เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
In my mind.เปื่อย
เรื่องราวของดอกไม้
  • - แด่ ความรัก- 



             เธอนั่งดื่มดำกับเครื่องดื่มสัญชาติญี่ปุ่นสีเขียว มันจึงทำให้อวัยวะที่ใช้หายใจของฉัน ได้สัมผัสกับกลิ่นอื่นนอกจากกลิ่นมะลุลี


              "ละมุนจังเธอเอ๋ย กลิ่นมะลุลีที่ผสมกับกลิ่นชาญี่ปุ่นนั่นช่างหอมละมุนเสียจริง -- โอ้ เธอเอ๋ย เธอเห็นไหม กลีบดอกของฉันเริ่มเบ่งบานแล้ว" เขาตัดสินใจเปล่งเสียงทักเธอออกไป


             แต่เธอยังคงเงียบ นั่งสัมผัสกับชาญี่ปุ่นอย่างนิ่งสงบ 


            "เธอเอ๋ยเธอ คุยกับฉันเถิดหนา เธอเอ๋ย" เขา พากเพียร มุมานะ เฝ้ารออย่างแน่วแน่ รอวันที่มะลุลี จะปรับองศาหันมาให้พอดีกับเขาบ้าง


              วันผ่านคืน คืนผ่านวัน เขายังคงเฝ้ามองดอกไม่สีขาวนวล ที่กำลังดื่มดำกับชาญี่ปุ่นอย่างสง่างาม เขาดมดอมกลิ่นฟุ้ง ที่ลอยละล่องมาจากมะลุลี...  มะลุลีจ๋า เธอคงมิรู้ว่า กลิ่นของเธอช่างหอมหวาน อบอวลแค่ไหน ยิ่งเคล้ากับกลิ่นชาญี่ปุ่นด้วยแล้ว กลิ่นของเธอยิ่งหอมละมุน ชวนรัญจวนใจเข้าไปใหญ่ 


              "เธอจ๋า กลีบของฉันเพิ่มขึ้น จนทับซ้อนซ่อนตัวกันเต็มไปหมด มันสวยจับใจเลยล่ะ เธออยากเห็นไหม" เขาเอื้อนเอ่ยถามมะลุลีออกไป เขาจำได้ว่า ตั้งแต่เขาเฝ้ามองเธอมา เพียรเรียก มานะพูดคุย แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะหันมองเขา 


              "จริงหรือ สวยงามมากจริงหรือ" 


              "โอ้ เธอจ๋า เธอตอบฉันแล้ว"  เขากำลังรู้สึกดี ราวกับมีผีเสื้อนับร้อย ผึ้งนับพัน หรือแมลงสักหมื่นชนิดมารุมดอมดม 


              "หันมาดูสิเธอ หันมาหาฉัน" 


              "งั้น.... ฉันขอรบกวนเธอเสียหน่อย เธอช่วยโน้มตัวมาหาฉันข้างหน้าได้หรือไม่ กิ่งก้านของฉันเปราะบาง ขยับเพียงนิดอาจแตกหักน่ะเธอ"  มะลุลีเอื้อนเอ่ยประโยคที่เธอคิดว่า มันน่าจะเป็นประโยคที่ยาวที่สุดในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาออกไป


              คิดหนัก เขากำลังคิดหนัก - เหตุใดเขาต้องโน้มกิ่งไปหาเธอด้วยเล่า ในเมื่อเขาเห็นภาพด้านหลังของเธอแล้ว ด้านหน้าก็คงไม่ต่างอะไร กลับกัน เป็นเธอที่ยังไม่เคยเห็นเขาเลย เธอต่างหากที่ควรจะโน้มกิ่ง เปลี่ยนองศามาหา แสงแดดตรงนี้ก็ช่างสว่างไหว ทอประกายกันอย่างสวยงาม ถ้าเขาโน้มกิ่งไปหาเธอ เขาจะต้องแสงที่ร้อนแรงเกินควร  หรือถ้าหากเขาต้องทำดั่งคำที่เธอพูด ลำต้นที่เคยตั้งตรงอย่างสง่าผ่าเผยของเขา จะต้องบอบช้ำ หรือคดเคี้ยวเป็นแน่


              "เธอจ๋า ฉันก็อยากจะโน้มกิ่งไปหาเธอหรอกหนา เพียงแต่ฉันเห็นว่า หากเธอหันมาคงเหมาะกว่า เพราะเธอจะได้ตั้งตรงอย่างสง่า พราวระยับภายหน้าแสงแดดสีทองที่ทอประกาย" 


              "จริงหรือเธอ ฉันจะสง่ายิ่งขึ้นใช่ไหม" เธอเอ่ยถาม พลันตัดสินใจปรับองศา โน้มเอียงกิ่งที่แสนเปราะบางมาหาเขาทันที



    /กร๊อบ/ 



              เกิดเสียงลั่นจากกิ่งก้านของดอกมะลุลี มันทำให้กิ่งของเธอคดไปทางซ้ายเล็กน้อย ดอกขาวหอมที่เคยชูช่ออย่างสวยงาม กลับคว่ำหน้าลงประมาน 37 องศา น้ำชาญี่ปุ่นที่โอบอุ้มเธออยู่ในโหลแก้วทรงสวยกระฉอกออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นข้างต้น มันได้ทำให้หน่วยผลิตกลิ่นหอมของมะลุลีทำงานผิดเพี้ยน


              "สวัสดีจ่ะเธอ โอ้! เธอคือทานตะวันหรือนี่ ลำก้านเธอช่างตั้งตรง กลีบดอกเธอช่างบานสะพรั่งดูน่าสดชื่นเสียจริง ฉันไม่เสียใจเลยเธอเอ๋ย ที่โน้มเอียงกิ่งมาหาเธอ" มะลุลีบอกกับทานตะวัน ดอกไม้เพียงหนึ่งเดียวที่อดทน เฝ้ารอเธอมาทุกคืนวัน เธอไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเธอ  ณ ขณะนี้ เธอสนใจ ให้ใจกับทานตะวันสีเหลืองอร่ามตรงหน้าเธอเพียงเท่านั้น


              'นี่หน่ะหรือ สิ่งที่ฉันรอคอย?'' ทานตะวันถามตัวเองอยู่ในใจ เหตุใดมะลุลีของฉัน ถึงไม่สวยงาม น่าเชยชมเหมือนแต่ก่อนกัน เธอดูบิดเบี้ยว รูปร่างประหลาดแปลกตา กลิ่นก็ไม่ฟุ้งหอมเหมือนแต่ก่อน มันไม่ตราตรึงอีกแล้วสำหรับฉัน


              "สวัสดีมะลุลี เราได้ทำความรู้จักกันแล้ว เธอโน้มเอียงกิ่งก้านกลับไปองศาเดิมของเธอได้แล้วหนา เธอจะได้ไม่เสียเวลาทำความคุ้นเคยกับองศาใหม่" 


              "ไม่เป็นไรจ่ะเธอ ฉันอยากคุย อยากสบสายตากับเธอให้มากกว่านี้ ฉันจะพยายามปรับตัวให้เข้ากับองศาใหม่จ่ะ เธอไม่ต้องกังวลไปหรอก" มะลุลียังคงยืนยันด้วยจิตใจที่มั่นคง เธอยอมเปลี่ยนตัวเอง เสียสละองศาที่แสนเลอค่า เพื่อให้เธอสามารถอยู่เคียงคู่กับทานตะวันไปทุกเมื่อเชื่อวัน 


              "แล้วแต่เธอจะประสงค์แล้วกันจ่ะ" ทานตะวันบอกกับมะลุลีไปแบบนั้น 





              และนี่ถือเป็นประโยคสุดท้ายที่เกิดขึ้นระหว่าง 'ดอกไม้สีเหลืองผู้สง่าผ่าเผย' กับ 'ดอกไม้สีขาวหอมฟุ้งผู้เสียสละตัวเอง'....

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in