กลางเดือนกรกฎาคม 2019 เพื่อนสนิททักมาว่า ปีนี้ยังไม่มีทริปด้วยกันเลยนะ
ฉัน: เดือนธันวามีแพลนไปญี่ปุ่นอะ ไปดูใบแปะก๊วยเปลี่ยนสี ยังไม่ได้จองอะไรเลย ไปด้วยกันมะ
เพื่อน: ไปดิ
ฉัน: ลาได้กี่วัน แต่แบบ ไหนๆก็ลาแล้ว อยากไปไกลๆว่ะ ญี่ปุ่นไปเมื่อไหร่ก็ได้ (และปีนี้ไปแล้ว 2 รอบ)
เพื่อน: แกไปไหนเราก็ไปด้วยหมดอะ
ฉัน:จอร์แดนมั้ย
เพื่อน: ที่กำลังบูมๆช่วงนี้ปะ
ฉัน: มึง อันนั้นจอร์เจีย...
จอร์แดนเป็นประเทศในฝันของเราตั้งแต่ได้ดูหนังเรื่อง The martian ตอนปี 2015 ฉากทะเลทรายในหุบเขาสีแดง ภูมิทัศน์ที่เวิ้งว้างเหมือนดาวอังคาร ติดค้างอยู่ในใจเรามาตลอด และคิดว่าวันนึงต้องไปให้ได้ ติดอยู่แค่ public transportation ของจอร์แดนยังไม่ดีนัก และเราขับรถไม่เป็น ก็เลยเป็นทริปที่ต้องรอหลอกล่อเพื่อนให้ไปด้วย (ฮา) ค่าเช่ารถ 5 วันรวมประกันแค่ 4,700 บาทเองอะ 555
เราตัดสินใจเดินทางในช่วงเดือนธันวาคม เพราะมีวันหยุดนักขัตฤกษ์เยอะ (และเราว่างแค่เดือนนั้น) เพื่อนไม่ต้องใช้วันลามาก ข้อเสียคือเป็นหน้าหนาวของจอร์แดน กลางคืนจะมืดเร็ว 5 โมงเย็นก็มืดแล้ว ทำให้มีเวลาเที่ยวน้อยกว่าฤดูอื่น จริงๆไม่ค่อยแนะนำให้ไปเดือนนี้นะ แล้วฉันไปทำไม!!
แพลนของเราเป็นแบบนี้
Day0: BKK-AMM ด้วย kuwait air
Day1: Jerash และขับรถไปนอน Petra
Day2: Petra
Day3: ขับรถไป Wadi rum นอน dome แบบ the martian
Day4: ขับรถไป Dead sea และขับรถไปนอน Amman
Day5: Amman
คืนก่อนหน้าพวกเรามาถึง Amman ช่วงค่ำ แล้วใช้บริการ Taxi จากสนามบิน มาพักในตัวเมือง Amman แพลนว่าตอนเช้าจะได้ไปรับรถเช่าที่ศูนย์บริการในตัวเมืองแล้วไปเที่ยวเลย เราจองผ่าน discoverycar.com (เพราะเทียบราคาแล้วถูกสุด) และยอมจ่ายค่ารับรถนอกเวลาทำการเพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวมากขึ้น
แต่!!พอ!!ไป!!ถึง!!ตึกปิด!! และไม่มีใครเลย!! (ร้องไห้หนักมาก) โชคดีที่ซื้อซิมแบบมีโทรฟรีในประเทศด้วย ปรากฎว่าเกิดความผิดพลาดขึ้น และรถของพวกเราไปอยู่ที่ศูนย์บริการที่สนามบินอัมมานแทน เปิดทริปด้วยความซวยยยย เราเลยต้องนั่งรอรถของบริษัทรถเช่ามารับเราไปจุดรับรถที่สนามบินอีกที เสียเวลา ขับวกไปวนมาไปมากโข เศร้ามาก
ทุลักทุเลกับการขับรถพวงมาลัยซ้ายครั้งแรกไม่นาน เพื่อนก็สามารถขับได้อย่างคล่องแคล่ว (เก่งมากเจ้าเพื่อน) เราขับจาก Amman ไปยังเมือง Jerash ที่นี่เป็นซากโบราณสถานแบบโรมัน อยู่ทางเหนือของเมือง Amman ประมาณ 1 ชั่วโมง
หลังจากใช้เวลาอยู่ที่ Jerash ประมาณ 3 ชั่วโมง เราก็ต้องเดินทางต่อแล้ว เพราะคืนนี้ต้องไปนอนเพตรา ซึ่งไกลจาก Jerash เกือบ 5 ชั่วโมง มีถนนหลายเส้นที่ใช้ได้ แต่เราเลือก King's highway (ถนนหมายเลข 35) เพราะเป็นถนนที่วิวข้างทางสวยมากกกกกก (มากแบบอยากจะพิมพ์กอไก่จนแป้นพัง) แม้จะใช้เวลานานกว่าทางหลวงสายอื่น แต่ขอแนะนำนะ เพราะว่าวิวมันดีมากจริงๆ
จุดที่เราแวะถ่ายรูปกันคือ Moujib Panorama จากตรงนี้จะสามารถเห็นความคดเคี้ยวของ King's highway ได้ เป็นวิวที่ตื้นตันใจมากเพราะไม่คิดว่ามันจะสวยขนาดนี้ (รู้สึกว่าคุ้มแล้ว) ช่วงเวลาสั้นๆที่ยืนอยู่ที่นี่คือพูดแต่คำว่า 'สวยว่ะ' กับ 'แม่งโคตรสวยอะ'
พวกเราแวะกินข้าวเที่ยงที่ Green Gueshouse เป็นอาหารจอร์แดนแบบบุฟเฟ่ แล้วขับต่อไปยัง Kerak castle ดูพระอาทิตย์ตกดิน (ซึ่งไม่เห็นเพราะเมฆมาก) จากนั้นก็ตรงไปพักที่โรงแรมใน Wadi musa ใกล้ๆกับPetra เป็นอันจบวันนี้
Petra เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ในอดีตที่นี่เป็นเมืองการค้าที่สำคัญ ชาวท้องถิ่นสร้างเมืองด้วยนี้ด้วยการแกะสลักหินผา จริงๆการจะเที่ยวให้ทั่วอาจจะต้องใช้เวลา 2-3วันเลย แต่ด้วยความมนุษย์เงินเดือนวันลาน้อยอะนะ พวกเราเลยเก็บเฉพาะสถานที่สำคัญใน 1 วัน ก็คือ Treasury, Monastery, Royal tomb
จากประตูทางเข้าไปยัง Treasury จะเดินหรือขี่ม้าหรือนั่งรถม้าก็ได้ ระหว่างทางจะได้ชมความงามของช่องเขาแคบๆที่เรียกว่า the siq ให้อารมณ์คล้ายๆกับพวก antelope canyon ที่อเมริกาเลย แต่อันนั้นรูปทรงเกิดจากน้ำเซาะ ส่วน the siq เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของแผ่นเปลือกโลก
พอได้มาเห็น Treasury ก็ขีด bucket list ออกได้อีกหนึ่งอัน อ่า ชีวิตฉันคอมพลีทแล้ว 5555 หลังจากถ่ายรูปที่นี่จนสาแก่ใจแล้วเราก็เดินทางต่อไปยัง Monastery ซึ่งจะเดินไปหรือขี่ลาก็ได้นะ ตอนแรกเราไม่อยากขี่ลาเลยเพราะรู้สึกเป็น Animal abuse แต่อีกใจก็อยากลองประสบการณ์ใหม่ แล้วก็ช่วยกระจายรายได้ให้ชาวบ้านด้วย เลยตัดสินใจขี่ลาขึ้น Monastery ค่ะ (Monastery อยู่บนเขา ทางชันมาก เลยมีบริการขี่ลาทุ่นแรง)
ลาจะพาเรามาถึงจุดนึงแล้วเราต้องเดินเท้าต่อเข้าไปที่ Monastery อีก20นาที จุดที่ลามาส่งจะมีคาเฟ่ให้นั่งพักจิบชาชมวิว เราพักกันครู่นึงแล้วก็เดินต่อ พอมาถึง Monastery ก็จะมีคาเฟ่ให้นั่งเหมือนกันและมีจุดชมวิวมุมสูงให้เลือกปีนป่ายหลายจุดเลย เราก็สุ่มๆเลือกซักจุดนึงนะคะเลยได้รูปนี้มา55
เราว่า Petra แสงเช้าๆกับแสงช่วงเย็นก็จะถ่ายออกมาได้คนละสี แล้วก็สวยทั้งสองช่วงเลย วันนี้เรายังมีเวลาเหลือนิดหน่อยเลยได้แวะ Royal tomb ก่อนออกจากเพตรา
เช็คอินเสร็จ เราก็ติดต่อซื้อ Half day Jeep tour เพื่อไปสำรวจทะเลทรายกัน แล้วก็ซื้อ Camel ride tour สำหรับขี่อูฐดูพระอาทิตย์ขึ้นวันพรุ่งนี้เช้าด้วย ที่พักก็ใจดีมากเพราะเราจอง Jeep tour แบบราคาถูกไปแต่เค้าอัพเกรดเป็น Jeep tour แบบ luxury ให้ฟรี (รถจะต่างกันคือมีเบาะนั่งหรู+หลังคาให้)
ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกที่มีต่อทะเลทราย Wadi rum ได้ คือมันสวยมากๆจริงๆ เราเหมือนได้มาออกรายการฝันที่เป็นจริงเลย แบบในที่สุด ในที่สุดดดดดด หลังจากรอมาหลายปีฉันก็ได้มาอยูตรงนี้ เรื่องที่เสียใจอย่างเดียวคือตอนกลางคืนเมฆเยอะเราเลยอดดูดาวเลย เศร้า (คนดวงซวย2019)
Day 4 Sunrise tour and Dead sea
น้องอูฐจะมารับถึงหน้าประตูห้องพักเลย บริการดีมาก สำหรับเพื่อนที่ขี่อูฐครั้งแรกจะหวาดเสียวนิดหน่อยเพราะจังหวะที่เราขึ้นขี่แล้วน้องยืนขึ้นมันจะสูงมาก ส่วนเราเคยขี่มาแล้วครั้งนึงที่อียิปต์ก็ยังหวาดเสียวอยู่ดีเหมือนกัน (อ่าว)
หลังจากขี่น้องอูฐเสร็จ กินข้าวเช้าที่โรงแรม และนอนกลิ้งไปมาซักพัก เราก็ขับรถยิงยาวไปที่ Dead sea เลย วันนี้จะต้องขับรถไกลมากถึง 300 กว่ากิโลเมตร บนถนน Jordan valley highway
พอขับรถมาถึงช่วงเลียบทะเลสาบ Dead sea คือสวยมาก เราจะเห็นน้ำสีฟ้าตัดกับชายหาดที่เป็นผลึกเกลือสีขาว สามารถแวะถ่ายรูปได้หลายจุดเลย
ที่ Dead sea ไม่ใช่ว่าจะลงเล่นน้ำที่ไหนก็ได้ เราสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ Public beach คือ Amman Beach หรือจะไปใช้ชายหาดของโรงแรมก็ได้เพราะคนจะน้อยกว่า เป็นส่วนตัวกว่า ถ้าไม่ได้เข้าพักก็มีบางโรงแรมที่ขาย Day pass คือ จ่ายเงินเข้าไปใช้หาดกับห้องอาบน้ำได้ เราไม่ได้พักที่ Dead sea เลยหารายชื่อโรงแรมที่ขาย Day pass และสรุปกันว่าจะไปเล่นน้ำที่หาดของ Dead sea spa hotel
แต่เรื่องไม่คาดหวังก็เกิดขึ้น คือ ฝน!! ตก!! แม่เจ้า!! คนดวงซวย2019 ฉายานี้ไม่ได้มาเล่นๆ ฝนตกหนักมากก่อนเราไปถึงโรงแรม ถนนมีโคลนถล่มน้ำหลากบางจุดด้วย พอไปถามที่ reception ก็ได้รับแจ้งว่าหาดปิดไม่ให้เล่นน้ำเพราะฝนตกหนัก ไม่รู้จะเปิดเมื่อไหร่ด้วย
ตอนนั้นคือแบบ ไม่ได้อะ อุตส่ามาแล้ว พรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว จะกลับโดยไม่ได้ลอยตัว Dead sea ไม่ได้ปะ เลยตัดสินใจวกรถกลับไปถามที่ Amman Beach ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าหาดนี้ไม่ปิด เย้เย้ ไชโย
ไม่นานนักฝนก็หยุดตกให้เรา และคนอื่นๆกลับไปหมดแล้วตั้งแต่ฝนตก เราเลยได้ใช้ public beach แบบส่วนตัวสุดๆ แต่น้ำในทะเลสาบกลายเป็นสีโคลนเพราะโคลนบนหาดมันโดนฝนชะลงไป (เศร้ามากอีกแล้ว) คุณลุงที่หาดมาช่วยแนะนำให้พอกโคลนด้วย พอกทั้งหน้าทั้งตัวเหลือแต่ลูกกะตา แต่ขอไม่ลงรูปเพราะทุกคนจะกลัว (ฮา)
เมื่อคืนเราขับรถจาก Dead sea มานอนที่ Amman วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่นี่แล้ว เลยแพลนไว้แบบหลวมๆ วันนี้เราไป Amman citadel อย่างเดียวเท่านั้น และนอกนั้นก็คือ ช้อปปิ้ง และ กิน และกิน ที่ Rainbow Street กับตลาดที่ Downtown Amman
รวมๆแล้วทริปนี้เป็นทริปที่เราชอบมาก ขอบคุณเพื่อนๆทั้งสามคนคือ เมย์ หมี น้ำฝน เราอยากไป Road trip กับเพื่อนทุกๆปีเลยแหล่ะ เราชอบเวลาที่เปิดเพลงเก่าๆที่ทุกคนร้องตามได้ จอดรถแวะซื้อขนมน้ำอัดลม แวะจอดถ่ายรูปตรงที่วิวสวยๆ เราโชคดีมากที่เรามีเพื่อนแบบหมีกับน้ำฝนที่เวลาเราชวนไปไหนไม่เคยปฎิเสธเราเลย ส่วนเมย์เราพึ่งเคยไปเที่ยวด้วยกันครั้งแรกก็ทำให้เราประทับใจในความแกร่งสุดๆ
ทริปนี้เป็นประเทศที่ 30 ของเรา เป็นความสำเร็จเล็กๆของเราที่ฝันว่าอยากไปเที่ยวให้ครบ 30 ประเทศก่อนอายุ 30 แล้วก็ทำได้แล้ว ต่อไปก็ขอให้ได้เที่ยวเยอะๆเหมือนเดิมนะ :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in