รูปประกอบจาก http://www.indiedb.com/games/this-war-of-mine/downloads/supereasymod-for-this-war-of-mine
ตอนดู Trailer ครั้งแรกก็นึกว่าจะเป็นเกมแอคชั่นไรงี้ ปรากฏว่าพอได้ลองเล่นแล้วอ้าว เป็นแนว Survival แฮะ ซึ่งก็น่าสนใจเพราะส่วนใหญ่ถ้าเป็นเกมเกี่ยวกับสงครามมันจะชอบมาแนวแบบ FPS ไรงี้ชะมะ อย่างพวก Call of Duty หรือ Battlefield ที่นิยมเล่นกัน แต่เกม This War of Mine นี้ไม่อย่างงั้นค่ะ เราจะได้เล่นเป็นกลุ่มคนธรรมดาที่ต้องเอาชีวิตรอดจากภาวะสงครามมากกว่าเป็นกลุ่มทหารที่ไปบุกถล่มศัตรู แต่ถ้าจะบอกว่าเกมนี้มันไม่แอคชั่นเลยมันก็ไม่จริงอ่านะ เพราะในบางครั้งเราก็ต้องสู้กับคนอื่นเพื่อเอาตัวรอดเหมือนกัน เพราะงั้นเจ๊สรุปว่ามันเป็นเกมแนว Survival ที่ปนแอคชั่นนิด ๆ นั่นแหละ
Gameplay (เจ๊เล่นใน PC นะจ๊ะ)
จริง ๆ เกมนี้มันมีแบบเนื้อเรื่องด้วยนะ แต่เจ๊ไม่ได้สอยมาเล่น เล่นแต่ Survival mode ไป ตอนเปิดเกมมา มันก็จะให้เราเลือกว่าจะเล่นเป็นตัวละครไหน ซึ่งตอนเล่นครั้งแรก มันมีตัวละครให้เราเลือกไม่เยอะหรอก มันจะค่อย ๆ ปลดล็อกไปเรื่อย ๆ เหมือนเกมทั่วไปแหละ พอเริ่มเกมปุ๊บมันก็จะมาแบบนี้เลย
ที่เห็นข้างบนก็คือฉากในเกม ซึ่งมันก็คือที่หลบภัยของตัวละครของเราที่ต้องอาศัยอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบเกมนะจ๊ะ หลังจากนั้นก็จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับตัวละครขึ้นมาแบบนี้
จากที่เจ๊ลองเล่นสองสามรอบ แต่ละครั้งเกมมันจะ random ตัวละครมาให้เรา เราจะได้เล่นเป็นตัวละคร 1 กลุ่มนะ ไม่ใช่ตัวเดียว ส่วนมากจะเป็นกลุ่ม 3 คน หรือบางครั้งเป็นกลุ่ม 4 คนแล้วแต่รอบ แล้วส่วนใหญ่เนื้อหาตอนเปิดเรื่องมาจะมีอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับตัวละครแต่ละตัวเล็กน้อย และมักจะบอกว่าคนกลุ่มนี้มารวมตัวกันเพราะหนีออกนอกเมืองไม่ทันก่อนเกิดสงครามกลางเมืองเลยติดอยู่ที่นี่และพยายามเอาตัวรอดทุกวิถีทาง
พูดง่าย ๆ ก็คือเกมนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มคนธรรมดาสามัญที่อพยพหนีไม่ทันเลยติดอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองที่อยู่ดี ๆ ก็ปะทุขึ้นมา (ถ้าใน Story mode ก็อาจจะรู้แหละว่าสงครามมันเกิดขึ้นจากอะไร แต่ถ้าเล่นโหมดนี้มันไม่อธิบายชัดเจนนะว่าทำไมรบกัน บอกว่าเป็นสงครามกลางเมืองเฉย ๆ)
กลุ่มตัวละครที่เราจะได้เล่นส่วนมากไม่ได้รู้จักกันมาก่อนนะ แต่จำเป็นต้องมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันเพื่อช่วยกันเอาชีวิตรอด หลังจากที่เราอ่านรายละเอียดของตัวละครจบแล้ว หน้าต่างเกมก็จะเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้
เริ่มจากซ้ายบนเป็นแถบบอกวันที่เรารอดมา ซึ่งตอนนี้เพิ่งเริ่มเกมมันเลยขึ้นว่า “Day 1” ถัดมาก็คือเวลา ส่วนท้ายสุดคืออุณหภูมิของวัน เราควรจับตาดูการเปลี่ยนแปลงของเวลาและอุณหภูมิเป็นระยะนะ ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน (ทำไมจะหาว่าไม่เตือน ไม่ขอสปอยมากละกันนะ ไปลองเล่นกันเอง คริคริ)
ถัดมาคือ “Our things” คือสิ่งของทั้งหมดที่เรามี เดี๋ยวค่อยมาพูดว่ามันสำคัญอย่างไงไอ้สิ่งนี้ ส่วนข้างล่าง “End Day” ก็คือจบวันนั้นแหละ ถ้าขี้เกียจรอให้หมดเวลากลางวันก็กด End day ข้ามไปได้เลย มันก็จะไปเป็นเวลากลางคืนให้เลย
ส่วนขวาล่างสุดคือ Status ของตัวละครของเราอย่างเช่นที่เห็นอยู่ตอนนี้คือสเตตัสของ Bruno ซึ่งมีคำอธิบายสีเหลือง ๆ ข้างล่างว่า “Slightly Sick” แปลง่าย ๆ คือ “ป่วยนิด ๆ” ซึ่งก็แน่นอนว่าสเตตัสจะเปลี่ยนแปลงไปมาเรื่อย ๆ เช่นกัน ควรจับตาดูให้ดี ๆ นะจ๊ะ เวลาเราจะเปลี่ยนการบังคับตัวละครแต่ละตัวให้กดที่รูปสเตตัสนี้หรือกดที่ตัวของตัวละครโดยตรงเลยก็ได้อันนี้ก็ตามสะดวก
เปิดมาปุ๊บ เจ๊ก็นั่งเอ๋อแดกไปสามวิ “เล่นอย่างไงวะ” พอขยับเมาส์ไปมาก็อ๋อ เกมนี้มันเป็นแบบที่เรียกว่า “Side Scrolling” เหมือนมาริโออะ ขยับซ้ายขวาอย่างเดียว แต่วิธีบังคับเกมนี้คือให้กดตามปุ่มกลม ๆ ที่ปรากฏให้เห็น หรือเวลาจะให้ตัวละครเดินไปทางไหนก็คลิกหนึ่งทีตรงที่ ๆ เราอยากให้ไป พูดง่าย ๆ คือใช้เมาส์อย่างเดียวในการบังคับเลยปุ่มอื่นไม่เกี่ยว แต่มันมาแบบ Don’t Starve อีกแล้วคือไม่มีสอนนะว่าเล่นอย่างไง ให้เรางมกันเอง (ใครอยากรู้ว่า Don’t Starve เป็นไง ไปตามอ่าน Don’t Starve: Shipwrack ที่เจ๊รีวิวไว้แล้วได้นะ)
เจ๊ก็นั่งกด ๆ งม ๆ เลยเริ่มรู้ว่าอ๋อไอ้กลม ๆ ที่เป็นรูปมือนั่นหมายถึงว่ามันจะมีของอะไรให้เก็บ พอเก็บแล้วมันจะขึ้นหน้าต่างนี้ขึ้นมา
มันคือ Our things ที่พูดถึงไปตอนต้น คือเวลาตัวละครเราไปหาอะไรเจอมันก็จะขึ้นมาให้เราเลือกว่าเราจะเก็บอะไรไว้ในที่เก็บของบ้าง ส่วนใหญ่ตอนเริ่มเกมเจออะไรก็เก็บเรียบแหละ เพราะเรารู้ว่ามันต้องมีประโยชน์ในภายหลังแน่นอน พอเก็บไปเรื่อย ๆ มันก็จะเริ่มเห็นความแตกต่างของสิ่งที่เราเก็บได้มาแต่ละอย่างตามรูปข้างล่าง
เวลาเราเอาเมาส์ไปชี้ที่ของแต่ละอย่างมันก็จะมีคำอธิบายขึ้นมาว่าสิ่งนี้มันคืออะไร แล้วในภายหลังเราก็สามารถเอาไปสร้างโน่นนี่เพื่อเอาตัวรอด ตามสไตล์เกมแนว Survival แหละ พูดง่าย ๆ คือคล้าย ๆ Don’t Starve ตามที่ว่าไป แต่สิ่งที่แตกต่างคือพอตกกลางคืนเท่านั้นแหละ เราจะสามารถออกจากบ้านไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ได้ค่า!
รูปมาจาก https://guides.gamepressure.com/thiswarofmine/guide.asp?ID=27963
หน้าต่างที่เราเห็นข้างบนนี้คือเวลาเข้ากลางคืนแล้วเราจะสามารถวางแผนได้ว่าจะให้ใครออกไปข้างนอก โดยออกไปได้ครั้งละแค่ 1 คนเท่านั้น ส่วนตัวละครอื่น ๆ ก็เลือกเอาว่าจะให้ทำอะไร จากคำสั่งที่เห็น คำว่า “Scavenge” หมายถึงให้ตัวละครออกไปหา Item เพิ่มตามสถานที่ต่าง ๆ ส่วน “Guard” คือให้ตัวละครนั้นเฝ้าบ้าน ที่เหลือก็คือ “Sleep” ก็ให้ตัวละครพักผ่อน แล้วถ้าในตอนหลังตอนที่เราเก็บ Item จนสร้างเตียงได้แล้วมันจะมีตัวเลือก “Sleep in Bed” (ความต่างระหว่าง Sleep ธรรมดากับ Sleep in Bed คือจะทำให้ตัวละครพักผ่อนได้ดีกว่า ฯลฯ ขออนุญาตไม่สปอยมากกว่านี้)
ส่วนวงกลมที่เราเห็นในแผนที่ก็คือสถานที่ที่เราสามารถไปสำรวจได้ซึ่งแต่ละที่จะแตกต่างกันนะ เช่น บางที่ก็มี Item ประเภทต่าง ๆ ให้เก็บเยอะแบบฟรี ๆ ไม่ต้องกลัวอันตรายใด ๆ บางที่ก็มีคนกลุ่มอื่น ๆ อาศัยอยู่ ถ้าเข้าไปก็ต้องระวังหน่อยว่าคนกลุ่มนี้เป็นมิตรหรือไม่ เพราะถ้าไม่ ตัวละครเราอาจจะโดนฆ่าตายได้ ถามว่าทำไม? ลองคิดภาพว่าถ้าเราอยู่ในบ้านเราอยู่ดี ๆ ในภาวะเครียด ๆ อาหารก็แทบไม่มี แล้วมีคนแปลกหน้าเดินเข้ามาในบ้านเรา ดูท่าทางน่ากลัว เราก็มักจะสู้เพื่อปกป้องชีวิตและสิ่งของของเราชะมะ เกมนี้มันก็คอนเซปเดี๋ยวกันแหละ ที่เจ๊บอกว่ามันมีความแอคชั่นเล็กน้อยก็คือตอนเวลาเราออกไปหาของนี่แหละ ถ้าเจอคนกลุ่มอื่นที่นิสัยโหดร้าย อาจจะโดนยิงตายได้ไม่รู้ตัว ทางเลือกก็มีแต่จะวิ่งหนีหรือจะสู้เท่านั้น
ภาพนี้คือตัวอย่างตามที่เล่าเมื่อกี้คือจะสู้หรือจะหนี แต่ถ้าปกติอีกฝ่ายก็มีปืนขนาดนี้ควรจะหนีดีกว่านะเจ๊แนะนำ ไม่งั้นตายละเศร้านะอุตส่าห์ดูแลกันมานาน (รูปมาจาก https://www.macgamestore.com/product/3870/This-War-of-Mine/)
หลัก ๆ โดยรวมเกมมันก็จะประมาณนี้แหละ แล้วถามว่ามันดราม่าอย่างไง เจ๊ว่าเพราะมันใช้ตัวละครจากคนจริงนี่แหละ มันเลยค่อนข้างดราม่า คือปกติเกมมันจะใช้ตัวละครที่เป็นการ์ตูนหรือคอมพิวเตอร์กราฟฟิคไรงี้มันเลยจะไม่ค่อยเสมือนจริงมากเท่าไร แต่พอใช้รูปถ่ายจากบุคคลจริงแล้วมันจะเหมือนเวลาดูหนังที่เราจะอินกับตัวละครต่าง ๆ (เหมือนดูซีรี่ย์ Game of Thrones อะตัวไหนที่เราอินตายเราก็ร้องไห้หนักมากใช่ไหมล่ะ) แล้วที่มันดราม่าหนักกว่านั้นคือพอใครตายไปคนหนึ่ง ตัวละครที่เหลือคนอื่นในกลุ่มก็จะเศร้าตามไป บางคนถึงกับตัดพ้อว่า “ทำไมต้องตายแบบนั้นด้วย” อะไรแบบนี้ ซึ่งก็แน่นอนมันก็ส่งผลกระทบกับการเล่นของเราในภายภาคหน้า (กระทบอย่างไร? เจ๊ขอไม่สปอยมากกว่านี้ละกัน)
โดยรวมแล้วเกม This War of Mine ก็ประมาณนี้ มันมีฉากจบด้วยนะ ซึ่งเจ๊ก็เล่นจนเคลียร์แล้ว แต่ถ้าถามเจ๊ว่าสนุกสนาน เข้มข้น ดราม่า สมคำล่ำลือไหม? สำหรับเจ๊แล้วไม่ค่อยเท่าไรอะ เพราะเจ๊เคยเล่นเกมอื่นที่มันดราม่าขยี้ใจกว่านี้มาแล้ว แล้วถามว่ายากไหม? ก็ไม่อีกอะ ถ้าคนที่คุ้นเคยกับเกมแนว Survival จะรู้สึกว่ามันเรื่อย ๆ มาก ตอนที่เจ๊เล่นเคลียร์ยังแบบ “อ้าวจบละเหรอ?” อ๋อแต่สิ่งหนึ่งที่เจ๊ติดใจมากสำหรับเกมนี้คือเพลงประกอบตอนเปิดเกมเพราะมันเสียงเหมือนเสียงไซเรนที่เขาเปิดเวลามีสงครามที่เราเห็นในหนังบ่อย ๆ พอฟังไปมาก ๆ ก็หลอนและติดอยู่ในหัวพอควร
โดยสรุปแล้วสำหรับเจ๊แล้ว รู้สึกเฉย ๆ มากกับเกมนี้ แต่เห็นคะแนนรีวิวจากเว็บดัง ๆ ให้คะแนนเยอะกันอยู่นะ อาจจะเป็นเพราะอย่างที่ว่าอะว่าเกมแนวสงครามส่วนใหญ่มันไม่ค่อยมาแนวแบบนี้เท่าไร สำนักเกมหลายเจ้าเลยให้คะแนนสูงส่ง โดยส่วนตัวแล้วเจ๊ให้ 6.5/10 ละกัน (ใครอยากจะเข้ามาโต้เถียงหรือด่าเจ๊ว่าทำไมให้คะแนนต่ำจังวะก็เชิญเข้ามาได้ตามสะดวก เจ๊ไม่ว่า 555555+)
สุดท้ายนี้ก็ตามที่บอกไปคือรีวิวด้วยใจรักชอบเล่นเกมไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไรกับเกมนี้และการรีวิวนี้แต่อย่างใด ฉะนั้นขอความกรุณาอย่ามาก็อปรีวิวบ้าๆบอๆของเจ๊ไปทำอย่างอื่นเลยนะ (จะมีคนก็อปเหรอ 55555+) แล้วถ้าใครอยากเล่นไปสอยได้ใน Steam นะ ราคาเท่าไรจำไม่ได้แล้ว ช่วยกันอุดหนุนสินค้าลิขสิทธิ์นะจ๊ะ แจกันรีวิวหน้าจ้าาาา ^ ^
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in