แน่นอนว่าหากคำพูดนี้พูดออกไป นางต้องตายด้วยน้ำมือไท่จื่อแน่
หนิงเจิงหัวเราะ แล้วพูดสิ่งที่แม่นมคนนั้นพูดออกมาทั้งหมดอีกครั้งแล้วกล่าวว่า “ไท่จื่อจะทำอย่างไรต่อไปพ่ะย่ะค่ะ”
โรคอะไรที่จะทำให้คนปิดปากเงียบ ไม่รักษาโรคดีๆ และยังคอยคิดแต่เรื่องออกเรือนอีกกัน
เซียวหนานสวินขมวดคิ้ว “คอยสังเกตการณ์เงียบๆไปก่อน แต่ต้องระวังตัวด้วย”
หนิงเจิงพยักหน้า นางเหนื่อยมากจริงๆจึงได้เหล่มองเตียงขนาดใหญ่ในห้องอยากจะทิ้งตัวลงนอนเลยทันที
ทว่าเมื่อนึกขึ้นได้ ก็พบว่าชายหนุ่มกำลังเดินเข้ามาทางนางทำเอานางสะดุ้งไปครู่หนึ่ง
ประตูห้องไม่ได้ปิดปลายตาของชายหนุ่มเห็นเงาร่างสีชมพูผ่านประตูห้องไปก็หรี่ตาลง แล้วผลักนางไปชนผนังกะทันหันทำเอานางเจ็บหลังก่นด่าอยู่ในใจ “ไท่จื่อ!”นางตะโกนขึ้น “พระองค์ทำอะไรพ่ะย่ะค่ะ”
ชายหนุ่มโน้มตัวลงแทบจะแนบชิดติ่งหูของเขา แล้วยกมุมปากขึ้น
ให้ตายเถอะ
ชายคนนี้พูดอะไรของเขากัน อะไรคือเรื่องที่เคยทำมาก่อน
จากนั้นวินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังอยู่ข้างหู
หนิงเจิงอึ้งไปชั่วขณะ
มีคนอยู่ที่หน้าประตูก็ต้องขัดขวางไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้มิใช่หรือ
หนิงเจิงกัดฟัน “ได้ยินแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ชะงักไปครู่หนึ่งก็จงใจส่งเสียงดัง “ข้าจะปรนนิบัติท่านเป็นอย่างดี!”
หางตาของเซียวหนานสวินกระตุกไปครั้งหนึ่ง
ต่อมาก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!
เซียวหนานสวินยืดตัวตรงจัดความเรียบร้อยของชายเสื้อแล้วมองไปที่ประตูนิ่งๆ “เข้ามา”
ร่างชุดสีชมพูเปิดประตูออก พร้อมกับกล่าวด้วยวาจาอบอุ่น
ทว่าสายตาก็เบนเบี่ยงไปที่แก้มสีแดงก่ำของหนิงเจิงนางกัดริมฝีปากแล้วเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไร
หนิงเจิงยังไม่ได้สติจากเหตุการณ์เมื่อครู่ มองไปที่ชายหนุ่ม
สายตาของเซียวหนานสวินสงสัยแล้วกวาดมองนางแวบหนึ่ง
เป็นที่…ที่หวงแหนหรือ!
หนิงเจิงสงสัยว่าหูของตนมีปัญหา
นางสังเกตสีหน้าของชายหนุ่ม จากนั้นก็พบว่าตนไม่ได้หูฝาด
เพราะเช่นนี้สีหน้าของนางจึงยิ่งตกใจ “
เหอะๆๆ
ณ ห้องโถงด้านหน้า
ท่านผู้เฒ่ามั่วนั่งอยู่ที่เก้าอี้ประจำเจ้าของเรือนมองบุตรสาวข้างๆด้วยแววตาซับซ้อน “หรูอวี้เจ้าจะทำเช่นนี้จริงหรือ”
นางกล่าวพร้อมน้ำตา “คนก่อนหน้านี้ไม่ก็หวีผมแต่งหน้าแต่งตาจนไม่เข้าตา ไม่ก็มาเพื่อหวังสมบัติของตระกูลมั่วแต่เมื่อลูกได้พบเขาในวันนี้ก็รู้สึกได้ว่าเขาไม่เหมือนกัน! ข้าอยากได้เขา!”
ใช่ นางเห็นแล้ว
คุณชายเซียวผู้นั้นมาถึงก็ขอห้องนอนเพียงห้องเดียวยังไม่พอตอนที่นางไปเรียกพวกเขามารับอาหารมื้อค่ำก็เห็นทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันทำเรื่องปานนั้นมิหนำซ้ำยังพูดจาไม่กระดากอายอีก!
แต่ว่านางไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้แล้ว!
นางเม้มริมฝีปากแน่น แววตามีความเกลียดชังปรากฏอยู่
ท่านผู้เฒ่ามั่วตะลึงเพียงแค่ป่วยก็ทำให้บุตรสาวของเขาเป็นเช่นนี้ไปได้ เขาเงียบไปชั่วขณะ
กล่าวจบก็เห็นทั้งสองเดินเข้ามาพร้อมกัน
เซียวหนานสวินเดินเข้ามาด้วยท่าทางเคารพนับถือ
ท่านผู้เฒ่ามั่วหัวเราะโบกมือบอกว่าไม่เป็นไร
ที่ว่างที่เหลือให้พวกเขาทั้งสองบนโต๊ะอาหารอยู่ข้างมั่วหรูอวี้พอดี
หนิงเจิงนึกถึงคำพูดที่ชายหนุ่มพูดในห้องเมื่อครู่ก็สมพรปากทันที
ฉะนั้นนางจึงรีบขึ้นหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วชิงนั่งลงก่อนเซียวหนานสวิน
เซียวหนานสวินมองนางด้วยสีหน้าจะยิ้มก็มิปานหนิงเจิงสบตาเข้ากับเขาแล้วเชิดคางขึ้น “ที่ตรงนี้ดีกว่าข้าชอบที่ตรงนี้ขอรับ”
เซียวหนานสวินยกมุมปากขึ้น สีหน้าของสองพ่อลูกตระกูลมั่วแปรเปลี่ยน
ท่านผู้เฒ่ามั่วกระแอมเบาๆ “คุณชายเซียวช่างดีต่อคนใช้จริงๆ”
เซียวหนานสวินหัวเราะเบาๆ และไม่ได้ว่าอะไร
มั่วหรูอวี้เห็นว่าเขาชอบลูกน้องคนนี้มาก สายตาเย็นชาขึ้นมาทันทีในใจก็ขรึมลงไม่น้อย
ท่านผู้เฒ่าสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของนางก็ตกใจรีบกล่าวขึ้น
เซียวหนานสวินพยักหน้า “เช่นนั้นแล้วมีอะไรที่ข้าพอช่วยได้บ้าง”
ท่านผู้เฒ่ามั่วกล่าวขึ้นจริงจัง “ง่ายมากข้าอยากได้ลูกเขยคนหนึ่ง”
หนิงเจิงแทบสำลักเม็ดข้าวออกมา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in