เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
On This Day วันนี้ในครั้งนั้น : ญี่ปุ่นด้วยกันBANLUEBOOKS
TETSUGAKU NO MICHI (Philosopher's Path)









  • ทริปเที่ยวญี่ปุ่นคราวนี้ ฉัน พอช กับเพื่อนสาวนามซาลาเปาตกลง ปลงใจกันไปเที่ยวที่จังหวัดเกียวโต ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเราทั้งคู่ยัง ไม่เคยมา และที่เกียวโตมีวัดที่มีเซียมซีแม่นๆ ที่ฉันอยากไป พอดวงความรักตกต่ำจนถึงขีดสุด ใครๆ ก็อยากพึ่งไสยศาสตร์ กันให้สบายใจทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ฉันที่ขึ้นชื่อเรื่องมองโลกในแง่ดี ก็ตาม ก็รุ่นพี่สุดหล่อที่ตามจีบมาหลายปียังไม่มีทีท่าว่าจะตกลง ปลงใจเลยน่ะสิ! เสียใจ!




  • พวกเราเริ่มทริปกันที่สถานที่ท่องเที่ยวหน้าซากุระชื่อดัง เท็ตสึกะ คุโนะมิจิ หรือแปลไทยได้ว่า ‘เส้นทางนักปราชญ์’ เป็นชื่อที่ฟัง แล้วรู้สึกว่าถ้าได้ไปเดินเล่นที่นี่คงจะฉลาดขึ้น ทำข้อสอบครั้งหน้า ได้เต็มร้อย แต่พอเอาเข้าจริง ต่อให้ที่นี่ส่งผลตามชื่ออันไพเราะ ของมันจริง ก็คงไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่อยู่ดี เพราะความฉลาดคง ต้องแบ่งเฉลี่ยให้กับนักท่องเที่ยวนับพันที่มารวมตัวกันที่นี่ 


    พวกเรานั่งรถไฟใต้ดินจากสถานีเกียวโตมาลงสถานีเคอาเกะแล้ว เดินต่ออีกประมาณ 15 นาทีจนถึงที่หมาย แล้วก็มารู้ทีหลังเมื่อ เห็นป้ายรถเมล์ ว่าสามารถนั่งรถเมล์มาลงใกล้ๆ ได้ 


    แต่เชื่อเถอะ ว่าต่อให้รู้ก่อน พวกเราก็ยังคงไม่นั่งรถเมล์อยู่ดี เพราะมันดูขึ้นยากยังไงก็ไม่รู้... โอเค ฉันรู้ว่ามันก็แค่ดึงตั๋วกระดาษ ตอนขึ้นรถ เทียบเลขของตั๋วตัวเองกับเลขบนป้ายดิจิตอลด้านหน้า สุดของรถเมล์ ที่จะมีราคาบอกว่าตั๋วของเราต้องจ่ายค่าโดยสาร เท่าไหร่ แล้วตอนลงก็จ่ายเงินให้ครบตามนั้นแค่นั้นเอง แถมบาง สายก็ราคาเดียวตลอดสาย ง่ายต่อการคำนวณเงิน แต่มันไม่ง่าย ตรงที่พวกเราไม่มั่นใจว่าจะกดออดให้รถเมล์หยุดตรงสถานีที่อยาก ลงได้... ภาษาญี่ปุ่นก็งูๆ ปลาๆ แถมถ้าไม่มีเหรียญก็ต้องฝ่าคนเดิน ไปแลกเหรียญด้านหน้าอีก   


    สรุปว่าเดินเถอะ อากาศกำลังดี 


    ‘เส้นทางนักปราชญ์’ เป็นทางเดินเลียบลำคลอง ยาวประมาณกิโล ครึ่ง สองข้างทางมีต้นซากุระเรียงตัวสวยประมาณ 450 ต้น ใช่ค่ะ ดิฉันเสิร์ชข้อมูลมาค่ะ... แถมด้วยร้านค้าหน้าตาน่ารักแต่ราคาแพ้ง แพงอีกมากมาย ทั้งเครื่องประดับทำมือ ผ้าพันคอสวยๆ หน้าตา คล้ายแบบที่หาซื้อได้ที่เชียงใหม่ ไม้แกะสลัก ร้านอาหารเล็ก ๆ อีก นิด ร้านกาแฟอีกหน่อย ร้านขนมอีกน้อย หลายๆ ร้านถ่ายรูปหน้า ร้านแล้วได้บรรยากาศท่องเที่ยวมาก แต่ด้านในคนเพียบเพราะ จำนวนร้านไม่พอกับจำนวนนักท่องเที่ยว








  • ตรงทางเข้าคนเยอะมาก ความจริง ตั้งแต่ที่ฉันเจอจำนวนคนตอนต่อแถวตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินคันไซและยืนรอเป็นชั่วโมงแล้ว ฉันก็ไม่ตกใจกับจำนวนคนที่ไหนอีก...นี่แหละญี่ปุ่น บางทีถ้าคนน้อย อาจจะรู้สึกเหมือนมาไม่ถึงญี่ปุ่นก็ได้นะ


    จุดเด่นของทางเดินสายนี้ที่ฉันกับซาลาเปาเดินเข้าไปแล้วถึงกับ ร้องว้าว! คือลำคลอง ใช่แล้ว ลำคลอง! พอซากุระร่วงเยอะๆ มันก็ ถมเต็มคลองทำให้เหมือนเป็นลำนำสีชมพูอ่อนทั้งแถบ โรแมนติก เหมือนอยู่ในหมู่บ้านที่หลุดออกมาจากเกมแฟนตาซีหรือฉากใน ซีรีส์เกาหลีเลยล่ะ


    เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ ฉันกับซาลาเปาจึงพากันไปซื้อมิตาราชิ ดังโงะ หรือเจ้าก้อนแป้งกลมๆ เสียบไม้ราดซอสซีอิ๊วหวาน ของ หวานที่เห็นบ่อยยิ่งกว่าบ่อยในการ์ตูนญี่ปุ่น พอได้ลองกินแล้วก็ พบว่า พวกเราไม่ควรซื้อคนละไม้... แค่ไม้เดียวเอามาแบ่งกันก็ อิ่มเกินพอ ยิ่งถ้าแป้งถูกปิ้งทิ้งไว้นานจะมีทั้งความเหนียวและเย็น เคี้ยวกันจนเมื่อยกราม กินหมดหนึ่งไม้นี่ก็อิ่มแบบไม่ต้องพึ่งข้าว กลางวัน ถ้าเจอร้านที่ปิ้งใหม่ๆ ร้อนๆ น่าจะอร่อยกว่านี้


    แถวนั้นมีวัดนันเซ็นจิและวัดกินคาคุจิที่สามารถเดินไปได้ แต่ เนื่องจากจำนวนคนแออัด พวกเราเลยไปไม่ครบ อยู่แค่บริเวณนั้น แล้วเน้นถ่ายรูปซากุระเอา นอกจากนั้นแล้วพวกเราก็ยังเจอราง รถไฟเก่าที่สามารถลงไปเดินเล่นได้ด้วย


    ป.ล. ไม่เจอห้องน้ำ 
    ป.ล. 2 ซากุระย้อยสวยกว่าซากุระปรกติสิบเท่า





เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in