เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
MOVIE DIARYParnyuhoo
ALADDIN = my ADDICTION
  • รีวิวอะลาดินจากการดู 2 รอบ และดีเลย์ไป 2 อาทิตย์ เริ่ม! (ล่าสุด 4 รอบแล้ว มีมาเพิ่มเติมเล็กน้อยค่ะ)
    รอบแรก พี่สาวพาไปดูวันที่ 25 May 2019 Imax รอบ 3 ทุ่ม 50 ที่ Quatier Cineart โอ้โห แม้จะผ่านอาทิตย์ที่หนักหน่วงจนเหนื่อยเพียงใด คือตาสว่างเลย


    - ไม่รู้ว่าด้วยความ 4DX 1st time ด้วยหรือเปล่า แต่แบบตื่นตาตื่นใจมาก ภาพสวยมากกก ฉาก ชุด Make-up รายละเอียดเล็กน้อย เหมือนหลุดเข้าไปในนั้นจริงๆ


    - เพลง รู้สึกว่าใส่เพลงได้ Smooth มาก ไม่ได้รู้สึกแปร่ง อาจจะด้วยดนตรีโคตรดี ชัดๆคือ Intro One Jump ยังติดหูถึงตอนนี้ เปิดฉากเปิดตัวที่เท่ สนุกมาก ลองดูคลิปที่เค้าเทียบกับการ์ตูนคือจะมี Part ดนตรีเพิ่มมา รองรับฉาก Action วิ่งหนีของอะลาดิน ซึ่งมันโคตรรสนุกมาก ดูกี่รอบฟังกี่รอบก็มันส์อ่ะ เว่อมาก 555 แล้วคนทำดนตรีคือคุณ Alan ใช่มะ ติ่ง Disney มาตลอดชีวิต เพิ่งรู้จักคุณ Alan Menken ผู้อยู่เบื้องหลังเพลง Disney สุดประทับใจของเรา ทั้ง Beauty and the Beast, Little Mermaid, Pocahontas, Hercules, และสำหรับ Aladdin ไปอ่านมา เค้าทำมาครั้งที่3แล้ว (Original, Broadway Musical, Live Action) ซึ่งเค้าสามารถดีไซน์ สร้างความแปลกใหม่และงดงามได้เสมอ ซึ่งรอบนี้สัมผัสได้ถึงความสมัยใหม่และฮิปฮอปเข้ามา และความดนตรีอาหรับพื้นเมืองก็ชัดและสนุกมาก โคตรอินโคตรติดเลย ฟัง soundtrack วนไปมาก จนทำ Playlist เรียง Re-Order ใหม่ตามในหนังด้วย อัลบั้มจริงจะเรียงเพลงที่มี Lyrics ก่อนแล้วตามด้วย Instrumental น่าจะค่อนข้างถูกนะ หลังดูไปหลายรอบ 55 

    https://open.spotify.com/playlist/1HbQHQfzgr9Uat3GEoKHIg


    - ส่วนเพลงใหม่จะขอพูดรวมกับเรื่องการตีความใหม่หลายๆอย่าง ซึ่งชอบมาก สปอยล้าวว แทบจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น Aladdin & Jasmine เด่นมาก Woman Power มากก ชอบการตีความใหม่นี้ จัสมินเป็นสุลต่านอ่ะแกร การเป็นผญ ที่ไม่อยู่ในขนบ มีความสามารถ และมีปากมีเสียงได้ Speechless คือดีคือปัง น่าจะมาพอๆกะ Let It Go เลย ติดหูมาก (สารภาพนิดตอนดูรอบแรกแอบคิดว่านานไปหน่อย เอฟเฟคหายตัวคือแอบแปลกๆ แต่ดูรอบ2คืออินกว่าเดิม 55) ช็อตหันมาพูดกะฮาคีมคือ ธรรมดาแต่ทรงพลังมาก ชอบตรงนี้ด้วยคือ


    - การตีความใหม่ (ต่อ) ทุกอย่างดูมีเหตุผลขึ้น ตัวละครกลมมาก ชัดๆคือ จาฟาร์ ไม่ได้ร้ายแบบน่ากลัวไร้เหตุผล ก็แค่ ไม่อาจเป็นที่2 (จะกล่าวต่อในแก่นเรื่องพาร์ทต่อไป) ละฉากฮาคีม ที่กล่าวไปในพาร์ทที่แล้ว (จะย้อนไปมาทำไม 555) คือมันมีเหตุผลอ่ะ ไม่ใช่แบบ อ่าวเปลี่ยนสุลต่านก็เปลี่ยนเลย มันมีความเป็น "คน" อ่ะ ที่จัสมินปลุกสำนึกบุญคุณของปาป๊าในตัวฮาคีมได้ การตีความใหม่คือจีนี่-ดาเลีย ซึ่งเก็บตกความสัมพันธ์คู่นี้ตอนดูรอบ 2 ต้องลองสังเกต คือมันน่ารัก ตอนจาฟาร์ขอพรทำไมตอนแรกแอบคิดว่าสั้นๆ คุ้นว่าการ์ตูนจะมีซีนเป็นงูยักษ์น่ากลัวๆงี้ นี่ก็แบบกำลังดี จบง่ายๆแบบ Fairy Tale แบบนี้แหละ แต่ทำไมรู้สึกพาร์ทนี้มันสั้น หรือเพิ่งผ่านช่วง Carpet Chase ที่โคตรมันส์ (สมเป็นผกก. Guy มั้ย 55) เลยแบบ อ้ะ กำลังมันส์


    - แก่นเรื่อง(มั้ย?) ประโยคหนึ่งที่ติดใจและจำขึ้นใจมาตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเลยคือที่จัสมินบอกอะลาดินตอนแรกเลยว่า ท่านรู้สึก Trap ใช่มั้ย ไม่สามารถหลุดออกมาจากสิ่งที่เรา Born into ได้ คิดว่า เฮ้ย นี่แหละ สิ่งที่ทุกคนเผชิญ จัสมิน Trap กายภาพ คือติดอยู่ในวัง ไม่ได้ออกมาเจอโลกภายนอก จนต้องศึกษาทุกอย่างผ่านตำราหรือแผนที่ (อาบับวาอยู่ไหนนน) ส่วนภายในก็ติดกับ ความเป็นหญิงที่ต้อง Silence ไม่อาจเป็นผู้นำได้ อะลาดิน Trap ในความเป็น Riff Raff, Street Rat (I don't buy that~) จีนี่ติดอยู่ในทองเหลือง เอ้ยตะเกียง และความต้องทำตามคำสั่ง(พร)ของนาย ไม่เป็นอิสระ จาฟาร์ติดกับการเป็นรอง เป็นที่ 2 (วลีต้องห้ามของเขาเลย) ฉากแรกๆที่ลูกน้องพูดว่า ท่านไม่ได้เกิดมา Royal นี่ ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว และจาฟาร์ตอบว่านี่ต้องสู้ผ่านอะไรมา เพื่อมาโดนกดอีก(จากปาป๊า) ประมาณนั้น


    - แก่นเรื่อง ที่แท้ทรู อันนี้ ขอก้อปจาก Podcast ที่สัมภาษณ์ Mena Massoud (ผู้รับบทอะลาดิน และ My Crush เอง แอร๊ย จะกล่าวในพาร์ทต่อไป ><) ก็คือต้องการสื่อถึง การตามหา Personal Identity ของตัวเอง และค้นพบว่าเราอ่ะ Good Enough และไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ได้รับการยอมรับ คุณค่าที่แท้จริงอยู่ภายใน / การแสดงออก เชื่อมั่น กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง และ Woman Power / ความไม่พอของมนุษย์ ดังคำกล่าวของจีนี่ที่ว่า The More You Have, The More You Want จริงๆ สุดท้ายเจ้าหนูของเราเกือบเปลี่ยนใจพรข้อสุดท้าย แง และก็เรื่องมิตรภาพ ความเป็นเพื่อนอ่ะ จีนี่ยอมแหกกฎและช่วยสุดฤทธิ์จริงๆ และสุดท้ายเพื่อนก็ช่วยให้เพื่อนเป็นอิสระ


    - เก็บตก ชอบมุกตลกก ดีเทลเล็กน้อยซึ่งนึกไม่ออกและกล่าวไม่หมด เช่น น้องพรม-น้องอาบู, ซีน Harvest Dance, การจีบกันของจีนี่ดาเลีย และฉาก Jam Scene ในตำนานที่มารู้ภายหลังว่าคือการ Improvise เจ๋ง ก็ว่า Awkward และตลกมาก 555

    เพิ่มเติมหลังจากไปดูรอบที่ 3-4 ชอบความ Parallel หลายจุดในหนัง ที่แอบสังเกตและชอบคือ Trust me, Have to take a risk (and jump into carpet) ที่อาลีกระโดดลงไปก่อน A whole. กับจัสมินกระโดดหนีการแต่งกับจาฟาร์ลงไป (แอบขโมยตะเกียงด้วย สิ่งที่เรียนรู้จากอะลาดินล่ะ! 55), ซีนจับผม ตอนแอบมาหาที่วัง และหลัง A Whole. แหม ใครจะจำไม่ได้ล่ะ หืมม 


    - สิ่งสำคัญที่สุด Ready นะ กรี๊ดดดดด Mena Massoud, our Aladdin we deserved!!! มีนาหล่อมากกก จบ /ยัง! อ่ะก็คือก่อนดูคืออ่านรีวิวนึงบอกว่า ดูตัวอย่างแล้วเฉยๆมากทั้งมีนาและนาโอมิ แต่พอดูแล้วโอ้โห สเน่ห์เต็มจอ Imax มาก แบบ ยิ่งดูยิ่งรักอ่ะทั้งคู่ มีนามีสเน่ห์มาก พ่อเพชรในตมของหนู ตอนนี้หลงมาก คาดว่าถ้าจะให้ครบต้องทำรีวิวมีนาอีกรอบ (หลังจากไปติดตามเจ้าตัวมาจาก Follower 300K ตอนนี้ล้านแล้ว คงเป็น Life Changing ของเค้าจริงๆ ตื่นเต้นกับการมี Figure ของตัวเองจนบังเกิดการจับน้องตุ๊กตา ชื่อ PrinceSmali มาเล่นจนชั้นอยากมีเป็นของตัวเองบ้าง! ตุ๊กตาหรอ เปล่า มีนาอ่ะ 55) อ่ะไว้ว่ากัน อิงกับเรื่องอะลาดินก่อน มีนาดีมากอ่ะ ทั้งร้อง เต้น สตั๊นท์ สคูบ้าไดฟวิ่ง บลาๆ เป็นทุกอย่างแล้วจริงๆ Your hard work pays off นะ หลงในรอยยิ้มมากอ่ะ สารภาพว่ารอบ 2 ดูละโฟกัสแต่มีนาเลย จมในลักยิ้มมาก 5555 เสียงคือมีความกวนขี้เล่นคล้ายต้นฉบับ Stunt และ Dance Stuff คือเจ๋งไฟลุกมาก การแสดงคือดีมีสเน่ห์ ถามว่าเริ่มหลงรักอะลาดินเวอร์นี้ตอนไหน ก็ตอนเอากำไลมาคืนและเอาชามาเสิร์ฟเนี่ย พ่อคุณเดินในวังทำเหมือน Own the Place เท่มั่ก ส่วนตอนเป็น Prince Ali คือออร่ามาก และคงความน่าเอ็นดูของอะลาดินไว้ภายใน ก็คือบทส่งนั่นแหละ ถามว่าดูเรื่องไหนแล้วไม่ติ่งตัวเอกบ้าง ก็ไม่มี แต่ว่า ชั้นรักเค้าจริงๆนะ ขอบคุณดิสนีย์ที่เห็นค่ะ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in