เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Last chapterL/prd
Under and stand for awhile
  • 1.
    
เพลย์ลิสวันสุดท้ายนี้ก็ยังเป็นเพลย์ลิสเดิมตั้งแต่2ปีที่แล้วในงานเลี้ยงแผนกตอนนั้น
ผมกลายเป็นคนไม่ที่อยู่กับใครไม่ได้นานๆอีกต่อไป
    
“ก็เหมือนเทรนด์ดีไซน์ปีนี้ เดี๋ยวมาเดี๋ยวไป น่าตื่นเต้นในช่วงแรก พอดูไปนานๆก็น่าเบื่อจริงๆกูก็รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรมั่นคงหรอกนะ แต่มึงก็บอกเองว่าคนเราก็ควรมีเวย์หลักของตัวเองไม่ใช่หรอ”
    
"..."
    
"ช่วงที่สรรหาวิธีการมาเจอกัน เรียนรู้จากเพลงที่ฟัง ค็อกเทลที่ดื่ม ขอบคุณเพลย์ลิสที่มอบให้ แต่ความสัมพันธ์มันไม่ได้จบแค่นั้น มันก็ต้องมีลำดับขั้นอะไรต่อไป”
พาร์ทเนอร์แผนกกราฟฟิกที่พึ่งเข้ามาทำงานประจำได้หกเดือน พยายามพูดให้เข้าใจถึงความเป็นจริงในการคุยกับใครของผม แต่ไม่เป็นผล มันก็เหมือนเดิมทุกครั้ง
ผม”

    ออกจะคิดถึงเธอ

    
เธอเปลี่ยนแฟนใหม่ไปสี่คนในระยะเวลาสองปีตั้งแต่เราเลิกกัน ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านออกไปเหมือนการกินเบียร์ กินมากๆก็เมา สักพักก็อ้วกออกมา วนแบบนี้ไปเรื่อยๆในทุกค่ำคืน
ไม่แปลกที่คืนนี้เธอจะนัดคนในแผนกออกมาปาร์ตี้แล้วเมาให้ยับเหมือนกับทุกปี
ผมยังทำหน้าที่เพื่อนที่ดีเสมอ ต่อให้ภายในไม่ได้รู้สึกแบบนั้น 

    บ้านเลขที่และเส้นทางที่ผมต้องขับรถพาเธอกลับบ้าน ก็เหมือนเดิมมาโดยตลอด


    ถ้าพูดกันจริงๆผมคงเป็นจุดบอดวันวาเลนไทน์ของเธอไปตั้งแต่ตอนนั้น

    
เมื่อสร่างเมา เราไม่อาจคุยและพบปะกันได้ ไม่ว่าจะปีเก่า หรือปีใหม่

    
2.

    เมื่อคิดว่าความสัมพันธ์มาจากโลกที่เพียงจิ้มหน้าจอก็เจอหลายคนที่อยากเข้าไปคุยเข้าไปทัก ก็รู้สึกมีชัยชนะไปครึ่งหนึ่งแล้ว


    “อยู่ไหนแล้ว”

    “เรากำลังนั่งบีทีเอสไปอะ ใกล้ถึงแล้ว”
    
สิ้นสุดประกาศบอกสถานีราชเทวี ก็ได้แค่คิดไตร่ตรองว่ามันดีแล้วจริงๆหรอสำหรับเราตรงนี้ คุยกันมาตั้งสี่เดือน ทำไมถึงพึ่งมาอยากเจอกันในวันนี้
เราตั้งใจจะไปเคาท์ดาวน์ด้วยกันโดยการดูหนังข้ามปีเพราะที่บ้านก็ไปสวดมนต์ที่วัด และมันเป็นการเจอกันครั้งแรกด้วย

    
“มึงคิดยังไงวะถึงฝากใจไว้กับคนแบบนี้อะ มันคุยกี่คนก็ไม่รู้ อีกอย่างมึงไม่เคยเจอกันในฐานะคนคุยกันจังๆ มันอาจจะเป็นนักต้มตุ๋นอะไรพรรค์นั้นก็ได้”


    จริงๆก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเอาใจไปฝากเขาขนาดนั้น แค่คิดว่าไม่ได้สวยพอจะเข้าไปคุยจะๆ เจอกันแบบนี้คิดว่าดีกว่ามั้ง รู้ด้วยนะว่ามันอาจจะไม่จริงใจเท่าการเข้าไปคุยต่อหน้า แต่ก็ไม่กล้าอยู่ดี

    
สิ้นสุดหนังจบ เขาเอื้อมมือแล้วประคองมือของเธอไว้ พูดพรรณนาถึงความรักที่แล้วไปมาไม่รู้กี่ครั้ง คืนนั้นดำเนินไปด้วยแอลกอฮอลล์ที่ลานหน้าสกาล่า ไฟแสงสีหายไปเหลือเพียงไฟที่ห้อยประดับร้านค้า ทำนองเพลงจากลำโพงเปิดต้อนรับปีใหม่ เขาพร่ำเพ้อไปเรื่อย เธอลืมไปว่าเขาเป็นเพียงลูกค้าในร้านดอกไม้ที่เธอบังเอิญเจอแล้วร่างกายรู้สึกผิดปกติ การมาดูหนังด้วยกันครั้งนี้ และระยะเวลาการคุยมานับสี่เดือน มันเพียงพอจะทำให้เขาเข้าใจเธอรึเปล่าว่าภายในมันคืออะไร

    
ฤทธิ์แอลกอฮอลล์ซึมผ่านปากเข้าสู่เส้นเลือด ไม่นานเขาก็ดันพูดถึงหญิงสาวที่ร้านดอกไม้ เธอบรรจงกวาดสายตามองไปที่ปากของเขาและตั้งใจฟัง

    
“ขอบคุณนะที่มาดูหนังด้วยกันวันนี้ สนุกมากเลย ไว้คราวหน้าเรามาดูด้วยกันอีกดีมั้ย คุณคุยสนุกมากๆ ขอบคุณที่แลกเรื่องราวกันมาตลอด ผมคุยไม่เก่งหรอก แต่ว่าจะพยายามนะ”


    เขามาส่งเธอที่บ้าน บทสนทนาในช่องแชทจบลงเพียงวันนั้น เขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอไปมากกว่าการตั้งตารอจะดูหนังข้ามปีเรื่องที่เขาตั้งใจดู ส่วนร้านดอกไม้ที่เขาไปบ่อยๆ เขาเพียงแค่ชอบและรักในสีของมัน แค่นั้น

    
3.
    
“ขอบคุณที่เข้ามาทำให้ปีนี้ของเราสมบูรณ์”

    คืนก่อนวันนั้น เราไปกินขนมร้านที่เขาชอบ ฉลองการฝึกงานครบสามเดือนเสร็จ บลูเบอร์รี่ชีสเค้กที่เขาชอบ บรรยากาศสามทุ่มกับร้านคราฟเบียร์ที่เรามักไปนั่งด้วยกันเวลาฉลอง
 หวนกลับไปคิดถึงทุกคืนวันศุกร์สองทุ่มที่เธอมักเดินเล่นแถวนั้น นั่งบาร์ฟังแจ๊สชิวๆตามสไตล์เด็กออกแบบ หาอินสไปร์เพื่อคอนเทนต์ใหม่ๆแต่ละเดือน 

    เป็นคนแบบนั้นได้เพราะเขาเลย เขามักบอกว่าอย่าเครียดกับงานมากเกินไป จะเดินสายนี้ต้องเสพอะไรสวยงาม ดัดจริตหน่อย งานจะได้ดูมีสเน่ห์ ชวนให้มองทุกครั้งที่ก้าวเข้ามาพบ สไตล์เพลงที่ฟังก็มาจากแผ่นเสียงที่ฟังในห้องเขา เขาชอบเทียนหอม พลางทำให้ห้องของเขามีกลิ่นดอกไม้ บางทีก็กลิ่นชินนาม่อน หรือวนิลาอยู่ตลอด

    
อะไรจะน่ารักเกินไปกว่าการกอดกันอยู่ในห้องเปิดระเบียงโล่ง ได้รับแสงสว่างจากเทียนหอม และดอกไม้ไฟ สีสันสวยงามในคืนวันที่หนึ่ง :-)

    
4.

    "แบบนี้มันดีที่สุดสำหรับเราแล้ว"
    
"แล้วอยู่ด้วยกันแบบนี้มันไม่ดีหรอ"
เธอกลับบอกตรงกันข้าม ให้เวลาเธอหน่อย บางเรื่องมันก็ยังไม่ลงตัวขนาดนั้น การจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของใครสักคนมันไม่ได้เหมือนแตะบัตรบีทีเอสแล้วเข้ามาเลย บางทีแบกกระเป๋ามาด้วย ทางเข้าก็หนีบ อุปสรรคมันเยอะ ค่อยๆเรียนรู้กันไป

    "คุณมันไม่ใส่ใจ"

    ยิ่งเวลาไม่เจอกัน การสื่อสารมันมีผลกันหมด น้ำเสียงและการกระทำ มันมักดีกว่าเมื่อเจอกัน

    "ให้ไปส่งมั้ย เดินกลับคนเดียวผมคงเป็นห่วงคุณจนเป็นบ้า ถึงบ้านแล้วก็โทรมาได้มั้ย หรือแมสเสจมาบอกให้ผมโล่งใจ"
    
"..."

    "ผมไม่ขอร้องอะไรเลย นอกจากว่าตอนนี้คุณยังอยู่กับผมตรงนี้ ปีเก่าปีใหม่มันไม่เห็นสำคัญเท่าเรายังอยู่ด้วยกัน ผมอยากดูแลคุณแบบนี้ไปเรื่อยๆ"

    
"เรายังไม่แน่ใจ"


    "เรายังไม่ต้องคบกันก็ได้ ต่างคนต่างศึกษากันไปก่อนไง ไม่มีใครรีบร้อน ผมเข้าใจ"


    "อืม"


    สุดท้ายเธอก็หายไป ผมไม่รู้ว่าผมทำอะไรผิด
เขาไม่ได้ทำอะไรผิด มีแต่เราเองที่รู้สึกไปเอง เรามักชอบอยู่คนเดียว เอาแต่ใจ เวลาต้องการเขาก็งอแงอยากเจอ เวลาอยากอยู่คนเดียวเราก็ไม่เอาอะไรเลย หายไปดื้อๆ ทำตัวเห็นแก่ตัว อยากขอโทษเขานะ แต่อายเกินจะแบกหน้าไปคุย
ขอโทษที่สุดท้ายเราไม่ได้ไปกิน ออน ล็อก หยุ่น ด้วยกันแบบที่เคยบอกไว้ตอนนั้น เราขอโทษว่ะ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in