เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
องครักษ์หญิงจอมป่วนminimore
เล่ม 1 ตอนที่ 51 ปรักปรำ?
  • ต้องซื้อ post นี้ก่อน ถึงจะอ่านหน้านี้และหน้าถัดๆ ไปของ post ได้

  •  

    อันที่จริงแล้วก็ไม่เบียดกันอะไรหรอก...รถม้าของจวนไท่จื่อกว้างขวางโอ่อ่าต่อให้คนเยอะกว่านี้ก็ยังเหลือที่ว่างให้นั่ง

    ไม่ง่ายเลยกว่านางจะมีโอกาสได้อยู่สองต่อสองกับไท่จื่อตีให้ตายยังไง นางก็ไม่มีทางยอมให้เจ้าสุนัขรับใช้คนนี้ขึ้นมานั่งด้วยกันเป็นอันขาด!

    เซียวหนานสวินเหลือบมองนาง“เบียดสิ”

    สีหน้าของหนิงเจิงเปลี่ยนอีกครั้ง

    เยี่ยเหลียงเซวียนกระหยิ่มยิ้มย่อง“ถ้าเช่นนั้น...”

    “ฉะนั้นเจ้าไปนั่งคันข้างหลังซะ”

    “...”

    เยี่ยเหลียงเซวียนนึกว่าได้ยินผิดเพี้ยนไป“ไท่จื่อ?” นางเบิกตาโตอย่างตกใจ“เมื่อครู่พระองค์ตรัสว่าจะเสด็จชานเมืองพร้อมหม่อมฉันมิใช่หรือเพคะ”

    เซียวหนานสวินเอ่ยเรียบนิ่ง“อย่างไรก็เป็นรถม้าจวนไท่จื่อเหมือนกัน แค่ห่างกันไม่กี่ก้าวไม่นับว่าไปด้วยกันหรอกหรือ”

    เยี่ยเหลียงเซวียน“...”

    คนทั่วไปเข้าใจคำว่าอยู่ด้วยกันไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้ใช่หรือไม่เห็นได้ชัดว่าเขากำลังมองหาช่องโหว่ทางภาษาอย่างชัดเจน!

    นางทั้งอึ้งทั้งโกรธ“ถ้าหากพระองค์ทรงกังวลเรื่องผีเสื้อทองเช่นนั้นให้หนิงเจิงเอาผีเสื้อทองมาให้หม่อมฉันถือดีหรือไม่ เดี๋ยวหม่อมฉัน...”

    “พอได้แล้ว!

    ชายหนุ่มจ้องนางเป็นการตักเตือน

    “หนิงเจิงขึ้นรถ!

    เยี่ยเหลียงเซวียนโกรธจนนัยน์ตาแดงก่ำ

    ท่าทางของเซียวเฉิงอิ่งก็มิได้ดีไปจากนางเท่าไหร่เขามีสีหน้าครั่นคร้าม มองสองคนนั้นที่ขึ้นรถม้าค่อยๆ จากไป

    ...

     

    ภายในรถม้า

    หนิงเจิงนั่งเกร็งจนเป็นตะคริวนางก้มหน้าก้มตา มิรู้จะเอื้อนเอ่ยสิ่งใด

    ตอนนี้นางคิดว่าพูดอะไรก็ดูผิดไปเสียหมดแต่ถ้าไม่พูดอะไรสักหน่อย ก็ดูเหมือนน่าอึดอัดเกินไป...

    ทว่าในสายตาของเซียวหนานสวินกลับมองว่านางไม่สนใจใยดีเขาเลยสักนิด!

    สีหน้าของเขาเย็นเยียบเมื่อครู่ถ้าหากเขามาแก้สถานการณ์เจ้าสุนัขรับใช้นี่คงตายด้วยน้ำมือเซียวเฉิงอิ่งไปแล้วตอนนี้จะพูดขอบคุณเขาสักคำก็ไม่มี

    เซียวหนานสวินแสยะอย่างเย็นชาประชดประชันว่า “ไม่เจอหน้าสองวัน เจ้าสกปรกมอมแมมเหม็นสาปอย่างนี้ก่อนงานเลี้ยงเทศกาลร้อยบุปผาเริ่ม เจ้าไม่คิดที่จะอาบน้ำบ้างหรือ”

    นางไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำทว่าวาจานี้กลับเป็นการจุดไฟโทสะของนาง นางหันขวับจ้องหน้าเขาแล้วเอ่ยว่า“ที่กระหม่อมมอมแมมเหม็นสาบก็เพราะไท่จื่อจับกระหม่อมโดยนเข้าไปในฝูงหมาป่ามิใช่หรือตอนนั้นพระองค์มิได้ทรงเมตตาบอกให้กระหม่อมอาบน้ำได้นี่พ่ะย่ะค่ะตอนนี้ยังจะมาโทษว่ากระหม่อมไม่ได้อาบน้ำอีกหรือ”

    เจ้าสุนัขรับใช้นี่ยังกล้าต่อปากต่อคำกับเขาอีกหรือ!

    จากนั้นถ้อยคำของหนิงเจิงก็ทำให้เขานึกภาพเหตุการณ์ที่เขาเห็นเมื่อสองวันก่อนขึ้นมาได้...

    แววตาชายหนุ่มมืดมนหลายส่วนเม้มริมฝีปากบางจนเป็นเส้นตรง “เหตุใดเปิ่นกงจับเจ้าโยนเข้าฝูงหมาป่าเจ้าไม่เคยคิดที่จะสำนึกตัวเองสักนิดเลยหรือ”

    แล้วทำไมนางต้องสำนึกสำเหนียกอะไรด้วยล่ะ!

    หนิงเจิงโมโหจนแสยะยิ้ม“แน่นอนว่าเป็นเพราะพระองค์ไม่เชื่อใจกระหม่อม กล่าวหาปรักปรำกระหม่อมไงเล่า!

    เซียวหนานสวินก็โกรธจนแสยะยิ้มเช่นกัน“ปรักปรำหรือ เจ้าไม่ได้ยั่วยวนจี้หลิวเฟิงหรือไม่เคยคิดจะนอนห้องเดียวกันกับเขาล่ะฮะ!

    หนิงเจิง “...”

    นางคิดจะนอนห้องเดียวกันจริงแต่นางไม่เคยคิดยั่วยวนใครนี่นา!

    หนิงเจิงสูดหายใจเข้าลึกๆ“ในเมื่อพระองค์ตรัสเช่นนี้...” นางหลับตาลง“เช่นนั้นกระหม่อมก็ไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไป ฉะนั้นทูลรายงานตามความจริงก็ได้!

    พลันนางมีสีหน้าจริงจังราวกับยอมแพ้ จ้องเขาแน่นิ่ง “อันที่จริง คืนนั้นไม่ได้เป็นเพราะมีภัยอันตรายใดๆแต่เป็นเพราะ...ก่อนหน้านั้นกระหม่อมไปหาหมอมาพ่ะย่ะค่ะ!

    สีหน้าของเซียวหนานสวินเปลี่ยนไปเล็กน้อย

    เขาป่วยอย่างนั้นหรือ

     

     

     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in