เรื่อง : มหาวิทยาลัยซอมบี้ ZOMBIES IN COLLEGE (4เล่มจบ)

ผู้เขียน : เหยียนเหลียงอวี่

แนวเรื่อง : จีน ปัจจุบัน ซอมบี้ การเอาชีวิตรอด เด็กมหาวิทยาลัย /วาย

เนื้อเรื่อง :

ขณะที่กำลังสอบภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยได้มีเหตุการณ์ประหลาดที่นักศึกษาคนหนึ่ง พุ่งเข้าไปกัดคนอื่น ด้วยท่าทางประหลาด และเมื่อถูกกัดคนเหล่านั้น จะมีลักษณะคล้ายกับซอมบี้ ด้วยความตกใจกลัว ซ่งเฝ่ย และนักศึกษาคนอื่นๆต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอด โดยมุ่งไปที่หอพักนักศึกษา เมื่อไปถึงแล้ว ซ่งเฝ่ย เก็บตัวอยู่ในห้องของตนระหว่างนั้น ชีเหยียน แฟนเก่าที่ยังตัดไม่ขาด ได้บุกเข้ามาหาซงเฝ่ยที่ห้องด้วยความเป็นห่วงนอกจากนั้น ซงเฝ่ย ได้รับเพื่อนนักศึกษาที่วิ่งหนีมาเข้ามาอยู่ร่วมกันด้วย ถึงแม้จะดูเหมือนปลอดภัยชั่วคราวแต่ปัญหาที่สำคัญที่สุด คือ อาหารที่จะใช้ประทังชีวิตมีเพียงน้อยนิด ด้วยเหตุนี้พวกเขา จึงตัดสินใจที่จะออกจากหอพัก เพื่อไปยังมินิมาร์ท ซึ่งในที่สุดซงเฝ่ยซีเหยียน และเพื่อนๆ (ทั้งในหอพักเดียวกัน และฝั่งตรงข้าม) ก็สามารถฝ่าฟันซอมบี้โดยใช้อาวุธ? ที่พอจะหาได้ ไปถึงมินิมาร์ทได้ในที่สุด

เพื่อความอยู่รอดทั้งจากซอมบี้ และคน? ซงเฝ่ย ซีเหยียน และเพื่อนๆ (ที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น) ได้ย้ายไปยังสถานที่อื่นปักหลักอื่นรวมทั้งเสี่ยงอันตราย จากการปฏิบัติภารกิจต่างๆ ที่คิดกันว่าน่าจะทำให้พวกเขามีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้นและเพื่อเป็นการปลุกใจ จึงเรียกกลุ่มตัวเองว่าห้องเกรียงไกรไม่ย่อท้อ มุ่งมั่นว่าในที่สุดจะไม่กลายเป็นซอมบี้ จนกว่าจะได้รับช่วยเหลือ

ความรู้สึกหลังอ่าน :

เนื้อเรื่องจะเป็นการพยายามเอาชีวิตรอดของเด็กมหาวิทยาลัยที่ติดอยู่ในฝูงซอมบี้ โดยไม่มีอาวุธ ไม่มีทักษะการต่อสู้ใดๆ ได้แต่พยายามเค้นสมองและความกล้าในการเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ผ่านเข้ามา
ด้วยความที่ตัวเอกทั้งหมดคือ เด็กมหาวิทยาลัย ทำให้ฉากการต่อสู้ ไม่ได้บู๊ มีปืนยิง หรืออะไรแบบนั้น อาวุธที่มี คือตามมีตามเกิดมาก ที่ดีหน่อยก็จะเป็นมีดพก มีดทำครัว ไปจนถึงตะเกียบ หรือกระทะ ต้องดิ้นรนขั้นสุดเพื่อที่จะอยู่รอดปลอดภัย และมีอาหารกิน

ห้องเกรียงไกรไม่ย่อท้อคือ แทบจะเป็นคนแปลกหน้ามาอยู่รวมกัน อาจจะมีคนที่รู้จักกันมาก่อน อย่าง ซ่งเฝ่ยซีเหยียน และรูมเมทของซงเฝ่ย เพื่อนสมัยเด็ก? หรือเพื่อนคณะกีฬาที่หนีมาด้วยกัน ต้องมาฝากความหวังและช่วยเหลือกันเพื่อเอาชีวิตรอด ในส่วนนี้ คือ ค่อนข้างชอบ จริงๆแล้ว โทนเรื่องถ้าหากเป็นเหตุการณ์จริง คงจะทั้งกลัว เครียด กดดัน หดหู่ต้องมาเจอคนรู้จักกลายเป็นซอมบี้ เห็นคนกระโดดตึกตาม อดข้าวตายแต่ด้วยความที่คนเขียนแทรกความตลกเอาไว้ ทั้งซีนคิดในใจของแต่ละคน ซีนทะเลาะกันเอง(แบบเถียงๆ ไม่ได้เอาเป็นเอาตาย) ซีนจับกลุ่มกันเกลียดคนรวย ซีนที่ต้องมาจับกลุ่มลุ้นว่าซ่งเฝ่ยกับซีเหยียน จะตีหรือจะดีกัน หรืออยู่ๆสองคนนั้นจะหวานกันเมื่อไหร่และเมื่อไหร่จะเลิกกันจริงๆสักที

ชอบความที่ห้องเกรียงไกรไม่ย่อท้อคือ จะวางแผนตลอด พยายามรอด พยายามหาความหวัง การที่พยายามหาวิทยุเพื่อฟังข่าวข้างนอกแม้ว่าที่ไปหา ก็ไม่รู้ว่าจะเจอมั้ย แต่ก็ไม่เลือกที่จะนั่งรออยู่เฉยๆ
การดำเนินเรื่องก็จะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ แต่ด้วยความที่ตัวละครเยอะ เพราะนอกจากตัวเอกที่เป็นคู่รักอย่างซ่งเฝ่ย กับซีเหยียน ทุกคน คือแทบจะอยู่ด้วยกันตลอด เลยทำให้ต้องมีการเกลี่ยบทพอสมควรด้วยความที่จริงๆแล้ว เหตุการณ์มันเกิดขึ้นพร้อมกันหมด แต่ตัวละครแยกกันทำงานจึงต้องมีการเล่าเหตุการณ์ของแต่ละกลุ่มที่แยกกันออกไป ในช่วงเวลาที่ทับซ้อนกันอย่างตอนไปหาวิทยุ แทบจะเอาไปเกือบ 1 เล่ม
ช่วงที่ชอบที่สุดของเรื่องคือตอนที่ขับรถหนีในเมือง คือทุกซีนช่วงนั้น คือตลกมาก เกลียดการที่พอซ่งเฝ่ยกับซีเหยียน ดีกันแล้ว คนที่เหลือหมั่นไส้ จนแบบภาวนาให้ทั้งสองคนตีกันสักที พอทะเลาะกันทีคือ แทบจะจิกเล็บลุ้นให้เลิกๆกันไปซะ ซีน มองตากันแล้วรู้นะว่าคิดอะไรกันอยู่ตลกมาก

โดยรวมคือ เป็นเรื่องที่เน้นการพยายามเอาตัวรอด ของเด็กๆ ที่ติดอยู่กับซอมบี้ฝูงใหญ่ เหตุการณ์หลักไม่ได้มีอะไรมากเพราะช่วงเวลาเมื่อเทียบจริงๆแล้ว คือ ผ่านไปไม่กี่วัน ไม่มีความดราม่าใหญ่โต แม้ว่าบางช่วงสิ่งที่เจอ คือ โหดร้ายเลยแหละ (ช่วงที่คิดถึงบ้าน แล้วเปิดข้อความเสียงของพ่อแม่ฟังก็น่าหดหู่อยู่) แต่โทนเรื่อง จะเป็นแนวตลก ลุ้นระทึกแบบไม่ได้เน้นความรุนแรง ที่สำคัญคือชอบความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนในห้องเกรียงไกรไม่ย่อท้อ ด้วย

ด้วยความที่ส่วนตัวไม่ค่อยชอบแนวซอมบี้เท่าไหร่ (เป็นเรื่องแรกที่อ่าน พวกหนังหรือซีรีย์ก็ค่อนข้างไม่อินเกี่ยวกับซอมบี้เท่าไหร่) เลยทำให้ไม่ได้ประทับใจขนาดนั้น เรื่องค่อนข้างสนุกอ่านได้เรื่อยๆ พล็อตค่อนข้างเบาๆ อ่านซ้ำได้ ถ้าชอบแนวเอาชีวิตรอดจากซอมบี้ ที่มองโลกแบบมีความหวังแล้วพยายามประคองตัวให้รอด คิดว่าเป็นเรี่องที่น่าสนใจ (อ่านไม่นานและไม่น่าเบื่อจนแบบไม่อยากอ่านต่อ ลุ้นอยู่ว่าจะรอดมั้ย หนียังไง และขำตอนตัวละครคุยกัน)เอาไว้อ่านช่วงแบบไม่ต้องการรับอะไรที่หวานจัดๆ เครียดสุดๆ หรือดราม่าเข้มข้น ได้

คะแนน 6.5/10