นอุปสรรคระหว่างการต่อสู้ได้ ข้าไม่อยากพลั้งมือเพียงเพราะแค่เส้นผมหรอกนะ”



    คราวนี้สีหน้าของไคว่เหลียงดูหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ชัดจนคนที่ทำใจแข็งอยู่เมื่อครู่รู้สึกอยากกัดลิ้นตัวเองเข้าสักที


    ซับซีโร่ก้มใบหน้าลงเล็กน้อย ท่าทางดูราวกับกำลังเศร้าเสียใจที่จะสูญเสียของสำคัญบางอย่างไป เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วหม่น


    “...เช่นนี้ ข้าก็ขาดเหตุผลที่จะมาหาท่านทุกเช้าน่ะสิขอรับ”



    ฝ่ายชิโนบิเผลอเบิกนัยน์ตาค้างไว้เช่นนั้นหลายวินาที ก่อนจะแสร้งทำเป็นกระแอมไอเสียงดังกลบความรู้สึกบางอย่างที่แผ่กระจายไปทั่วแผ่นอก



    ให้ตายสิ เขาไม่เคยฝืนขัดใจคนตรงหน้าได้สักครั้งเลยจริงๆ



    เมื่อเห็นคู่สนทนาเงียบไป ไคว่เหลียงจึงรีบฉวยโอกาสเอ่ยต่อ “...หรือถ้าหากท่านเกรงว่ามันจะรบกวนการต่อสู้ของท่าน ขอให้ข้าได้ลองอะไรบางอย่างเสียหน่อยได้หรือไม่”



    ฮันโซเลิกคิ้วขึ้น แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพียงปล่อยให้อีกฝ่ายขยับตัวเข้ามาใกล้ และยื่นมือไปหยิบหวีมาสางเส้นผมให้เขาเฉกเช่นทุกครั้ง


    ....อันที่จริง เขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเขาเองก็หลงใหลในช่วงเวลาเช่นนี้อยู่เหมือนกัน ช่วงเวลาที่มือเย็นๆ ของอดีตศัตรูที่ตอนนี้มีสถานะเป็นคนรักลูบไล้ไปตามเส้นผมสีดำขลับของเขา ฮันโซไม่ปฏิเสธว่ามันทำให้เขารู้สึกดีอย่างน่าประหลาด


    เหมือนกับตอนที่ฮารุมิคอยไล่หวีสางเส้นผมให้เขาไม่มีผิด



    เขาปล่อยให้อีกฝ่ายช่วยหวีผมให้จนกระทั่งเรือนผมยาวที่ยุ่งเหยิงในยามเช้าคลายตัวออกจากกัน ก่อนรวบมันขึ้นไปเป็นหางม้าสูงตามปกติ ต่างกันแค่คราวนี้ชาวไคโรแมนเซอร์ด้านหลังกลับรวบหางม้ายาวนั่นขมวดขึ้นไปเป็นก้อนกลมแทนการตบท้าย



    ฮันโซเลิกคิ้ว ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นผู้ที่ทำทรงผมเช่นนี้มาก่อน และหากว่ากันตามตรงแล้ว ทรงผมเช่นนี้เป็นที่นิยมในหมู่ชาวญี่ปุ่นเมื่อสมัยก่อนเสียด้วยซ้ำ



    เขาแค่แปลกใจที่อีกฝ่ายรู้จักทรงผมเช่นนี้ด้วย



    ไคว่เหลียงส่งเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อพบเข้ากับสายตาที่จ้องมองมาอย่างสงสัย “ข้าเคยเห็นในภาพวาดที่ท่านใช้ประดับในสำนักน่ะขอรับ รวมถึงตอนศึกษาหนังสือวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่นก็เคยพบเจอมาบ้าง”


    “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ให้เจ้ามาทำแบบนี้ให้ทุกเช้า...”


    “ข้าเต็มใจขอรับ”


    เจ้าสำนักหลินกุ่ยเอ่ยตัดบทตั้งแต่เขายังไม่ทันพูดจบเสียอีก



    ฮันโซกะพริบตาอีกครั้ง ก่อนจะอดถอนหายใจกับความดื้อดึงของคนตรงหน้าไม่ได้ เขารู้ดีว่าหากชายคนนี้มุ่งมั่นในสิ่งใดขึ้นมา เขาก็จะดื้อด้านได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้สิ่งนั้นจะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเส้นผมของเขาก็ตาม



    แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่อาจห้ามรอยยิ้มเล็กๆ ที่ปรากฏที่มุมปากได้



    เขาปฏิเสธคนๆ นี้ไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ


    อีกอย่าง ใครจะกล้าปฏิเสธกัน เมื่อในแววตาอีกฝ่ายมันฉายชัดอยู่แล้วว่าเจ้าตัวเองก็ปรารถนาในช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันเฉกเช่นเดียวกับเขา


    ฮันโซค้นพบว่า แท้จริงแล้วเขาไม่มีความคิดที่จะปฏิเสธตั้งแต่แรกแล้ว



    “’งั้นก็... รบกวนด้วย ไคว่เหลียงของข้า”

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in