เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
intothewildigoamclkk
ตะลุยเวียดนามใต้: ถึงทะเลทรายแล้ว!
  • Day 2: มุยเน่

    แพคเกจHalf day tripในมุยเน่ที่คนนิยมไปกันจะมี 2 เวลาให้เลือกคือ ตี 4 ครึ่ง และ บ่าย 2 ครึ่ง แน่นอนว่าคนขี้เกียจอย่างเราไม่สามารถแหกขี้ตาตื่นตอนตี4ไหว ดังนั้นจึงเลือกไปช่วงบ่าย 2 ครึ่งแทน ในแพคเกจนี้จะไปด้วยกัน4ที่ คือ Fisherman's Village, Fairy Stream, Red sand dunes และ White sand dunes 



    เนื่องจากทัวร์เริ่มตอนบ่าย 2 ครึ่ง ทำให้เรามีเวลาว่างช่วงเช้าไปเดินเที่ยวริมทะเล จากที่พักแค่ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามก็ถึงทะเลเลย ทะเลที่นี่มีพื้นที่ชายหาดน้อย เนื่องจากคลื่นซัดขึ้นมาค่อนข้างสูงทำให้บริเวณชายหาดมีที่กั้นคลื่นวางอยู่ตลอดแนว อีกทั้งที่นี่ลมค่อนข้างแรง ทำให้คนนิยมมาเล่นKite surf กันเป็นจำนวนมาก  พวกเราก็เลยนั่งชิลๆริมทะเลมองเขาเล่นกัน ทะเลที่นี่น้ำสีฟ้าสวยมาก+ลมแรงตลอดเวลาทำให้นั่งเล่นได้เพลินๆ


    หลังจากนั่งเล่นจนจุใจก็มาหาข้าวเที่ยงกินกัน แถวนั้นมีร้านอาหารเปิดไม่มากนัก พวกเราเลยเลือกสุ่มๆมาร้านหนึ่งเป็นเหมือนร้านอาหารตามสั่ง ฉันสั่งข้าวผัดทะเลไป พอข้าวมาถึงปุ๊ปข้าวผัดเป็นสีขาวเหมือนลืมปรุง55555 พอกินเข้าไปก็จืดจริงๆจืดมาก แต่ดีที่ร้านมีซอสคล้ายๆแมกกี้วางไว้ให้ สรุปคือไม่อร่อยเลย5555 ทั้งที่อุตส่าห์สั่งข้าวผัดเพราะอยากplay safe ฉันเลยไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะคนเวียดนามกินรสไม่จัดกันอยู่แล้วรึเปล่าข้าวผัดเลยรสแบบนี้ 



    พอกินเสร็จก็มาขึ้นรถjeepตามที่จองทัวร์ไว้ เนื่องจากพวกเรามากัน 4 คน เลยจองทัวร์แบบprivateกัน ข้อเสียคือคนขับรถพูดอังกฤษแทบไม่ได้เลย บางทีเลยสื่อสารกันค่อนข้างลำบาก เขาพาเราไปFairy streamเป็นที่แรก น่าจะเพราะอยู่ใกล้สุด พอไปถึงก็ต้องเสียค่าเข้า ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 15,000 ดอง ทีนี้ก็เดินลงบันไดจนไปถึงทางน้ำ ตรงปลายบันไดเราจะเจอที่ฝากรองเท้า ถ้าฝากจะต้องเสียเงิน ดังนั้นจึงแนะนำให้ถือไปก็ได้ ระหว่างทางเดินเข้าไปจะเป็นเหมือนแม่น้ำตื้นๆ ทั้งสองข้างทางจะมีร้านขายเครื่องดื่มและขนมประปราย นอกจากนี้ยังมีบริการให้ขี่นกกระจอกเทศอีกด้วย พอเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆทั้งสองฝั่งจากที่เป็นป่าก็จะเริ่มเป็นหน้าผาหินทราย(?)สีขาว ตอนไปที่นี่แนะนำให้ใส่แว่นกันแดดไปด้วย เพราะว่าลมพัดทรายเข้าตาเต็มๆ แสบตามาก พอเดินไปเรื่อยๆทางฝั่งขวาก็จะเป็นหน้าผาหินทรายสีขาว รูปร่างเหมือนพวกหินงอกหินย้อยแปลกตาดูสวยดี พวกเราไม่ได้เดินเข้าไปจนสุดเพราะกลัวเวลาไม่พอไปที่อื่นๆ หลังจากเข้าไปไม่นานก็เดินย้อนกลับมาขึ้นรถ


    พอมาถึงที่จอดรถก็เจอคนขับกำลังเม้าท์มอยกับแก๊งรถjeepอยู่ พอเขาเห็นเราก็แอบเม้าท์กับเพื่อนต่ออีกแปปหนึ่งแล้วค่อยพาพวกเราไปที่รถ ปรากฏว่ารถที่เขาพาไปขึ้นไม่ใช่คันเดิมซะงั้น พวกเราก็งงๆเล็กน้อยว่าแลกกันอย่างงี้ก็ได้หรอพี่ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรคิดว่าคงแลกเพราะรถที่เรานั่งมามีที่นั่ง 6 ที่ เลยให้ทัวร์อื่นไป แล้วเราเปลี่ยนมาเป็นรถ 4 ที่แทน ก็ขึ้นรถตามปกติ แต่เวรกรรมอะไรไม่รู้รถดันสตาร์ทไม่ติด ก็ต้องเรียกคนมาซ่อมอยู่พักหนึ่งเสียเวลาไปประมาณ 10-15 นาทีได้ หลังจากนั้นพวกเราก็ไปต่อกันที่ Fisherman's village คนขับบอกเราว่าให้เวลาแค่ 5 นาทีนะ พวกเราก็แค่ยืนถ่ายรูปอยู่ข้างบนแล้วกลับ เคยอ่านรีวิวมาว่าที่นี่กลิ่นเหม็น แต่ตอนพวกเราไปก็ไม่เห็นได้กลิ่นคาวอะไร ที่นี่จะแปลกตรงที่เรือประมงมีลักษณะเหมือนกะละมังกลมๆ ลอยกันอยู่เต็มไปหมด


    ที่ต่อมาคือ White sand dunes ใช้เวลาขับรถค่อนข้างนานกว่าสองที่แรก น่าจะประมาณ 30 นาทีได้ พอมาถึงพี่คนขับก็พาเราไปซื้อแพคเกจรถATV+รถjeepขึ้นไปบนเนินทราย ราคาต่อคนแสนเจ็บปวดอยู่ที่คนละ 300,000 ดอง หรือ ประมาณ 450 บาท ฉันเลยพยายามต่อราคาดู เพราะเคยอ่านกระทู้ว่ามีคนต่อสำเร็จมาแล้ว ต่อไปต่อมาพี่เขาก็ยอม แต่ว่าจะไม่ขับไปริมทะเลสาบให้ ด้วยความเสียดายว่าไหนๆก็มาแล้วเลยยอมจ่ายราคาเต็มไป 


    อันดับแรกเขาให้เราไปATVก่อนเพื่อที่จะพาขึ้นไปบนยอดเนินทราย ยอมรับเลยว่าถ้าเดินขึ้นมาเองคงไม่ไหวแน่ๆเพราะสูงมากและเดินบนทรายต้องใช้แรงค่อนข้างเยอะ อยากบอกว่าตอนนั่งATVสนุกมากก เนื่องจากพื้นเป็นทราย คนขับเลยขับโยกเหวี่ยงไปมา มันส์ๆไปเลยจ้า ส่วนบนยอดเนินทรายนั้นลมแรงมาก ฉันแทบจะลืมตาไม่ขึ้นเพราะผมตีหน้าตลอดเวลา55555 เมื่อมองลงไปรอบๆ ทะเลทรายขาวกว้าง และสวยมากกก คือประทับใจที่นี่มาก สวยจริงๆ รู้สึกคุ้มค่าแล้วที่มา อาจเป็นเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้มาทะเลทรายด้วยเลยตื่นเต้นมาก แต่รับประกันเลยว่าไม่ผิดหวังจริงๆ ผ่านไปสักพักจะมีรถjeepมารับเราพาไปริมทะเลสาบต่อ ตรงนี้ก็สวยเหมือนกัน แต่ลมไม่แรงมากแล้ว ทำให้ถ่ายรูปได้ง่ายขึ้น เสียดายที่เราอยู่ได้ไม่นานเขาก็เรียกเรากลับไป พอลงมาถึงข้างล่างพี่คนขับรถก็ซื้อน้ำเลี้ยงพวกเรา คงอยากจะชดเชยเรื่องที่รถเสีย ทำให้รู้สึกว่าพี่เขาใจดีจริงๆ


    หลังจากนั้นก็มาถึงที่สุดท้ายคือ Red sand dunes ตอนที่พระอาทิตย์กำลังตกดินพอดี พวกเราก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปดู ด้วยว่ากลัวจะไม่ทันเพราะตอนที่มาถึงพระอาทิตย์ก็เริ่มตกไปบ้างแล้ว ทำให้ฉันได้รู้ว่าการเดินบนทะเลทรายมันเหนื่อยมากก พอเดินไปได้สักพักคิดว่าคงไปไม่ถึงริมสุดแน่ เลยหาที่ยืนดูกัน ถึงแม้จะไม่เห็นพระอาทิตย์เต็มๆ แต่ท้องฟ้าบวกกับวิวทะเลทรายก็สวยมากก ทำให้ฉันประทับใจมาก จากที่เห็นทะเลทรายแดงขนาดเล็กกว่าทะเลทรายขาวมาก ตัวทะเลทรายอาจจะสวยน้อยกว่าทรายขาว แต่ก็ยังสวยอยู่ดีในความคิดของฉัน เรายืนดูพระอาทิตย์ตกจนลับขอบฟ้าไป หลังจากนั้นท้องฟ้าก็มืดทันที พวกเราเลยเดินกลับไปที่รถเพื่อกลับที่พักกัน



    เมื่อมาถึงที่พัก พวกเราก็ไปกินอาหารทะเลกันที่ร้านตรงข้ามกับที่พักเลย เพราะขี้เกียจไปเดินหาแล้ว น้ำจิ้มซีฟู้ดที่นี่แปลกมาก โดยจะมีเกลือพริกไทยใส่ถ้วยมาให้เราบีบมะนาวลงไป ฉันได้ลองชิมแล้วก็คิดว่าพอใช้ได้อยู่ ถ้าใส่เกลือไม่เยอะมาก แต่ก็สู้น้ำจิ้มซีฟู้ดบ้านเราไม่ได้จริงๆ อาหารทะเลที่เวียดนามราคาถูกมาก พวกเราสั่งพวกกุ้ง หอยเชลล์ ต้มยำปลา และผัดผัก ตกคนละร้อยบาทนิดๆ แต่รสชาติอาหารไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ แค่พอกินได้ เรื่องตลกอีกอย่างคือต้มยำปลาในเมนูเขียนว่า Sour and sweet fish soup เราก็นึกว่าคงต้มยำรสชาติเปรี้ยวๆหวานๆ แต่ที่ไหนได้มันคือผัดเปรี้ยวหวานเวอร์ชั่นเติมน้ำเยอะๆชัดๆ คือรสชาติมันแปลกมากจริงๆ ก็ตลกกันไปเพราไม่นึกจะได้รสชาติเปรี้ยวหวานจริงๆแบบนี้ สำหรับรูปอาหารลืมถ่าย เพราะหิว55555

    โปรดติดตามตอนต่อไปจ้า 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in