เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกของฉันlove_router
ผู้หญิงที่แข็งแกร่งในโลกของฉัน
  • ไม่ค่อยมีรูปแม่ แม่ไม่ค่อยชอบถ่ายรูป ไม่มีรูปคู่กับแม่ เพราะไม่ได้อยู่กับแม่ในช่วงวัยที่จะนัวเนียกัน มีเวลาอยู่กับแม่จริงๆ คือโตมากแล้ว แม่มาเจอเราในช่วงดื้อด้าน เถียง และใช้ชีวิตผิดพลาด ทำให้แม่เครียด ร้องไห้ ผิดหวัง และไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่แม่ต้องการ

    จนมาถึงวันที่แม่ป่วย จากคนที่แข็งแรง พอป่วยใหญ่แค่นั้นก็ทรุดฮวบเลย ก่อนหน้าจะป่วย จำได้ว่าแม่ชอบนั่งที่ตั่งไม้หน้าบ้าน มองที่ริมถนน ซึ่งเป็นทางทิศที่ตะวันจะตก แม่มองตะวันตกดินด้วยใบหน้าเศร้าๆ มันยังคงชัดในหัว ทำแบบนั้นทุกเย็น เหมือนแม่รู้ตัวว่าป่วย เราก็ยืนมองแม่ทุกเย็น แต่ไม่เคยรู้ว่าเวลามันเหลือน้อยลงแล้ว

    เพราะช่วงนั้นเป็นลูกที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตการงาน หรือเรียกง่ายๆว่า ว่างงาน หน้าที่ประกบติดยามแม่ป่วยก็ตกมาที่เรา แม้เวลาที่มีน้อยลงทุกวินาทีแต่เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน ทั้งบ้าน โรงพยาบาล รถ คือสถานที่สร้างความทรงจำต่างๆ ที่มีกับแม่

    เราขับรถออกจากบ้านต่างจังหวัดตอนตีสี่เพื่อพาแม่ไปศิริราช อยู่ถึงค่ำจึงขับกลับ นั่งรอเป็นวัน ซึ่งสมัยนั้นพยาบาลยังไม่พัฒนาการใส่ใจเท่าไร่ โคตรดุ ที่นั่งรอก็น้อย บางวันแม่ปวดหลังจนต้องนอนกับพื้นหญ้าบ้าง พื้นโรงพยาบาล เพราะเขาห้ามนอนยาวตรงเก้าอี้ แต่แม่ป่วยยังทนได้ เราก็ต้องทนได้ ไปแบบนี้สลับแทบวันเว้นวัน เคยเกือบพาแม่ลงข้างทางเพราะหลับใน แต่แม่คงนึกว่ากูไม่อยากตายแบบนี้ ขอตายบนเตียงนุ่มๆ ดีกว่า เราจึงผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้แบบหวุดหวิด ไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลย กลัวถูกด่า 5555

    ถึงวันที่อาการของแม่ทรุดลง แม่เริ่มงอแงเป็นเด็ก ร้องเรียกหาเราทั้งคืน เขาคงเจ็บ คงทรมาน คงกลัว ตอนนั้นคนเฝ้าอย่างเรานอนนับชั่วโมงได้ ง่วงใจจะขาด นอนใน รพ มันไม่สบาย แต่กลับไปนอนบ้านก็ไม่ได้ แม่ไม่เอาใครเลย พอกลับก็ให้คนโทรมาตาม

    ขนาดเข้าห้องอัลตร้าซาวนด์ก็ร้องจะเอาเราเข้าไปด้วย แต่เราบอกแม่ว่าไม่ได้ เดี๋ยวหมอนึกว่าหนูท้อง อัลตร้าผิดคน หมอขำ แม่ก็ขำ แต่ก็ขำทั้งน้ำตา แม่กลัว ที่แท้แม่เป็นพยาบาลที่กลัวโรงพยาบาลจับใจ

    ขั้นตอนการรักษาต่างๆ มันก็น่าให้แม่กลัว เข็มฉีดยาอันใหญ่เท่าข้อมือถูกจิ้มลงบนท้องของแม่ เพื่อดูดเอาน้ำในท้องออก แม่ร้องไห้ เราได้แต่บีบมือ ความทุกข์ทรมานต่างๆ ทำให้แม่บ่นว่าอยากกลับบ้าน ไปตายที่บ้าน เราได้แต่บอกว่าแม่ไม่ตายหรอก ปลอบทั้งที่ในใจเราก็กลัว แต่ต้องทำว่าเข้มแข็ง

    ยังมีภาพแม่ล้มไปชักที่พื้นเพราะดื้อ ไม่อยากนั่งกระโถน ไม่อยากให้เราเช็ดก้นให้ จะให้เราพาไปห้องน้ำแทน แต่พอลุกก็ล้มทันที เราเองก็ล้มไปกับแม่ ได้แต่ตะโกนร้องเรียกพยาบาล แม่โดนคุณหมอดุเลยที่ดื้อ เราก็โดนดุที่ตามใจ อีกมายมายที่เราผจญไปด้วยกัน ตอนนั้นเหนื่อยมาก เหนื่อยแต่เต็มใจ

    จนถึงวาระเกือบสุดท้าย แม่เรียกเรา เสียงเบาเหมือนว่าถ้าออกเสียงแล้วมันเหนื่อย แต่ขอบคุณแม่ที่อุตส่าห์เปล่งเสียงออกมาให้ลูกคนนี้ไม่ต้องรู้สึกหดหู่ใจไปจนตลอดชีวิต

    “แม่เคยคิดว่าเลิฟคือลูกที่น่าเป็นห่วงที่สุด แก่ตัวจะทำยังไง ลูกผัวก็ไม่มี จะไม่มีใครดูแล แต่แม่ไม่เคยคิดเลยว่าลูกที่แม่คิดว่าไม่เอาไหนที่สุดจะมาเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้โดยไม่รังเกียจ ดูแลแม่ดีแบบนี้ แม่ภูมิใจในตัวเลิฟ ขอบใจนะ”

    โห ปลดล็อกในชีวิตที่คิดว่าแม่ไม่รัก เอาแต่บ่นว่า แล้วทำไมแม่เอาเรามาทิ้งกับยาย ทำไมไม่เคยมีพ่อมีแม่มารับในวัยเรียนอย่างคนอื่นบ้าง เห็นคนอื่นมีพ่อมีแม่ให้อ้อน ขอนั่นนี่ได้ ทำไมเราไม่มีวะ เคยขอไปนอนกับน้า ลูกสาวน้าไล่เราเพราะหวงแม่เขา เราต้องหอบหมอนมายืนร้องไห้คนเดียว ทำไมเราไม่มีแม่มาปกป้องเรา แต่แค่ประโยคเดียวของแม่มันปลดล็อกทุกอย่าง วันนั้นร้องไห้กันทั้งแม่ทั้งลูก


    ขอโทษแม่นะที่เป็นลูกที่ไม่ได้เรื่อง ก่อนแม่ตายหนูไม่ได้อธิษฐานว่าขอให้เราเกิดมาเจอกันอีก อย่าเจอหนูเลย สงสารแม่ แต่วาระสุดท้ายของแม่ หนูทำเต็มที่ด้วยความเต็มใจจริงๆ ถึงมันไม่เท่ากับที่แม่ทำให้หนู แต่อย่างน้อยแม่ก็คงเห็นความตั้งใจของหนูเนอะ

    ตอนนี้หนูได้ทำงานในฝันที่รัก ถึงหนูจะไม่ได้ประสบความสำเร็จมีเงินถุงเงินถัง หนูยังต้องพยายามอีกมาก งานเขียนคืองานที่หนูรัก และหนูมีความสุขมากๆๆๆ แม่ร่วมดีใจกับหนูนะ ป่านนี้แม่ก็คงมีความสุขเนอะ ถ้าไม่สุขคงกลับมาแล้ว ?

    แล้วเจอกันในสักวัน

    ป.ล. มีอีกเรื่องที่แม่ควรภูมิใจ หนูเป็นคนสะอาดขึ้นมากและทำกับข้าวได้เพราะคำบ่นคำสอนขั้นแอดวานซ์ของแม่แท้ๆ ?? 

    ? @แม่จ๋า ?สวรรค์ชั้นเจ็ด

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in