ตอนเด็กๆ เราทุกคนคงโดนถามบ่อยๆว่า "โตมาหนูอยากเป็นอะไรจ๊ะ ?" คำตอบที่เด็กส่วนใหญ่ตอบคงหนีไม่พ้น คุณครู หมอ พยาบาล ตำรวจ ซึ่งเป็นอาชีพฮอตฮิต (หรือว่าเด็กๆไม่รู้จักอาชีพอื่นๆนะ) พอลองมองย้อนกลับไป ในขณะนั้น ฉันที่กำลังเรียนอยู่ชั้นประถม1ก็ตอบคำถามนี้ไปอย่างไม่ต้องคิด
"หนูอยากเป็นหมอค่ะ" ด้วยหน้าตาที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มของเด็กวัยใส
คุณครูประจำชั้นไม่ค่อยแปลกใจกับคำตอบที่ได้รับ เพราะถึงแม้ฉันจะไม่ได้นั่งเรียนที่นั่งข้างหน้าห้อง แต่ฉันก็เป็นเด็กที่คุณครูหลายท่านโปรดปราน เนื่องจากเป็นเด็กที่มาโรงเรียนคนแรกๆ (จริงๆนะ ฉันมาถึงโรงเรียนตั้งแต่ตี 5 ทุกวันทั้งๆที่บ้านอยู่ห่างจากโรงเรียน 4-5 กม.) ทำการบ้านเสร็จภายในตอนเย็นโดยใช้เวลาช่วงที่รอแม่มารับ เสาร์-อาทิตย์ก็ใช้เวลาไปกับการเรียนพิเศษ(ไปคนแรกอีกเช่นเคย)
แน่นอน.. ขยันเรียนขนาดนี้ ฉันมักจะได้คะแนนดีและได้รับความคาดหวังจากพ่อแม่ ญาติพี่น้อง และคุณครูอยู่เสมอ แต่ฉันก็ไม่เคยเครียด ม่ีความสุขด้วยซ้ำกับการที่ทุกคนมองว่าเราเก่ง ทำให้ฉันคิดมาเสมอว่าตัวเองนั้นเก่งนักเก่งหนา หน้าตาก็ดี อะไรจะเพอร์เฟคขนาดนี้ (คนอื่นชมนะ เลยทำให้คิดแบบนี้ 555555 อย่าเพิ่งหมั่นไส้เค้านะ)
ฉันสอบเข้าม.1ได้ และเป็นห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ซะด้วย นั่นทำให้ฉันหลงตัวเองมากขึ้น แต่ทุกอย่างก็ต้องพังทลายเพราะความมั่นใจในตัวเองของฉันที่มีมากเกินไป ฉันคิดว่ามัธยมเรียนง่ายเหมือนประถมจึงไม่เคยฟังครูสอนในห้องเรียน เล่นคอมพิวเตอร์จนดึก ตื่นสายประจำ เสาร์-อาทิตย์เพื่อนชวนไปไหนก็ไป และได้เป็นหลีด ว้าว! ซึ่งนั่นบั่นทอนเวลาชีวิตมากกกกกก ฉันโดนครูหมั่นไส้ โดนยึดโทรศัพท์และต้องให้ผู้ปกครองมาเอาคืน เกรดเฉลี่ยน่ะเหรอ ตกฮวบบ T____T (3.66 มันก็แย่นะกับคนที่ได้ 4.00 มาตลอด) ในขณะนั้น ฉันไม่ได้นึกถึงอาชีพหมอเลย นึกแต่ว่าชีวิตสนุกจังเลย
พอขึ้นชั้นม.2ฉันก็ตั้งใจเรียนมากขึ้น นึกถึงความคาดหวังที่ทุกคนมอบให้ เลยทำให้ได้ 4.00 กลับมาครอบครอง ถึงแม้ตอนนั้นมีผู้ชายเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตเยอะมาก เปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่น แต่การเรียนฉันก็ไม่ตกลงเลย และเมื่อฉันตัดสินใจคบกับผู้ชายคนหนึ่ง นั่นทำให้ฉันต้องการไปเรียนต่อชั้นม.ปลายที่กทม.มากๆ เพราะพี่เขาต้องไปเรียนต่อมหาลัยที่กทม. นั่นทำให้ฉันทะเยอทยานอ่านหนังสือมากขึ้น และ เย้ ~ ฉันสอบติดโรงเรียน TOP5 ของประเทศไทย และพี่เขาก็สอบติดมหาลัยที่มีชื่อเสียงมากๆในเมืองไทยเช่นกัน ฉันมีความสุขมาก มากถึงมากที่สุด ฟังดูดีใช่ไหมล่ะ .. พี่เขาบอกเลิกฉันในขณะที่ฉันตัวคนเดียวในกทม. ฉันร้องไห้ทุกวัน เรียนในห้องก็ไม่เคยฟัง เรียนพิเศษก็เข้าไปฟังอย่างเดียว หนังสือไม่ต้องพูดถึง การบ้านก็รอลอกอย่างเดียวเพราะทำไม่ได้ ความเศร้าครอบงำฉันตลอดเวลาจนถึงขั้นที่ฉันเป็นโรคซึมเศร้า (เพิ่งมารู้ว่าตัวเองเป็นก็ตอนที่หายแล้ว ใช้เวลากว่าจะหายประมาณ 2 ปี ) การปรับตัวเข้ากับเพื่อนเป็นไปได้ยากมาก ชีวิตตอนนั้นนี่มันตกต่ำจริงๆ
อ้าว นอกเรื่องไปซะไกล หัวข้อเราคืออะไรนะ 55555555555 เอาล่ะกลับมาที่ประเด็นหลักกัน โชคดีที่ห้องที่ฉันสอบได้เป็นห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์(อีกแล้ว) เพื่อนเกือบทุกคนมีเป้าหมายชีวิตก็คือหมอ ฉันจึงต้องเลือกทิ้งความเศร้าแล้วตั้งใจอ่านหนังสือ ไม่เคยคิดว่าหมอนี่คือเป้าหมายจริงๆเหรอวะ? แต่ก็ช่างมันเหอะ ไม่เป็นหมอแล้วจะเป็นอะไรล่ะ และก็ไม่ได้ถามตัวเองอีกเลย จนถึงเวลาสอบกสพท. ฉันไม่อ่านหนังสือ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้เก่งอะไรเลย แน่นอน สอบไม่ติด 55555 พ่อแม่พี่น้อง ญาติทั้งหลาย ดูจะเศร้ากว่าฉันมาก ฉันก็แอบเศร้านิดหน่อย จึงหาคณะที่เรียนไม่น่าหนักเผื่อไว้มีเวลามาอ่านสอบซิ่วหมอปีหน้า จึงได้บัญชี หารู้ไม่ เรียนหนักชิบหายยย เนื่องจากเป็นหลักสูตรตรีควบโท =[]=
จบแล้วชีวิตการเรียนโดยย่อ เพราะกำลังจะเข้ามหาลัยจ้า ตอนนี้ก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าจะซิ่วดีไหม เพราะลองหาข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพนี้ มันก็โอเคนะ เอาเป็นว่า ฉันจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง ฮึบๆ สู้ๆ ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้า :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in