เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
องครักษ์หญิงจอมป่วนminimore
เล่ม 1 ตอนที่ 109 เขาต้องการหนิงเจิง

  •  

    เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็รู้สึกเห็นอกเห็นในองครักษ์น้อยนั่นทันที แม้กระทั่งอดพูดมิได้ว่า “นายท่านคือ...หนิงเจิงทำสิ่งใดผิดไปหรือพ่ะย่ะค่ะ”

    เซียวหนานสวินส่งสายตาพยักเพยิดใส่เขาอย่างเย็นชา“ไสหัวไปอยู่ตรงนู้นไป”

    จ้าวซู่ “...”

    เขาก็อยาไปให้พ้นเหมือนกันนี่นาแต่เหตุใดผู้เป็นเจ้านายต้องพาเขามาทำเรื่องแบบนี้ด้วยเล่า!

    จ้าวซู่ตามขึ้นไปอย่างหงอยๆแต่ในใจกลับเริ่มรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาแล้ว

    หลายปีมานี้ข่าวลือเรื่องนกเขาไท่จื่อไม่ขันค่อนข้างอื้อฉาว จนเขาคิดว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆเสียแล้ว ดังนั้นหลังจากมีหนิงเจิงเข้ามาเขากับจี้หลิวเฟิงไม่ได้กังวลเพราะไท่จื่อชื่นชอบบุรุษ แต่รู้สึกยินดีเสียมากกว่า!

    แต่ทว่าหนิงเจิงคนเดียวยังพอไหวต่อไปไท่จื่อจะต้องสืบทอดบัลลังก์เป็นประมุขแห่งแว่นแคว้นเช่นนั้นก็จำเป็นต้องสืบทอดเชื้อสายมังกรนี่นา จะให้ขึ้นควบบุรุษตลอดไปได้อย่างไร

    จ้าวซู่คิดว่าหลังจากตนเองกลับไปแล้วเขาต้องปรึกษาหารือเรื่องนี้กับจี้หลิวเฟิงอย่างจริงจังสักหน่อยแล้ว

    ...

     

    เซียวหนานสวินรินชาให้ตนเองระหว่างรอภายในห้องส่วนตัวขณะที่แม่เล้าได้พานายโลมสองคนขึ้นมาอย่างว่องไวแล้ว

    “ท่านชายเจ้าคะสองคนนี้เป็นดาวเด่นของพวกเรา ท่านว่าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”สามคนที่อยู่ตรงข้ามต่างมอบรอยยิ้มประจบประแจงให้

    เซียวหนานสวินเงยหน้ามองนายโลมทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาสวมอาภรณ์ตัวยาวสีแดงชาด ใบหน้ายังคงอ่อนเยาว์แต่ทว่าการแต่งแต้มสีสันบนเรือนร่างกลับดูเข้มเกินไปซึ่งแตกต่างจากความงดงามหมดจดขององครักษ์บางคน อนึ่งมีใบหน้ายิ้มแย้มขี้ประจบเฉกเช่นเดียวกัน ทำไมบางคนถึงยิ้มได้ดูซุกซนยิ่งนักแต่ทำไมบางคนถึงยิ้มได้น่าหมั่นไส้ก็มิรู้

    เขาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ลืมไปเถอะ อย่างไรเสียเรื่องแบบนั้นขอเป็นแค่ผู้ชายก็พอ

    “เจ้าออกไปซะ” เขากวาดตามองแม่เล้า

    แม่เล้ายิ้มรับและพยักหน้า“หากท่านมีรับสั่งอะไร สามารถเรียกใช้ได้ทุกเมื่อเลยเจ้าค่ะ”

    ก่อนจะออกไป นางยังแอบขยิบตาให้จ้าวซู่หนึ่งทีอีกด้วย

    แต่จ้าวซู่กลับไม่เห็นจึงทำให้แม่เล้าโมโหถลึงตาใส่เขาไปอีกหนึ่งที

    หลังจากแม่เล้าออกไปแล้ว สองนายโลมนั่นก็ทำท่าจะปรี่เข้ามาใกล้เซียวหนานสวินพวกเขามีรูปร่างเย้ายวน เดินลีลากรีดกรายแม้กระทั่งน้ำคำวาจาอ่อนหวานน่าฟัง “ท่านชายมิทราบว่าท่านต้องการให้พวกข้าปรนนิบัติอย่างไรหรือขอรับ”

    จ้าวซู่รู้สึกเข็ดฟันขึ้นมาทันทีถึงแท้จะเป็นบุรุษเหมือนกัน แต่หนิงเจิงก็ไม่ได้ทำขนาดนี้นี่นา!

    เขาเผยสีหน้าขยะแขยงอย่างช่วยไม่ได้ทว่าร่างอรชนของนายโลมทั้งสองยังไม่ทันได้แนบชิดไท่จื่อก็ได้ยินน้ำเสียงแหบชองชายหนุ่มเอ่ยแทรกการกระทำของพวกเขาเสียก่อน “ถอด”

    จ้าวซู่เบิกตาโต

    นายโลมทั้งสองก็อึ้งเช่นกันแต่ไม่นานพวกเขาก็กลับมาฉีกยิ้มออดอ้อน“คิดไม่ถึงว่าท่านชายจะใจร้อนขนาดนี้เลยนะขอรับ”

    แม้จะมีจ้าวซู่ในสถานการณ์ทว่าทั้งสองต่างก็ไร้ยางอาย พวกเขาถอดอาภรณ์ทีละชิ้นจนสุดท้ายเหลือเพียงกางเกงชั้นในตัวเดียว

    แต่ทว่าคราวนี้พวกเขายังไม่ทันขยับเข้ามาเซียวหนานสวินก็เอ่ยถามอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้าสองคน ใครเป็นฝ่ายอยู่ข้างบน”

    สองคนนั้นชะงักแล้วหันมามองหน้าสบตากัน จากนั้นใครคนใดคนหนึ่งก็ลองถามไปว่า “ท่านชายนี่ท่านหมายความว่าอย่างไรขอรับ”

    “ไปขึ้นเตียงแล้วพวกเจ้าก็ทำกันซะ”

    เมื่อคำพูดนี้โพล่งออกไปไม่ได้มีเพียงจ้าวซู่เท่านั้น แม้แต่นายโลมทั้งสองก็เบิกตาโตทันทีและมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ

    คน...คนผู้นี้ยังสติดีหรือไม่!

    เห็นการแต่งกายก็ดูดีมีภูมิฐานมาถึงที่แบบนี้แล่วไม่กรำศึกเอง แต่มาเพื่อดู “ฉากสยิว” อย่างนั้นหรือ!

    หัวตาของจ้าวซู่กระตุกอย่างบ้าคลั่งเขาคิดว่าไท่จื่อมาเพื่อลิ้มลองอะไรใหม่ๆ เสียอีก ที่ไหนได้ไท่จื่อมาเพื่อสังเกตเรียนรู้หรือนี่!

    บรรยากาศห้องส่วนตัวเงียบไปครู่หนึ่ง

    นายโลมที่พูดเมื่อครู่เอ่ยด้วยความขุ่นเคืองอย่างอดมิได้“ท่านชาย ที่นี่ของพวกเราไม่มีกฎเช่นนี้หรอกขอรับ”

    เซียวหนานสวินแสยะยิ้มเย้ยหยันแล้วล้วงตั๋วเงินออกมาจากในแขนเสื้ออีกหลายใบ แล้ววางตบลงบนเตียงดังปับๆ“ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายอยู่ข้างบน ถ้าทำเสร็จแล้ว ตั๋วเงินพวกนี้ก็จะเป็นของพวกเจ้า”

    นายโลมสองคนต่างหันหน้ามาสบตากันทันที

    ผ่านไปสักพักทั้งสองก็กัดฟันแล้วนอนลงบนเตียงพร้อมกัน บอกให้ทำก็ทำ!

    ยามแรกเริ่มยังมีความยับยั้งชั่งใจเพียงนั้นแต่ทว่าแต่ไหนแต่ไรพวกเขาก็ทำงานวงการนี้อยู่แล้ว เมื่อควานหาอารมณ์ปรารถนาได้แล้วก็แทบจะลืมไปเลยว่ายังมีคนที่สามและคนที่สี่อยู่ในเหตการณ์ด้วยเรือนร่างของคนทั้งสองเกี่ยวกระหวัดรัดรึงกันแนบแน่น จากนั้นเสียงครางกระเส่าและเสียงเนื้อกระทบกันก็ดังขึ้น

    เซียวหนานสวินเอาแต่มองไปที่เตียงอยู่อย่างนั้นสีหน้าของเขาก็นิ่งขรึมเรื่อยๆ แววตาก็ยิ่งมืดมนเรื่อยๆแม้แต่ริมฝีปากบางเฉียบก็ค่อยๆ เม้มจนเป็นเส้นตรง

    เขาทั้งรังเกียจและพะอืดพะอมจนทนไม่ไหว...ความรู้สึกดังกล่าวล้วนพุ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน!

    รู้ทั้งรู้ว่าหาความไม่อภิรมย์มาใส่ตนเองแท้ๆแต่เขาก็ยังดึงดันที่จะมา

    ส่วนหนิงเจิงนั้นครั้งแรกตอนที่ถูกเยี่ยเหลียงเซวียนวางยาปลุกกำหนัดอาจกล่าวได้ว่าเนื่องจากฤทธิ์ยา

    ทว่าต่อมาครั้งแล้วครั้งเล่าโดยเฉพาะที่บ่อน้ำพุร้อนเมื่อคืนที่มิอาจควบคุมอารมณ์พลุกพล่านของตนเองได้นั้น หรือแม้แต่บนรถม้าเมื่อครู่เขาก็มีความคิดที่ไม่อยากอดทนอดกลั้นอีกต่อไป...

    เขามิใช่คนโง่เขลาต่อให้เป็นคนความรู้สึกช้าด้านชาแต่มาถึงบัดนี้แล้วยังมีตรงไหนที่ยังมิเข้าใจอีกหรือ

    เขาต้องการหนิงเจิง

    แต่ทว่า...บุรุษสองคน...

    เซียวหนานสวินฝืนสายตาตนเองให้กลับไปมองบนเตียงนั้นอีกครั้งแต่กลับยิ่งแย่กว่าเดิม เขาขมวดคิ้วกว่าเดิมจนเป็นปมนอกจากนี้อาการคลื่นไส้ก็ยังตีตื้นขึ้นมาอีกด้วย

    เซียวหนานสวินลุกพรวดพราดแล้วเดินจำอ้าวออกไปข้างนอกเดี๋ยวนั้นทันที

    ...

     

    เสบียงจากวังหลวงเพิ่งมาถึงหนิงเจิงกับจี้หลิวเฟิงกำลังต้อนรับในจวนจากนั้นก็เห็นไท่จื่อเสด็จกลับมาพร้อมจ้าวกงกงพอดีคนหนึ่งมีสีหน้ามืดดำราวกับน้ำหมึกจะหยดออกมาส่วนอีกคนกลับดูสติเหม่อลอยเหมือนคนไม่เต็มบาท

    จี้หลิวเฟิงและหนิงเจิงหันหน้ามาสบตากัน

    หนิงเจิงไม่กล้าเข้าไปกวนเขาและทำได้เพียงหลบอยู่ข้างหลังจี้หลิวเฟิงเท่านั้น

    แต่ทว่าสายตาอันเฉียบคมของชายหนุ่มกลับจ้องมาที่เรือนร่างของนางริมฝีปากบางเม้มสนิท ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวว่า “เจ้า มานี่”

    หนิงเจิง “...”

    นางมองไปที่จ้าวซู่เหมือนขอความช่วยเหลือ

    แต่น่าเสียดายที่จ้าวซู่กำลังอยู่ในอาการเหม่อลอยจึงไม่ได้สนใจนางตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!

    เขาสงสัยว่าตอนปกติความคิดของเขาไร้ยางอายเกินไปหรือไม่ และมักคิดว่าระหว่างไท่จื่อกับหนิงเจิงไม่ได้บริสุทธิ์แต่กลับกลายเป็นว่า...ไท่จื่อทำเรื่องแบบนั้นไม่เป็นแล้วยังสถานที่อย่างหอนางโลมเพื่อหาประสบการณ์อีกด้วย!

    หนิงเจิงโดนเมินไปทั้งอย่างนั้นแล้วทำใจดีสู้เสือเดินเข้าไปหา “ไท่จื่อ พระองค์ทรงมีรับสั่งอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”

    เซียวหนานสวินจ้องนานอยู่นานแล้วนึกถึงนายโลมสองคนนั้นที่เซิงสื่อเหลี่ยงฉงที่ตนเองได้ดูมาเมื่อครู่นี้และรู้สึกพะอืดพะอมจนอยากอาเจียนออกมาเขาคิดว่า...เมื่อตนเองกลับมาถึงจวนแล้วเห็นคนผู้นี้ก็คงจะรู้สึกคลื่นไส้เหมือนกัน

    เขารับบุรุษสองคนร่วมหลับนอนบนเตียงไม่ได้จริงๆ

    แต่ ณตอนนี้และเวลานี้ ยามเมื่อคนผู้นี้เข้ามาใกล้ตรงหน้า คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความคิดว่าถ้าหากคนที่ถูกทาบทับอยู่ใต้ร่างคือหนิงเจิงล่ะก็...

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in