Title; Please send me back home
DonghanXKenta
ดงฮันจำไม่ได้แล้วว่าเขาเห็นพระอาทิตย์ขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ อาจจะเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว 6 เดือนที่แล้ว หรืออาจจะนานจนเป็นปีแล้วก็ได้ เพราะเขาเองก็ไม่ค่อยอยากจำวันเวลาเท่าไหร่นัก
สำหรับคนอื่นๆดงฮันก็แค่ไอ้เด็กเหลวแหลกที่ใช้เงินค่าประกันชีวิตแม่เที่ยวเล่นไปวันๆ แต่สำหรับเขา กลางคืนเป็นเวลาที่น่ากลัวเกินกว่าจะหลับตานอนเพียงลำพังในบ้านที่เกิดเหตุ
เมื่อ 3 เดือนที่แล้วดงฮันนอนหลับอย่าสบายใจอยู่บนเตียงที่แสนอบอุ่น ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นและโลกของเขาก็แตกสลายลง พ่อที่หายไปนานกับมาอีกครั้งพร้อมปืนในมือที่ลั่นไกปลิดชีวิตแม่ของเขา รวมถึงฝากรอยกระสุนไว้ที่หัวไหล่ โชคดีที่เขาช็อตจนเป็นลมไป พ่อเลยไม่กระหน่ำยิงซ้ำทำให้เขารอดชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้
"มาคนเดียวหรอ"
เสียงของแขกไม่ได้รับเชิญดังขึ้นขัดจังหวะฝันร้ายของเขา ร่างบางผมสีทองกับชุดสูทพอดีตัวเท้าแขนกับเค้าเตอร์พร้อมรอยยิ้ม
"ใช่, และก็อยากอยู่คนเดียวด้วย"
ดงฮันปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา ลำพังแค่เงินกินเหล้าในทุกๆวันก็แทบจะไม่พออยู่แล้ว เขาไม่อยากเสียเงินเพิ่มเพื่อให้พวกถังขยะทางอารมณ์มานั่งเจ๊าะแจ๊ะหลอกเอาเงินเขาเท่าไหร่นัก
"ฉันก็อยากอยู่คนเดียว แต่ทำไงได้ล่ะ"
เคนตะพูดพลางกันฟันยิ้มให้คนคุมที่อยู่อีกมุมห้องของร้าน เพื่อทำเหมือนเขากำลังหาลูกค้าตามปกติ
"รวมมือกันหน่อย เอาเงินฉันไปส่งให้ไอ้พวกนั้นแล้วทำเหมือนว่าซื้อฉันไปแล้วที"
ร่างบางแกล้งโอบไหล่กว้างอย่างออดอ้อนก่อนจะแอบหย่อนเงินลงในกระเป๋าเสื้อของดงฮัน พร้อมมอบรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้า
"ถ้ามันจะทำให้ผมได้อยู่คนเดียว"
ดงฮันเขย่าแก้วในมือก่อนจะยกดื่มพรวดเดียวหมดและลุกไปตกลงกับผู้คุมที่ยืนอยู่ในมุมมืดของร้าน เขาเพิ่มเงินนิดหน่อยเพื่อจะได้ต่อเวลาให้เคนตะจนถึงพระอาทิตย์ขึ้น
"เดินตามฉันออกไปที่โมเทลแล้วค่อยแยกกัน"
เคนตะแสร้งควงแขนดงฮันด้วยรอยยิ้มและทำทีเหมือนกำลังให้บริการลูกค้าเช่นทุกๆวัน ช่วงที่เดินผ่านออกไปยังประตูทางออก หัวใจของเขาแทบจะหลุดออกมาเต้นข้างนอก การก้าวขาออกจากร้านสำหรับเคนตะก็เหมือนหลุดออกมาจากขุมนรกนึง เพื่อเดินทางต่อไปยังนรกอีกขุม
"ทำแบบนี้บ่อยไหม"
ดงฮันที่นั่งพิงหัวเตียงเอ่ยถามเคนตะที่กำลังมีความสุขอยู่กับการดูรายการทีวียามดึกที่ปลายเตียง แววตาสดใสต่างกับในร้านมองกลับมา
"ไม่บ่อยหรอก ทำได้เฉพาะเวลาที่มีเงินเยอะๆเท่านั้นแหละ พอดีเมื่อวานได้ทิปจากพวกลุงตัณหากลับมาเยอะเลยพอจะมีเงินบ้าง"
ร่างบางชันเข่าขึ้นแนบลำตัวก่อนจะหัวเราะเอิ๊กอ๊ากไปกับรายการตลกยามดึกที่ดงฮันคิดว่ามันไม่ได้ตลกซักเท่าไหร่นัก
"เหลืออีกเยอะไหมกว่าจะหลุดจากร้านนี้"
ดงฮันรู้ดีว่าอาชีพแบบเคนตะไม่มีวันหลุดพ้นจากวงจรอุบาทนี้ มีแต่เปลี่ยนขุมนรกไปเรื่อยๆ เป็นหนี้ที่ไม่มีวันชดใช้ได้หมด
"ไม่รู้เหมือนกัน ขี้เกียจนับให้ปวดหัวใจแล้ว"
"ไม่อยากกลับบ้านบ้างรึไง"
"ไม่มีมีบ้านให้กลับหรอก, ฉันน่ะ ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าบ้านหน้าตาแบบไหน"
ร่างบางวางขนมขบเคี้ยวในมือลงกับพื้นก่อนจะหันมามองคนบนเตียงด้วยแววตาสงสัย
"ไม่มีบ้านหรอ? เห็นปกติก็มาอยู่ที่ร้านตลอด"
"ไม่มีเหมือนนายนั่นแหละ"
ดงฮันถอนหายใจเบาๆก่อนจะหลับตาลง เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าบ้านเลขที่เท่าไหร่ อยู่บนถนนไหน หรือหลังคาของบ้านถูกทาด้วยสีอะไร ไม่รู้ว่าลืมเพราะไม่ได้กลับไปนานหรือลืมเพราะหัวใจสั่งให้ลบมันออกกันแน่
"อื้มมม"
ร่างหนาสัมผัสได้ถึงความหนักบางอย่างนั่งทับลงมาบนตัวเขา พร้อมกับสัมผัสหวาบหวามจากการบดขยี้กลืบปากลงบนปากของเขา
"ทำทุกวันไม่เบื่อบ้างรึไง"
ดงฮันลืมตาขึ้นมามองคนที่นั่งคร่อมตัวเขาตรงหน้า ถึงจะไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แต่การมาที่ร้านทุกวันก็ทำได้ให้เห็นเคนตะออกไปแขกมากหน้าหลายตาในทุกวันจนเป็นภาพปกติ
"อันนั้นไม่ได้อยากทำแต่อันนี้อยากทำ"
เคนตะยิ้มบางๆก่อนจะจูบสันกรามของดงฮันอย่างแผ่วเบา กิจกรรมเดิมๆที่เคนตะทำวนซ้ำไปวันละหลายรอบเกิดขึ้นอีกครั้งในห้อง เพียงแต่ครั้งนี้เขากับรู้สึกดีที่ได้รับการเติมเต็ม อาจเป็นเพราะเขาเองอยากจะทำ ไม่ก็เพราะร่างกายกำยำกับใบหนาที่ดึงดูดของดงฮันที่แตกต่างจากพวกลุงแก่ๆหรือขี้เมาตัณหากลับที่ชอบมาซื้อเขา
"พรุ่งนี้กลับบ้านกันไหม"
ดงฮันที่กึ่งนอนกึ่งนั่งสูบบุหรี่อยู่บนเตียงหันมามองคนตัวเล็กที่นอนอยู่ข้างๆด้วยแววตาสงสัย
"ฉันหมายถึงบ้านที่เราสร้างขึ้นเอง บ้านแบบในแบบที่เราอยากให้มันเป็น บางที่อยู่บนจักรวาล"
"มีวิธีกลับบ้านหรอ?"
ดงฮันถามกลับแบบส่งๆ ถ้าไม่เพราะเมายาก็คงจิตตกจนเพ้อเลยพูดอะไรแบบนั้นออกมา
"มีซิ, มีมานานแล้วแต่ไม่เคยกล้าใช้ซักที"
เคนตะชี้นิ้วขึ้นบนอากาศก่อนจะวาดภาพบ้านในแบบที่เขาอยากให้เป็นพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
"คนอยากฉันไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว"
ดงฮันยิ้มบางๆกลับไปให้ พร้อมมองออกไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นนอกหน้าต่างของโมเทล อาจจะเป็นการเห็นพระอาทิตย์ครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่อาจเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน
ห้องน้ำของร้านเดิมที่มาทุกวันในวันนี้กลับดูสวยผิดหูผิดตาสำหรับดงฮัน อาจจะเป็นเพราะนี้คือครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นมัน เมื่อวานก่อนแยกกันเคนตะนัดแนะให้เขามาเจอที่ห้องน้ำภายในร้านก่อนจะเริ่ม "กลับบ้าน"
ห้องน้ำย่อยภายในห้องน้ำด้านในสุดถูกปิดล็อกเพื่อแสดงว่ามันกำลังถูกใช้งาน ดงฮันนั่งอยู่บนชักโครกโดยมีเคนตะคร่อมอยู่บนตักของเขา มือหนาประครองเอวบางเพื่อเป็นหลักยึดเหนี่ยวในการทรงตัว เสื้อที่ถูกรั้งให้หลุดออกมาจากไหล่ของเคนตะช่วยทำให้ไหปลาร้าที่ไหลของเขากลายเป็นถาดสีแห่งความสวยงามที่มีผงสีขาวสะอาดตากองอยู่ในแอ่ง ดงฮันใช้มืออีกข้างกดปิดจมูกข้างหนึ่งเพื่อให้อีกข้างสามารถสูดเอาผงสีขาวแสนสุขนี้เข้าไปในปอดได้อย่างเต็มที่ เคนตะเองก็เช่นกัน เขาอาศัยบริเวณที่วางของด้านหลังในการเกลี่ยผงสีขาวเหล่านี้ให้กระจายตัว
"ฉันมีเซอร์ไพรส์ให้เธอด้วยนะ"
ดงฮันกระซิบข้างหูร่างบางที่กำลังอ่อนแรง เคนตะหันกลับมาหน้าดงฮันด้วยความสงสัย สำหรับเขาแล้วบรรยากาศโดยรอบตอนนี้เหมือนมีฟองสบู่นับล้านกำลังโอบอุ้มตัวเขาอยู่ในอากาศ
"ฉันพร้อมแล้วออกไปเต้นรำกันเถอะ"
ดงฮันฉุดให้เคนตะลุกขึ้นพร้อมยัดของบางอย่างขนาดพอดีมือลงมาในมือทั้งสองข้างของเคนตะ
"จะต้องมีแค่เราที่ได้เต้นเพลงนี้"
เคนตะยิ้มก่อนจะผลักบานประตูห้องน้ำออกไป บทเพลง Symphony no.9 ถูกบรรเลงขึ้นในห้วงความคิดของคนทั้งสอง ซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่รู้จบ
"หยุดนะ! เจ้าหน้าที่ได้ล้อมไว้หมดแล้ว วางอาวุธลงและมอบตัวซะ!"
เสียงประกาศจากตำรวจอยู่ห้อมล้อมพวกเขาไว้ดังขึ้น เหมือนคนเหล่านี้มาส่งพวกเขาในการเดินทางกับบ้านด้วยความยินดี ดงฮันและเคนตะจับมือกันอยู่บริเวณริมขอบตึก ด้านล่างของพวกเขาคือแม่น้ำลึกที่เป็นเสมือนประตูสู่ทางกลับบ้าน
"แล้วเจอกันที่บ้านนะ"
ดงฮันยิ้มให้เคนตะ เช่นเดียวกับเคนตะที่ยิ้มให้แสงพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้น ร่างของทั้งสองปลิดปลิวลงสู่ก้นบึ้งของพื้นน้ำประดุจใบไม้แห้งบางๆ พวกเขากำลังเดินทางกลับบ้านที่จากมานาน
"รายงานด่วนเมื่อเวลา 2 นาฬิกา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุกราดยิงในร้านเหล้าแห่งหนึ่งในย่านเสื่อมโทรม พบผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก จากกล้องวงจรปิดพบว่าผู้ต้องหาเป็นลูกชายของอดีตนายตำรวจที่เคยก่อเหตุฆ่าเมียตัวเองเมื่อหลายเดือนก่อน คาดลูกชายขโมยปืนจากที่บ้านที่เกิดเหตุ ส่วนอีกคนเป็นโสเภณีไม่ทราบชื่อ คาดว่าเป็นหนึ่งในเหยื่อของแก๊งค้ามนุษย์ รายงานล่าสุดระบุว่าคนร้ายตัดสินใจปลิดชีพตัวเองด้วยการยิงเข้าที่ขมับและทิ้งร่างลงสู่แม่น้ำ"
เสียงรายงานข่าวดังขึ้นจากวิทยุภายในรถคันหรู ดงฮันกดปิดมันด้วยความรำคาญก่อนจะสวมแว่นกัดแดด เพราะนานมากแล้วที่เขาไม่ได้ขับรถสู้กับแสงแดดในเวลากลางวันอย่างนี้
"มึนหัวไปหมดเลย เปียกไปหมดเลยด้วย"
เคนตะที่นั่งอยู่ด้านหลังรถบ่นอิดออดพร้อมกับเช็ดผมที่ยังเปียกอยู่ของตัวเองด้วยความสบายใจ ใครจะไปคิดว่าแผนการของดงฮันจะได้ผลขนาดนี้ เมื่อคืนพวกเขาเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนแค่ฝันแต่กลับจริง
"ต้องขอบคุณพี่มากนะที่ยังเมตตาน้องคนนี้"
ดงฮันหันไปมองบุคคลที่นั่งอยู่เคียงข้างเขา ร่างเล็กในเครื่องแบบตำรวจมองกลับมาด้วยความสงสัยในประโยคขอบคุณแปลกๆนั่น
"เรื่องแค่นี้ไม่ได้ยากอะไรสำหรับฉัน แค่ลบคน 2 คนออกจากการมีตัวตนบนโลกแล้วสร้างมันขึ้นมาใหม่ก็แค่นั้นเอง ว่าแต่นายสองคนอยากชื่ออะไรล่ะ เปลี่ยนชื่อหน่อยไหม"
โนแทฮยอนหันกลับไปมองเคนตะที่นั่งอยู่ด้านหลังสลับกับดงฮันที่ยิ้มอย่างสบายใจ เมื่อคืนดงฮันโทรหาเขาและบอกเรื่องแผนการในการกลับบ้านให้ฟัง พร้อมนัดแนะสถานที่และเวลา พอถึงเวลานัดโนแทฮยอนก็นำทัพตำรวจท้องที่ไปล้อมจับเจ้า 2 ตัววุ่นวาย ก่อนจะอาศัยจังหวะชุลมุนตอนที่ทั้งสองคนโดดลงน้ำท่วงเวลาเจ้าหน้าที่เพื่อให้ฮยอนบินและซังกยุนสลับเปลี่ยนร่างในน้ำเป็นคนอื่นแทน ก่อนจะช่วยทั้งสองคนขึ้นมา เพราะยังไงคนไม่สำคัญแบบนี้ทางการก็คงไม่รีบตามหาร่างเท่าไหร่ กว่าจะเจอคนอีกหลายวันถึงตอนนั้นเคนตะกับดงฮันคงหนีออกไปนอกประเทศแล้ว แถมทั้งสองคนก็ไม่มีญาติที่จะมาขอพิสูจน์ดีเอนเออะไร คดีนี้คงปิดลงและจบไปในไม่กี่วัน
"จริงๆแค่จะหนีกลับบ้านไม่เห็นจะต้องเล่นใหญ่ขนาดกราดยิงคนในร้านเบอร์นั้นก็ได้นะ"
โนแทฮยอนส่ายหัวไปมากับความศิลปินสุดตัวของน้องชายที่เคยร่วมโรงเรียนเตรียมตำรวจด้วยกันก่อนจะที่ดงฮันจะโดนไล่ออกและทั้งคู่จะผันตัวมาทำกิจการสีเทาจนกลายเป็นเหตุที่ทำให้ดงฮันทะเลาะกับพ่อและบานปลายจนปืนลั่นไปโดนแม่ของเขา แน่นอนว่าความผิดหวังในตัวลูกชายคนเดียวทำให้พ่อเลือกที่จะปลิดชีวิตตัวเองตามแม่ไป แน่นอนว่าคดีจบด้วยการที่พ่อฆ่าแม่และฆ่าตัวเองตายด้วยฝีมือของโนแทฮยอน
"ผมแค่อยากลองกราดยิงดูซักครั้งในชีวิต"
"แล้วนายมั่นใจได้ไงว่าแขกไม่ได้รับเชิญจะไม่หักหลังเราหรือหนีกลับบ้านที่ญี่ปุ่น"
โนแทฮยอนกระซิบถามดงฮันก่อนจะเหล่มองเคนตะจากกระจกมองหลัง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเคนตะเป็นใครมาจากไหน รู้แค่ชื่อเคนตะและเป็นโสเภณีติดยาที่ติดสอยห้อยตามดงฮันมา
"หมอนั่นไม่มีบ้านให้กลับหรอก"
ดงฮันขยับแว่นตากันแดดเล็กน้อยเมื่อด้านหน้าของพวกเขาคือป้ายบอกทางสู่สนามบิน ก่อนที่รถจะเลี้ยวไปตามเส้นทางที่ระบุว่าเป็นลาดจอดเครื่องบินส่วนตัว
"ฉันจัดการเรื่องประวัติให้หมดทุกอย่างแล้ว ตอนนี้คิมดงฮันมีสถานะเป็นคนตายสำหรับทางการ คดีของแม่นายก็ถูกปิดแล้ว นายจะทำอะไรหลังจากนี้ก็คือ INvisible หรือไม่มีตัวตน ฉันลงทุนขนาดนี้แล้วหวังว่านายจะไม่ทำกิจการที่อเมริกาใต้ของฉันพังหรอกนะ"
โนแทฮยอนพูดอย่ารีบๆก่อนจะส่งพาสปอตปลอมและเอกสารต่างๆให้ทั้งสองคน
"จำไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คิมดงฮันตายไปแล้วและโนแทฮยอนคือตำรวจที่แสนดีไม่เคยยุ่งเกี่ยวกิจการสีเทาใดๆ"
ยิ้มอย่างร้ายกาจให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ประตูเครื่องบินจะถูกปิดลง แทฮยอนยืนโบกมือให้ทั้งสองคนจากด้านหน้าโรงเก็บเครื่องบิน
ดงฮันมองแทฮยอนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและแทฮยอนจะตายไปพร้อมกับดงฮันคนเดิม ประโยคเรียบง่ายแต่มีน้ำเสียสดใสที่สุดเท่าที่เคนตะเคยได้ยินจากดงฮันถูกเอ่ยขึ้นเมื่อเครื่องบิน Take off
"ยินดีต้อนรับกลับบ้าน"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in