StoryReview by เจ๊แมว มาในคอนเซปเดิมคือ "ทำไมผู้หญิงจะเป็นฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ไม่ได้"
ปล. เตือนอีกรอบว่า สปอยเพียบนะจ๊ะ ใครยังไม่เคยเล่นภาค 1 อย่าอ่านเลยนะ เดี๋ยวจะไม่หนุก 55555+
สวัสดีจ้า เจ๊แมวคนเดิมจากเพจ StoryAddicted จ้าาาา (มีคนถามมาว่ามันคือเพจอะไร มันคือเพจบ้าๆบอๆ ที่เจ๊ทำกับเพื่อนแหละ ไม่ใช่เพจยิ่งใหญ่อันใด แต่อีเพื่อนให้โปรโมทเพจด้วยเผื่อดังในอนาคต 55555+ ^^) กลับมาอีกแล้วกับการรีวิวเกมโหดเลือดสาด ถ้าใครเคยอ่านโพสต์ที่แล้วของเจ๊ก็จะรู้ว่าเจ๊อินเกมนี้หนักมากกกกกกก ซึ่งเกมนี้มันก็เพิ่งออกภาค 2 มาเมื่อเดือนที่แล้ว (ตุลา 2560) นี้เอง ด้วยความเป็นสายเปย์เกมเมอร์ก็สอยสิค่ะรออะไร!
วันนี้เจ๊เลยจะมารีวิวภาคต่อของเกมนี้ค่ะ The Evil Within ภาค 2 (ใครอยากอ่านรีวิวภาค 1 ของเจ๊ ไปตามอ่านได้นะ)
ท่าโพสพ่อพระเอกของเรานี่ คนเหงา 2017 มากกกกก (รูปจาก https://hdqwalls.com/download/1280x1024/the-evil-within-2-8k)
รูปตอนเปิดเกมแรก ๆ บ่งบอกความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวใจของพระเอกของเราได้เป็นอย่างดี (โธ่ เซบาสเตียนของเจ๊ T T)
1.เนื้อเรื่อง (สปอยแหลกจากภาค 1 และมีสปอยบางส่วนจากภาค 2)
ภาคนี้กราฟฟิกยังน่าประทับใจเหมือนเดิม คมชัดระดับ Full HD แต่ gameplay จะแตกต่างจากภาค 1 เล็กน้อย เดี๋ยวเจ๊จะมาอธิบายทีหลัง อันดับแรกขอพูดถึงเนื้อเรื่องกันก่อนนะ ถ้าใครเคยเล่นภาค 1 มาแล้วก็จะรู้ว่าไอ้ evil within เนี่ยจริงๆ แล้วมันคือเครื่องจักรที่เรียกว่า "STEM" ที่ผลิตขึ้นโดยอีตา Ruvik อีตาผ้าคลุมโรคจิตจากภาค 1 นั่นแหละ โดยองค์กรชื่อ "Mobius" ที่เห็นความอัจฉริยะของ Ruvik เป็นคนหลอกล่อให้เขาสร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ส่วนตัว (แต่โดน Ruvik หักหลังเอาไปใช้ตามใจชอบแทน) ความพิเศษของเครื่องนี้ถ้าอธิบายง่าย ๆ คือการเชื่อมต่อ "Mind" และ "Memory" ของทุกคนเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ แล้วสร้างโลกจำลองขึ้นมา
หน้าตาเป็นแบบนี้ STEM จากภาค 1 (รูปมาจาก http://theevilwithin.wikia.com/wiki/STEM)
อันนี้ STEM ในภาค 2 ที่สร้างขึ้นมาใหม่ ที่ต้องสร้างขึ้นมาใหม่เพราะ Mobius กลัวว่าความโรคจิตของ Ruvik จะหลงเหลืออยู่ในเครื่องเดิม เลยทำใหม่ขึ้นมาเพื่อคนที่ใช้จะได้ไม่ต้องเจอสัตว์ประหลาดแบบในภาค 1 แต่ที่ไหนได้หนีคนบ้ามาปะคนบ้าคนใหม่ซะงั้น เฮ้อ
เวลาจะเชื่อมต่อกับ STEM จะต้องลงไปนอนในเครื่องที่เหมือนอ่างอาบน้ำเนี่ยแหละ รูปนี้จากภาค 1 ในเนื้อเรื่องภาคเสริม
เหตุผลหลักๆของอีเครื่องนี้เอาง่ายๆโดยสรุปก็เพื่อสร้างโลกในอุดมคตินั่นแหละ เจ๊ว่าความคิดคล้าย ๆ กับเอาปลั๊กมาเสียบหัวแล้วอาศัยอยู่ในโลกไซเบอร์แบบหนังเรื่อง The Matrix อะ แต่อี STEM นี่มันจะแตกต่างกันคือมันจะสร้างโลกขึ้นมาจากสิ่งที่อยู่ในหัวของคนที่เป็น "Core" เป็นหลัก และก็มีความทรงจำของคนที่มาเชื่อมต่อด้วยคนอื่น ๆ เป็นส่วนประกอบ แต่เพราะพึ่งพา Core เป็นหลัก ฉะนั้นถ้า Core มีปัญหาก็ซวยกันทั้งบางแหละค่ะ ซึ่งในภาค 1 เราได้เข้าไปในอยู่ในหัวของ Ruvik เป็นหลัก เออ ลองคิดดูว่าเข้าไปอยู่ในหัวของของฆาตกรโรคจิตมันจะน่ากลัวขนาดไหน มันถึงเป็นที่มาของคำว่า evil within นี่แหละ คือปีศาจที่อยู่ในหัวของแต่ละคน
แล้วเซบาสเตียนของเราที่อุตส่าห์หนีออกมาจากฝันร้ายในภาค 1 ได้แล้ว จะกลับเข้าไปในอีเครื่องบ้านี่อีกทำไม!? เหตุผลง่าย ๆ จ้ะ เพื่อลูกสาวไง! เอ๊ะแล้วมันอะไรอย่างไง? มันไปเกี่ยวกับลูกสาวของพระเอกได้ไง?
ถ้าคนที่เล่นภาค 1 มาจะรู้เนื้อเรื่องจากสมุดบันทึกของเซบาสเตียนว่าลูกสาวของเขาที่ชื่อ "ลิลี่" (Lily Castellanos) ตายเพราะไฟไหม้บ้าน ทำให้เซบาสเตียนที่เสียใจสุด ๆ เพราะช่วยลูกสาวไว้ไม่ได้ ติดเหล้าอย่างหนักจนเกือบโดนพักงานบ่อยๆ และมีปัญหากับภรรยาสุดสวยที่ชื่อว่า "ไมร่า" (Myra Castellanos) อยู่บ่อยๆ เพราะไมร่าที่ทำงานเป็นนักสืบเหมือนกับเซบาสเตียน ไม่เชื่อว่าลูกสาวตัวเองตายในกองไฟและพยายามหาเบาะแสบางอย่างอยู่เบื้องหลังจนในที่สุดพอนางได้เงื่อนงำบางอย่างก็หายหน้าไปจากเซบาสเตียนอีกคน โดยทิ้งเบาะแสที่นางไปสืบมาทั้งหมดไว้ให้เซบาสเตียนพร้อมกับจดหมายที่มีเนื้อหาประมาณว่า "อย่ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันตามสืบอยู่เลยมันอันตราย แล้วฉันก็รักคุณมาก" ไรประมาณนี้ ซึ่งตอนเล่นภาค 1 เจ๊นึกว่านางโดนเก็บเพราะไปรู้ความลับอะไรบางอย่างเข้า แต่ถ้าใครเล่นภาคเสริมของภาค 1 จะได้ยินคนที่ชื่อไมร่าปรากฏตัวในองค์กร Mobius อ้าว ก็หักมุมสิคะ!! ทำไมเมียพระเอกไปทำงานในองค์กรที่สร้าง STEM ได้ แน่นอนว่าในภาค 2 มีคำตอบ แต่เจ๊ไม่บอกนะ ใครอยากรู้ไปเล่นเอง คริคริ (อ้าวววววววว)
รูปครอบครัวที่หลงเหลือจากไฟไหม้บ้าน (พระเอกตอนหนุ่มหน้าแอบฮานะเจ๊ว่า แต่พอแก่แล้วทำไมหล่อ 5555+ รูปนี้มาจาก https://thegamefanatics.com/evil-within-2-review-splintered-mind/)
แน่นอนว่าพระเอกของเราเสียทั้งลูก ทั้งเมีย ทั้งบ้าน ไหนจะผ่านความประสาทเสียของ Ruvik มาในภาค 1 ก็ระทมหนักมาก เขาเลยลาออกจากการเป็นนักสืบและพยายามตามหาองค์กร Mobius ที่เป็นต้นเรื่องทั้งหมด แต่พยายามมา 3 ปีก็ไม่ได้เบาะแสอะไรสักอย่างเลยระทมหนักกว่าเดิม จึงเป็นที่มาของจุดเริ่มต้นของภาค 2 นี่แหละ
รูปตอนช่วงแรก ๆ ของเกม พระเอกของเรากำลังอับจนหนทางว่าจะทำอย่างไงต่อดี งานก็ไม่มี ชีิวิตก็บัดซบ โธ่วววววว
ก็มาถึงภาค 2 ค่ะ โดยเปิดเรื่องมาคืออยู่ดี ๆ คิดแมนที่หายตัวไปพร้อมกับ Mobius ก็โผล่มาทักทายพระเอกเฉย
หวังว่าคงจะจำนางได้ คิดแมน (Juli Kidman) ที่ภาค 1 นางแอบแฝงตัวเนียนไปกับเซบาสเตียนกับโจเซฟ ในภาคนี้กลายมาเป็นนางร้ายที่โผล่มาพร้อมกับความมั่นหน้า (แอบสปอยนิดก็ได้ว่าตอนจบมีหักมุมกับตัวละครตัวนี้ แต่หักมุมแบบไหนต้องไปตามหากันเองนะจ๊ะ : P) นางมาพร้อมข่าวอันน่าตกตะลึงค่ะ คือลูกสาวพระเอกยังไม่ตาย! ไม่แค่นั้นลิลี่ยังโดนใช้เป็น Core สำหรับ STEM เครื่องใหม่ด้วย!! (เลวววววววว) สาเหตุที่อยู่ดี ๆ คิดแมนก็โผล่มาเจอพระเอกเพราะลิลี่ขาดการติดต่อไประหว่างที่กำลังเชื่อมต่อกับ STEM ทาง Mobius ก็เลยส่งทีมเข้าไปตามหา แต่ทีมนี่ก็ดันหายไปอีก เลยอยากให้พระเอกที่เป็นผู้รอดชีวิตจาก STEM เครื่องเก่าไปช่วยตามหาลิลี่ และช่วยตามหาทีมที่ติดอยู่ใน STEM ด้วย
แน่นอนพระเอกของเราที่ช็อกมากกับข่าวก็ต้องไปสิ (เป็นเจ๊ก็ไปเหมือนกัน) ซึ่งตอนแรกคิดแมนรวมถึงพระเอกเองก็ไม่คิดหรอกว่าจะไปเจอเหตุการณ์สยองขวัญเหมือนในภาค 1 แต่เสียใจจ้ะ เพราะภาคนี้ก็โหดไม่แพ้ภาค 1 หรอก ซึ่งฝันร้ายในภาคนี้เกิดขึ้นจากอีนี่เลย
ฆาตกรโรคจิตของภาคนี้ ชอบเอามีดกระซวกคนแล้วถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก (น่ากัวววว) เจ๊ขอไม่เปิดเผยชื่อละกันเพื่อความไม่สปอยเกินไป แต่เจ๊ชอบเรียกมันว่าอีผมตก
(ซาดิสม์ตัวพ่อ เจ๊เกลียดอีนี่มาก เพราะชอบทำตัวมั่นหน้าเกินเหตุอยู่ตลอดเวลา รูปนี้มาจาก https://rampaga.ru/11753/polnyj-spisok-trofeev-the-evil-within-2)
สรุปแล้วเนื้อเรื่องหลักโดยรวมของภาคนี้คือตามหาลูก สู้กะมอนสเตอร์ทั้งหลายและสู้กะอีผมตกนี่ เหมือนจะจบเท่านั้นแต่ดันมีตัวละครปริศนาโผล่มาซะงั้น คนแรกคือนี่เลย
มนุดผ้าคลุมโผล่มาอีกละค่าาาาาา ทำไมต้องใส่ผ้าคลุม จะเกี่ยวกับ Ruvik ภาค 1 หรือไม่? อยากรู้คำตอบก็ไปลองเล่นดูละกันนะจ๊ะ ส่วนคนที่สองนี่เลย
บุรุษที่ทำตัวเหมือนบาทหลวง มีความมั่นหน้าไม่ต่างจากอีผมตก พยายามจะสาวบาดแผลในจิตใจของเซบาสเตียนออกมาเป็นระยะ เพื่อให้พระเอกของเราทุกข์หนักกว่าเดิม อย่างกะว่าตอนนี้ชีวิตพระเอกยังระทมหนักไม่พอ (รูปมาจาก https://www.pinterest.com/pin/835417799599505944/)
ทั้งสามคนนี่มีจุดประสงค์เดียวกันคืออยากได้ตัวลิลี่ ลูกสาวของพระเอก เพราะถ้าใครได้พลังของ Core ไปก็จะทำอะไรก็ได้ในโลกของ STEM นี้ พูดง่าย ๆ ก็คือสามคนนี้เป็นบอสใหญ่ที่เราต้องสู้ด้วย เซบาสเตียนของเราก็เลยต้องฝ่าฟันอุปสรรคโหดหิน เพื่อล้างบาดแผลในจิตใจที่ตามหลอกหลอนมาตั้งแต่อดีตและเพื่อจะได้พาลิลี่ออกไปจากอีเครื่องนี้ซะที
2. Gameplay (เจ๊เล่นใน PS4 นะจ๊ะ)
เนื้อเรื่องคร่าวๆ ก็ประมาณที่ว่าไป เจ๊ไม่อยากสปอยมากเดี๋ยวจะเสียอรรถรสสำหรับคนที่อยากเล่น เลยขอมาต่อเรื่อง Gameplay เลยละกัน อันดับแรกก่อนเล่นเกมมันจะมีให้เลือกความยากสามระดับ เหมือนกับภาคที่แล้ว ซึ่งเราไปปรับได้ในภายหลัง แต่ถ้าเราเล่นระดับที่ยากแล้วระหว่างที่เล่นไปปรับให้ง่ายลง มันจะปรับกลับไประดับเดิมไม่ได้นะ บอกไว้ก่อน! (รู้สึกแต่ละระดับจะชื่อ Casual, Survival และ Nightmare นะถ้าจำไม่ผิด) ซึ่งเวลาเล่นเคลียร์แต่ละระดับก็จะมีการปลดล็อก rare item และชุดในตอนจบเหมือนกับเกมแนว Survival ทั่วไปแหละ (เกมนี้มีให้ปลดล็อกสี่ชุดนะ) ใครชอบเล่นแบบเก็บครบทุกระดับก็เชิญตามสะดวกเลยจ้า ซึ่งถ้าเราเล่นจบรอบหนึ่งแล้วสามารถเอา item และ Skill ทั้งหลายไปเล่นอีกรอบได้ใน New Game Plus แต่ก็จะเลือกเล่นได้ในระดับที่ปลดล็อกไปแล้วเท่านั้นนะ เช่น เลือกเล่นระดับง่ายสุดจบไปหนึ่งรอบ อยากเล่นอีกรอบโดยเอา item และ Skill ทั้งหมดไปด้วยจะเลือกได้เฉพาะง่ายสุดเท่านั้น เลือกระดับอื่นไม่ได้ ถ้าจะเลือกระดับอิื่นได้ก็ต้องปลดล็อกให้หมดโดยเริ่มเล่นใหม่นะจ๊ะ
อันดับต่อมา อย่างที่เคยรีวิวไปในภาค 1 ว่าเกมนี้เป็นแนวที่เจ๊เรียกว่า "fight or flight" คือจะบู๊แหลก หรือจะหนีแหลกก็แล้วแต่ถนัดของคนเล่น (แต่บางฉากก็ต้องไฝว์นะ จะหนีตลอดคงจะง่ายเกินไป 5555) ภาคนี้คล้ายภาค 1 คือเราสามารถลอบไปหลังศัตรูแล้วเอามีดแทงได้โดยไม่ต้องเปลืองกระสุน แต่การลอบไปฆ่านี้มันก็ไม่ได้ง่ายเท่าไร ลุ้นตัวโก่งเหมือนกันนะ
ส่วนใหญ่เจ๊จะพยายามเข้าไปลอบฆ่าเพื่อประหยัดกระสุนไว้สู้กับบอส (อย่างที่เคยบอกไปในรีวิวที่แล้วอะนะ) ซึ่งวิธีนี้ดีเพราะบางทีบริเวณนั้นอาจจะมีมอนสเตอร์ตัวอื่นอยู่ด้วยแล้วเราไม่ทันเห็น ถ้าใช้ปืน เสียงปืนอาจจะเรียกมอนสเตอร์มาอีกฝูงใหญ่ แต่ถ้าลอบไปแบบนี้จะเงียบสนิท และทำให้เราค่อย ๆ หลบฉากเลี่ยงการปะทะได้ง่าย ๆ และภาคนี้ก็ยังคงมีพวกกับดักอะไรต่าง ๆ เหมือนกับภาค 1 ซึ่งเป็น gameplay ที่ทำให้เกมนี้สนุก เพราะทำให้บางฉากไม่ยากเกินไป (แต่บางฉากก็ง่ายไปนะ เจ๊ว่า 5555+)
แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างจากภาค 1 คือภาคนี้จะมีความเป็น RPG อยู่เล็กน้อย ในภาค 1 เราจะเล่นวนไปมาอยู่ตามโรงพยาบาลหรือคฤหาสน์ไรงี้ พูดง่าย ๆ คือฉากเป็นแบบพื้นที่ปิด แต่ในภาคนี้จะเราเล่นอยู่ในเมืองที่ชื่อว่า "Union" ที่ทาง Mobius สร้างขึ้นเพราะตั้งใจจะสร้างโลกในอุดมคติอย่างที่ว่าไปตอนต้น ทำให้ภาคนี้ให้อารมณ์แบบ "ลุยด่านสำรวจ Map" อยู่พอควร แต่เพราะเล่นอยู่ในเมืองที่เป็นพื้นที่เปิดกว้างกว่าในภาค 1 นี่แหละเจ๊เลยรู้สึกว่าความสยองขวัญมันลดลง ออกไปทางบู๊มากขึ้น (ก็ไม่แปลกใจเพราะภาคนี้ผู้กำกับคนละคนกับภาค 1 อะนะ) ที่สำคัญคือมันจะมี Side Mission ให้เราเลือกจะเล่นหรือไม่เล่นก็ได้ตามใจ ซึ่งถามว่าถ้าไม่เล่นแล้วมีผลกระทบกับเนื้อเรื่องหลักกับฉากจบไหม เท่าที่เจ๊เล่นมาจนจบ เจ๊ว่าไม่เกี่ยวนะ แต่ถ้าเราเล่น Side Mission ด้วย เราจะรู้เนื้่อเรื่องยิบย่อยมากขึ้น รวมไปถึงปริศนาบางเรื่องที่ภาค 1 ไม่เฉลยด้วย เจ๊เลยแนะนำเพื่อความคุ้ม จงเล่นไปให้หมด
ตัวอย่างรูปของ Union ใน Chapter แรกๆ (รูปเอามาจาก https://www.polygon.com/2017/10/16/16482444/chapter-3-collectibles-files-slides-mysterious-objects)
อีกอย่างหนึ่งที่ต่างจากในภาค 1 คือไอ้เครื่องสื่อสารนี่ที่ใช้ติดต่อกับคิดแมน, ใช้เป็นแผนที่ และใช้เป็นตัวรับคลื่นต่าง ๆ เวลาตามหาอะไรบางอย่าง (ในรูปเงาเด็กที่เราเห็นคือคลื่นที่เป็นเบาะแสเกี่ยวกับลูกสาวของเรา มันหลงเหลืออยู่ตามที่ต่าง ๆ เราต้องวิ่งไปตามเสียงสัญญาณของเครื่องสื่อสารและพอไปถึงก็ต้องจูนสัญญาณให้ตรง แล้วเราจะได้เบาะแสที่ว่ามา รูปมาจาก https://www.tomshw.it/the-evil-within-2-immagini-86295)
ถึงมันจะไม่ค่อยหลอนเท่าภาค 1 แต่มอนสเตอร์ในภาคนี้ก็ใช่ว่าจะน่ากลัวน้อยลงแต่อย่างใด โดยเฉพาะอีตัวนี้เลย
อีผีร้องเพลง (จริงๆ มันชื่อ Anima ซึ่งเจ๊ก็เพิ่งรู้ตอนเขียนรีวิวนี่แหละว่ามันชื่อ Anima
รูปมาจาก https://survivethis.news/the-evil-within-2-review-mehr-mindfuck-als-horror/)
มันน่ากลัวอย่างไง? ถ้าใครเล่น PS4 จะรู้สึกได้เพราะที่จอยของ PS4 มันจะมีลำโพงด้วย (พวก Xbox มันมีเปล่าไม่รู้ เจ๊ไม่ค่อยได้เล่น) แล้วเวลาอีตัวนี้โผล่มา เสียงนางจะมาออกที่จอยค่ะ!! เสียงใกล้ชิดสนิทสนมเหมือนนางมานั่งข้าง ๆ (เจ๊หัวใจจะวายกะอีนี่หลายรอบมาก) แล้วอีตัวนี้เราฆ่าไม่ได้นะ หนีได้อย่างเดียว แล้วนางจะพยายามตามหาเราพร้อมกับร้องเพลงไปด้วย แล้วพอเห็นพระเอกก็จะเรียก "เซบาสเตียนนนนนน" ด้วยน้ำเสียงรักใคร่ (?) ปนสยอง (แม่เหล็กดึงดูดตัวโรคจิตจริง ๆ พระเอกเรา = =") แต่ถ้าใครเล่นเกมนี้ไปแบบลุยๆๆๆๆๆไม่สำรวจจะไม่เจอผีตัวนี้นะบอกไว้ก่อน แล้วก็จะพลาดเนื้อเรื่องเกี่ยวกับผีตัวนี้ไป เพราะฉะนั้นจงสวมวิญญาณ RPG เกมเมอร์ สำรวจวนไปค่ะ
อีกตัวที่สยองไม่แพ้กันคืออีนี่
ชื่อของมันคือ Guardian ที่จะโผล่มาให้กรี๊ดดดดดดตั้งแต่ช่วงต้น ๆ เจ๊คิดว่ามอนสเตอร์ตัวนี้เป็นสิ่งประดิษฐ์ของอีผมตกแน่นอน เพราะอีตานั้นมันชอบทำอะไรจิตๆแบบนี้ขึ้นมาและเรียกว่า "งานศิลปะ" (ศิลปะบ้านเตี่ยแกสิโรคจิตขนาดนี้ = =")
นอกจากมอนสเตอร์สองตัวนี้ก็มีอีกมากมายค่ะที่จะโผล่มาหลอนให้หัวใจจะวายเป็นระยะ ฉะนั้นใครขวัญอ่อนก็ชวนเพื่อนมานั่งดูด้วยหลาย ๆ คนนะ 55555+
นอกจากนี้ gameplay แล้วจุดเซฟในภาคนี้ก็คล้าย ๆ ภาค 1 คือเราจะต้องส่องกระจกเพื่อเข้าไปใน "Room" ของเราที่จะมีให้อัพอาวุธ อัพ Skill และมีห้องที่คล้าย ๆ Mini game ที่พอเราเล่นแล้วก็จะได้ item เพิ่ม แต่ที่สำคัญคือมันจะมีเครื่องฉายสไลด์ที่เราต้องไปตามเก็บแผ่นสไลด์ทั้งหมด 11 แผ่นซึ่งจะมีรูปภาพสำคัญที่เป็นแก่นเรื่องหลักของภาค 1 และ 2 อยู่ (ซึ่งแน่นอนว่าเจ๊เก็บไม่ครบ 555555+ เดี๋ยวถ้าว่างแล้วคงได้เล่นอีกรอบไปไล่เก็บสไลด์พวกนี้)
เครื่องฉายสไลด์ที่ว่า ซึ่งจะมีแมวดำนั่งอยู่ข้าง ๆ ถ้าใครเคยเล่นภาคเสริมของภาค 1 ก็จะรู้กันดีกว่าแมวดำที่ว่าเป็นตัวแทนจากเมมโมรี่ของคิดแมน (ซึ่งเซบาสเตียนไม่รู้ เลยงง ๆว่าแมวนี่มาโผล่ใน Room ของเขาได้ไง) ในภาคนี้นางเป็นคนติดต่อประสานงานกับเราตลอดเรื่อง แมวดำนี่เลยมานั่งอยู่ใน Room ของเราคล้าย ๆ กับจะบอกว่าเราเชื่อมต่อกับคิดแมนอยู่ ทาเทียนายังคงตามมาจนถึงภาคนี้ นอกจากอัพ Skill แล้ว ลองคุยกับนางบ้างไรบ้าง เพราะนางจะมีหน้าที่คล้ายจิตแพทย์และที่ปรึกษาให้พระเอก เราก็จะได้คำแนะนำอะไรจากนางบ้างนิดหน่อย (ตกลงเจ๊ก็ยังไม่รู้ว่านางคือใคร? เกี่ยวข้องกับพระเอกอย่างไง? เพราะภาค 1 เราจะรู้จักนางจาก "ใบประกาศคนหาย" พูดง่ายๆ คือนางเป็นบุคคลหายสาบสูญในโลกความจริง แล้วมาโผล่ในหัวเราได้อย่างไงทั้งสองภาค? หรือจะเป็นจิตใต้สำนึกของเซบาสเตียน? อันนี้เจ๊คิดว่าคนทำเกมคงอยากให้เราตีความกันไปตามอิสระมั้ง) หนึ่งใน Mini game ที่อยู่ใน Room ของเรา เป็นเกมง่าย ๆ ที่ยิงเก็บแต้มไปเรื่อย ๆ แล้วก็จะได้ item ตามแต้มที่เก็บได้
Gameplay ในภาคนี้โดยสรุปจะแตกต่างจากภาค 1 นิดหน่อยคือมี Side Mission ให้เล่น, มีเมืองให้สำรวจ แต่นอกนั้นก็ตามเกมแนวนี้แหละค่ะ ลุยแหลก ฆ่าบอสแล้วเอาชีิวิตให้รอดเพื่อช่วยลูก ซึ่งตอนจบของเรื่องนี้ก็ดราม่าน้ำตานองอยู่ ที่แน่ ๆ เจ๊คิดว่าถ้ามีภาค 3 เนื้อเรื่องคงจะไม่เกี่ยวกับเซบาสเตียนแล้ว เพราะงั้นเราจะได้เสพความหล่อของพระเอก เอ๊ย ความบู๊ของพระเอกคนนี้ในภาคนี้เป็นภาคสุดท้าย T T (ที่พูดแบบนี้ไม่ได้จะบอกหรอกนะว่าพระเอกตายหรือไม่ตายตอนจบ แต่มันหักมุมอะบอกไว้เลย)
ใครเถียงเจ๊คะว่าพระเอกไม่หล่อ ออกจะแซ่บขนาดนี้ : P (คนอะไรยิ่งแก่ยิ่งดูดี วร๊ายยยยย > < รูปมาจาก https://www.vg247.com/2017/09/12/latest-the-evil-within-2-trailer-provides-a-better-glimpse-at-theodore-and-helpful-mobius-agents/) ชุดภาคนี้ก็เท่ใช่ได้นะ แต่เจ๊ชอบแบบภาค 1 มากกว่า (อย่างงว่าทำไมรูปนี้ถือปืนกลับด้าน เขากำลังยื่นปืนให้คนอื่นยะ รูปมาจาก http://streetlevelpundit.ca/the-evil-within-2-has-some-great-easter-eggs/)
3. เพิ่มเติมอื่น ๆ
โดยรวมก็ประมาณนี้แหละ The Evil Within 2 ถ้าถามความเห็นเจ๊โดยส่วนตัวแล้ว เจ๊ชอบภาค 1 มากกว่า เพราะเนื้อเรื่องและความสยองขวัญเข้มข้นกว่าภาคนี้ ภาคนี้จะออกไปแนว "ลุยผี" คล้าย ๆ กับ Resident evil ประมาณภาค 4,5,6 แต่ก็ไม่บู๊เท่า RE นะ ยังมีความหลอนๆ อยู่ อาจจะเป็นเพราะภาคนี้เปลี่ยนผู้กำกับ และที่สำคัญอีกอย่างที่เจ๊เสียใจมากคือภาคนี้เปลี่ยนคนพากย์ตัวละครหลักหมดค่ะ! เสียงเซบาสเตียนเลยออกแนวแบบ "กูหล่อ Bad Boy" พอควร แถมภาคนี้พระเอกพูดมาก ซึ่งทำให้เจ๊เกิดความรำในบางขณะ (หรือภาค 1 โดนวิจารณ์ว่าไม่ค่อยพูดภาคนี้เลยให้พูดมากก็ไม่รู้ = =") แต่โดยรวมแล้วความมันส์ปนสยองขวัญในภาคนี้ก็ทำออกมาได้ดีพอควร เจ๊ให้ 8.5/10 ละกัน ใครสนใจก็ไปสอยมาเล่นได้นะ (เจ๊ไม่ได้ค่าโฆษณาจาก Play Station นะไม่ต้องสงสัย ที่เชียร์เกมนี้เพราะอินหนักเฉยๆ 555+)
ก็จบกันแค่นี้แหละค่ะสำหรับซีรี่ย์ The Evil Within ขอบคุณทุกท่านที่อุตส่าห์เข้ามาอ่านรีวิวบ้าๆ บอๆ ของเจ๊เหมือนเดิมจ้า แล้วแจกันคราวหน้าเนะ ^ ^ จุ๊ฟๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in