เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
จิปาถะtubtimptt
hot pink
  • มีคำกล่าวที่ว่า อย่ามองคนที่ภายนอกหลักใหญ่ใจความของมันก็แค่เพียงการบอกว่าเราไม่ควรมองคนที่หน้าตา แต่มองกันที่ลึกกว่านั้นอย่างหัวใจที่ซ่อยอยู่ภายใน แต่มนุษย์ตัวจ้อยอย่างพวกเราที่มีสองตาไว้แลกายเนื้อเป็นอย่างแรกนั้น

     

    การมองที่รูปลักษณ์จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คนนั้นแต่งตัวดีน่าคบหา คนนู้นแต่งตัวเว่อร์เหมือนกับจะไปเดินแบบ

     

    เรื่องราวต่างๆก็มีจุดขัดแย้งอยู่ตลอดนั่นแหละ โลกของเราก็เป็นซะแบบนี้ มีทั้งเรื่องที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทิศตรงข้ามกัน

    โลกที่หลากหลายน่ะ งดงามจะตาย

     

    ซองอูสะบัดผมดำยาวไปด้านหลังเมื่อเส้นผมสีดำสนิทปลิวตามลมจนเข้าหน้า ได้กลิ่นน้ำหอมที่เพิ่งซื้อมาแล้วรู้สึกชื่นใจแม้ว่าราคาของมันจะทำให้ปวดใจก็ตาม

     

    ขอโทษนะครับ

     

    ผมเหลือบตาขึ้นมอง ผู้ชายตรงหน้าเป็นเด็กผู้ชายที่ใส่ชุดนักเรียนมัธยมเอกชนแถวนี้ พอสแกนใบหน้าขึ้นลงอยู่สองสามรอบแล้วดูไม่ต่างไปจากในความทรงจำที่ผ่านมา ความหนักอกหนักใจก็ถาโถมเข้ามาระลอกใหญ่

     

    พี่ไม่ว่างคุยด้วยหรอกนะ

     

    ผมตอบ กอดอกมองคนตรงหน้าที่กำลังเกาคอไปมาด้วยท่าทีเขินๆ เป็นท่าที่ผมเห็นมันมาตลอดสามวันอีกเช่นกัน ผมเดาได้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังจะพูดอะไรออกมา

     

    แต่ว่าผมชอบพี่จริงๆนะครับ พี่ก็แค่รับผมไปพิจารณา…”

     

    ผมไม่ได้ฟังแล้ว สายตาเหลือบไปเห็นเด็กผู้ชายที่อยู่ข้างหลัง ใบหน้าที่ดูไม่ต่างไปจากเด็กมัธยมคนอื่นๆ เพียงแต่ใส่เสื้อแขนยาวกับกางเกงขาสั้น

    ผมมองเด็กคนนั้นอยู่สองสามรอบ เดินชนคนที่กำลังพูดอะไรไม่รู้ที่มีใจความเดิมๆคือขอความรักจากผมไปแล้วคว้าเด็กคนนั้นมาคล้องแขน

     

    อื้อหือ กล้ามแน่นจังเด็กสมัยนี้

     

    คีย์ผมเรียกคนที่ยืนงงและสับสนกับท่าทีของผมที่จู่ๆก็เดินชนเขาเพื่อไปกอดแขนกับผู้ชายอีกคนทั้งที่เขากำลังสารภาพรักผมอยู่พี่มีแฟนแล้ว ที่พี่บอกว่าไม่ชอบเด็กนั่นก็เพราะว่าพี่ไม่อยากทำร้ายจิตใจคีย์ ถึงยังไงคีย์ก็เป็นน้องชายของเพื่อนพี่ แต่คีย์ก็เอาแต่..ขอโทษนะ ตามตื๊อ พี่กลัวว่าแฟนพี่จะเข้าใจผิด เพราะฉะนั้นผมหันไปลูบหัวไหล่แน่นๆของเด็กที่ยืนนิ่งให้ผมเกาะคีย์เข้าใจพี่เถอะนะ

     

    ช้อนตา ส่งสายตาอ้อนวอน!

     

    ปิดจ๊อบ!!

     

     

    ……

     

     

    คุณเอาผมไปเป็นข้ออ้างอีกแล้วเสียงทุ้มๆดังขึ้นข้างหู ผมทำเป็นไม่ได้ยิน ใช้แก้มถูไถต้นแขนเขาไปมาเหมือนแมวอ้อนไม่ต้องมาดัดจริตเลย พอรู้ว่าพี่เป็นผู้ชาย ผมก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก

     

    โหดกับพี่สาวตัวน้อยได้ยังไงกันผมปล่อยแขนเขา หันหลังมาก้มหน้าจนวิกผมสีดำยาวปิดหน้า ใช้มือแตะที่หัวตาเบาๆทำเสียงสะอื้นเมื่อก่อนยังเรียกพี่ซีคนสวยอย่างนั้น พี่ซีคนสวยอย่างนี้”

     

    คนสวยนั่นคุณเรียกตัวเองนะ ผมจำไม่เห็นได้ว่าเคยเรียกอะไรแบบนั้นด้วย”

     

    เคี้ยวยากจังเลย คนหนุ่มสมัยนี้นี่ใจแข็ง

    ผมทำหน้าเซ็งไปแวบหนึ่งก่อนจะทำเป็นสะอึกวะอื้นหนักกว่าเก่า บีบเสียงให้เล็กเข้าไว้ เตรียมสะบัดหน้าไปตัดพ้อใน

    สาม

    สอง

    หนึ่ง

    อ้าว

     

    บริเวณด้านหน้าของผมว่างเปล่า และเพราะเป็นลานกว้างหน้าห้างสรรพสินค้าทำให้มีผู้คนผ่านไปผ่านมาอยู่ตลอด ผมเหลียวซ้ายแลขวาอยู่สองสามครั้งถึงจะเห็นเด็กผู้ชายผมดำไหล่กว้างท่ามกลางฝูงชน

     

    ทิ้งกันเฉยเลยเด็กนี่ อะไรวะ

     

    ผมจับชายกระโปรงขึ้นมา ใช้หางตาดูความเรียบร้อยของเรียวขากับข้อเท้า ก่อนจะจ้ำอ้าวเดินตามเด็กหน้าตายนั่นไป

    ผมไม่ได้กุเรื่องนะ เด็กนั่นน่ะ เคยตามผมต้อยๆด้วยสายตาที่ไม่ต่างจากเด็กคีย์นั่น เรียกพี่ซีๆยังกับเพลงที่กรอซ้ำ

    และใช่

     

    นั่นมันก่อนหน้าที่เขาจะรู้ว่าผมไม่ได้เป็นสาวสวยในฝันของเขา ไม่ๆ ผมเป็นคนสวย เพียงแต่ไม่ใช่สาว

     

    โอเค ยอมรับแบบตรงไปตรงมา

     

    ผมเป็นผู้ชายที่ชอบแต่งหญิง

     

    ทั้งวิกผมสีดำตรงยาวงานละเอียดเหมือนผมคนจริงๆ ใบหน้าที่แต่งหน้ามาจัดเต็มภายในเวลาครึ่งชั่วโมงอย่างชำนิชำนาญ ชุดกระโปรงยาวลายดอกไม้เล็กๆน่ารักกรอมเท้าและรองเท้าหุ้มข้อสีดำส้นเตี้ย

     

    วันนี้แต่งตามสีมงคลน่ะ วงการนี้นี่มันเข้าง่ายออกยากซะจริง แต่เอ้อ ดูเหมือนจะไม่เกี่ยว

     

    ย้ำอีกที

     

    ผมเป็นผู้ชายที่ชอบแต่งหญิงไม่ใช่ผู้ชายข้ามเพศ คุณควรจำเอาไว้

     

     

    แต่อืม ผมเป็นเกย์

    ข้อนี้ก็สำคัญนะ เพราะมันเกี่ยวข้องกับเด็กผู้ชายหน้าเหมือนหมีพูห์หุ่นเเซ่บเหมือนกัปตันเมกาคนนั้นแหละ

    …….

     

     

     

     

    ผมชื่อซี เป็นลูกชายคนเล็กของบ้านที่มีพี่ชายหัวดื้ออีกสองคน และแน่นอนว่างานอดิเรกที่คนสมัยนี้ชอบทำให้เป็นเรื่องที่เข้าใจยากนั้น ทั้งสองคนนั้นรู้หมด แต่กว่าจะยอมรับได้ก็หนักเอาเรื่องอยู่

     

    สองคนนั้นไม่คุยกับผมสองอาทิตย์ ผมหมายถึงพวกเขาไม่คุยกับผมสองวัน ผมเลยหนีออกมาจากบ้าน มาอยู่บ้านเพื่อนสนิทอีกอาทิตย์กว่าๆให้พวกเขาเป็นห่วงเล่นๆ

     

    นั่นแหละ ระหว่างที่ผมหายไปกับยอมรับรสนิยมของผมให้ได้ พวกเขาเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว ผมรู้ดีกว่าใคร

     

    ส่วนพ่อกับแม่ใช่ชีวิตวัยเกษียณที่ต่างประเทศ เวลาผมไปหาก็เป็นไอ้ซี ลูกชายคนสุดท้องเหมือนเดิมก็เท่านั้น

    พวกเขาไม่รู้ว่าจู่ๆก็มีซี คนที่เป็นน้องสาวและลูกสาวคนสุดท้องโผล่ขึ้นมาเฉยๆ

     

    ถึงนายจะหนีพี่ยังไง เราก็ต้องกลับด้วยกันอยู่ดี ถูกมั้ย

     

    ผมว่าพลางแอบกระชับมือรอบเอวสอบให้แน่นขึ้น สบตากับเด็กที่ยังปั้นหน้าเป็นรูปปั้นแม้แต่ตอนที่ผมแอบลูบซิกแพคเขาขึ้นๆลงๆแบบนี้

     

    ถ้าคุณไม่หยุดลูบ พรุ่งนี้ก็มาทำงานเองเลยนะ

     

    นั่นแหละ ผมถึงได้หยุด

     

    เดือนนี้เหลืออีกสิบห้าวัน และผมดันใช้เงินไปกับเครื่องสำอางและเสื้อผ้าต่างๆเกือบหมดแล้ว แถมช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงประท้วงทุบหม้อข้าวคืนบัตรเครดิตให้พี่ๆไปเพราะพวกนั้นดันเอาเครื่องสำอางของผมที่บ้านไปทิ้ง

     

    เพื่อนมีไว้ในยามลำบาก

     

    ผมเลยหอบตัวเองมาอยู่บ้านไอ้ภีม เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยโรงเรียนประจำ ให้มันดูแลให้ข้าวให้น้ำกินของฟรีไม่ขาด แม้ว่ามันจะขี้บ่นเหมือนเกิดมาก็ถูกตั้งโปรแกรมให้บ่นทุกคนบนโลกนี้ก็เถอะ แต่มันก็ยังให้น้องชาย ภูมิ มารับมาส่งผมไปทำงาน

     

    ตอนแรกผมแต่งหญิงตลอดเวลา แสดงท่าทีเหมือนผู้หญิงตามที่เคยชินเวลาอยู่กับคนอื่น ยกเว้นตอนอยู่ในห้อง หรือวันที่ผมเกิดอยากจะเป็นผู้ชายอะไรแบบนั้น(ซึ่งยังไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น)ทำให้เด็กภูมินี่หลงสเน่ห์ผมเอาซะงั้น

     

    ผมไม่ชอบเด็ก

     

    นั่นล่ะเหตุผลที่ผมปฏิเสธเขา เหตุผลรองกว่านั้นก็คือเด็กนี่ในตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเป็นผู้ชาย ทั้งที่ผมกับไอ้ภีมคุยกันเรื่องที่โรงเรียนประจำบ่อยจะตาย

     

    ใจร้ายอะ

     

    เลิกบีบเสียงเล็กเสียงน้อยซักที

     

    เด็กนั่นทำตาดุใส่ผมผ่านกระจกรถก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวหลังจากที่ติดไฟแดงอยู่ระยะหนึ่ง

     

    นั่นแหละ

     

    ผมติดนิสัยบีบเสียงเล็ก แทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ภูมิเลยรู้ตัวช้าไปซะหน่อย เพราะกว่าที่เขาจะรู้ก็ผ่านไปเกือบอาทิตย์ และเขาดันเจอผมนุ่งผ้าขนหยูผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำไอ้ภีมเพราะห้องน้ำห้องผมดันใช้ไม่ได้

    เรื่องวันนั้นน่ะเหรอ

    จบลงที่เขายืนตาค้างและผมเดินไปหยิบขนมปังในมือเขาแล้วเดินกินหน้าตาเฉย

    เจ็บปวดไปหน่อยสำหรับเด็กวัยรุ่น แต่นี่แหละ จุดเริ่มต้นของชีวิตวัยรุ่น เจอเรื่องบัดซบ…เอ่อ เรื่องผิดหวังเดี๋ยวก็เติบโตเอง!

    หลังจากถึงบ้านเราสองคนก็แยกย้ายเข้าห้องใครห้องมัน นี่แหละ ความสัมพันธ์ที่ควรจะเป็นล่ะ

    ……

    ผมเป็นเกย์ บอกไปรึยัง

    บอกแล้วเนอะ

    ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ใช่ว่าเราจะมองผู้ชายทุกคนที่เดินเข้ามา แต่ก็มีบางครั้งที่เราจะหันหลังไปมองคนที่ผ่านไปแล้ว

    ใช่

    เด็กภูมิที่กำลังวิดพื้นด้วยท่าทีขยันขันแข็งพร้อมกับเปลือยท่อนบน ท่อนล่างใส่กางเกงกีฬาสีเทา ภาพพวกนี้มันดึงความสนใจผมจากจอทีวีเป็นอย่างมาก

    ความจริงเด็กนี่โคตรของโคตรของโคตรของโคตรตรงสเป็คผม

    และความจริงที่ว่าไอ้ภีม พี่ชายมันที่ต่อหน้าทำเป็นเบื่อขี้หน้าน้องก็ดันหวงน้องเข้าไส้

    ห้ามมึงยุ่งกับไอ้ภูมินั่นแหละ เสียงมันดังอยู่ในหัวทุกครั้งที่ผมใช้สกิลหางตามองกล้ามเนื้อแน่นๆที่ขยับทุกครั้งที่เด็กนั่นเคลื่อนไหว

    น่าจะแน่นโคตรๆ

    ห้ามมึงยุ่งกับไอ้ภูมิ

    เด็กนี่ใจคอจะวิดอยู่อย่างนั้นรึไง

    ห้ามมึงยุ่งกับไอ้ภูมิ

    ไปวิดพื้นไกลๆได้มั้ย

    ห้ามมึงยุ่ง..’

    มึงก็หยุดพูดในหัวกูซักที!

    ….

     

     

    นั่นแหละ

     

    ปัญหา

     

    ผมไม่ได้ชอบเด็กแต่ถ้าตัดอายุออกก็ดันตรงสเป็คแบบไม่น่าให้อภัย

     

    วันนี้ผมใส่เสื้อยืดสีขาวที่ตัวใหญ่จนปิดไปถึงเข่า ใส่ถุงน่องสีชมพูช็อกกิ้งพิงค์กับรองเท้าส้นสูงสีน้ำเงิน

    นั่นแหละ ก่อนออกจากบ้าน เด็กหน้าตายนั่นใช้สายตาบอกผมได้ว่า

    แต่งตัวบ้าอะไร

    เรื่องของผมน่ะ

    ผมทำงานที่ร้านกาแฟหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีโรงเรียนอยู่ไม่ไกลทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น มีบ้างที่เป็นคนในหมู่บ้าน ที่เลือกที่นี่ก็เพราะว่าเขาไม่มีปัญหากับการแต่งตัวของผมและรสนิยมของผมด้วย

    ถึงจะถูกว่าเรื่องสีสันที่โดดออกจากสีเทาสีน้ำเงินสีประจำร้านไปหน่อยก็เถอะ

    แต่วันนี้ผมใส่สีน้ำเงินมาหนึ่งอย่าง หวังว่าเขาจะอ่อนโยนกับผมนะ

    …..

     

    วันนี้เด็กภูมิอารมณ์ไม่ค่อยดี หลังจากที่ผมแมสเสจไปบอกเขาว่าถูกลูกค้าหน้าใหม่ลวนลามจับที่ต้นขา ใส่สีตีไข่ไปสองสามอย่างเรียกร้องความสนใจ เด็กผู้ชายตัวสูงในเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินกางเกงขายาวก็มานั่งเฝ้าที่ร้านก่อนผมจะเลิกงานซะอีกเป็นเด็กดีดูแลตามคำสั่งพี่ชายอย่างไอ้ภีมนั่นแหละ

    ไม่งั้นเด็กนี่ที่หลังจากที่ผมเปิดเผยเรื่องเป็นผู้ชายแล้วชอบทำหน้าตายใส่อยู่ตลอดเวลาจะแล่นมาหาผมทำไม

     

    เด็กภูมินั่งอยู่อย่างนั้นจนร้านปิด

     

    หลังจากเก็บร้านจนเสร็จแล้วเราสองคนก็ออกมากินข้าวด้วยกันผมคืนเสื้อแขนยาวที่เขาให้ผมมาใช้ปิดขาตอนนั่งมอเตอร์ไซค์ลูกรักของภูมิแต่เด็กนี่กลับไม่ยอมรับมันกลับ ใช้สายตาบังคับให้ผมยอมใส่มันทับเสื้อสีขาวนี่ด้วย

    ผมกลอกตาแต่ไม่ใส่ เอามาผูกเอวแทน พอมองหน้าเด็กที่อายุน้อยกว่าเกือบสิบปีที่ฉายแววพอใจออกมาก็โล่งอกว่าแต่ผมจะกลัวมันทำไม นี่มันเด็ก เด็กกกกกกกกกกกกกกกกก

    “จะกลอกตาให้ตาดำกลับเข้าไปข้างในรึไง ผมไปกินข้าวก่อนนะ หิว”

    แถมยังเป็นเด็กปากเสียด้วย

     

     

    ซูชิเจ้าดังที่พูดยี่ห้อไปใครๆก็รู้จักแต่ผมไม่พูดมันจะดีกว่าถูกขนเข้ากระเพาะจนหมด ของฟรีซีชอบ ของฟรีซีรักส่วนความละอายใจที่ให้เด็กอายุสิบแปดเลี้ยงข้าวน่ะ ผมก็กลืนมันลงไปพร้อมกับซูชินั่นแหละช่วยไม่ได้ ตอนนี้ถังแตก

    “อยากได้ลิปใหม่”

    นั่นคือคำที่ผมพูดหลังกินเสร็จ

    และปัจจุบัน ผมกำลังลองลิปกว่าสามสิบแปดล้านเฉดสี สีนู้นก็สวยสีนั้นก็สวยหันไปเห็นเด็กภูมิยืนมึนอยู่ข้างๆเลยส่งจูบให้ซักหน่อยจะได้ไม่เฉา ไม่เอานะเดี๋ยวพี่สาวเล่นเป็นเพื่อน

    “ผมจำได้ว่าสีนี้คุณมีแล้วนะ”

    มีแล้วมีอีก ใครจะทำไม!!!

    “ก็มันสวยอะ”

    ผมทำเสียงเล็กเสียงน้อยแหย่ภูมิ เชิดหน้าทำปากจู๋ใส่จนภูมิถอนหายใจและก่อนที่ผมจะหันไปเช็ดลิปออกมือใหญ่ๆของคนที่ยืนอยู่ข้างๆก็จับคางผมไว้ใช้นิ้วโป้งที่ใหญ่ยังกับนิ้วมันม่วงปาดลงบนปากผม

    อยากอุทานอะไรซักอย่างหรือไม่ก็เล่นมุขอะไรก็ได้ แต่ผมนึกไม่ทัน

    “เอาสีนี้ เหมาะกับถุงน่องสีแสบตาคุณด้วย”

    โดนเด็กเอานิ้วเช็ดลิปให้ยังไม่พอ ลิปสีอะไรไม่รู้ก็ถูกทาให้อย่างบรรจงเพราะส่วนสูงผมน้อยกว่า การใส่ส้นสูงที่ส้นไม่สูงจนเว่อร์ทำให้ตอนนี้ใบหน้าเราใกล้กันกว่าที่คิดผมนับขนตาเขาได้ด้วยซ้ำตอนนี้

    ผมถูกปล่อยในสภาพมึนงง มองแผ่นหลังกว้างใต้เชิ้ตสีน้ำเงินเดินไปจ่ายเงินให้ผมลิปสีที่ภูมิทาให้ บ้าชัดๆ ถูกเด็กมันเล่นจนหน้าร้อน ริมฝีปากร้อนผ่าวเพราะนึกถึงนิ้วที่ปาดไปมา

    “นี่สีอะไร ทาสีอะไรเนี่ย”

    ผมโวยวายกลบเกลื่อนความผิดปกติที่เกิดขึ้น แต่เด็กนั่นก็ไม่ตอบจูงมือผมเดินไปที่ลานจอดรถแบบไม่สนใจอะไรใครที่มองมา อาการเขินชักจะปลิวหายไปตามลมและความอยากเอาคืนก็พุ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ

    ยิ่งสบตากับภูมิผ่านกระจกรถผมก็ยิ่งหงุดหงิด มันมีสีหน้าเหมือนผู้ชนะรู้ทันอยู่ในนั้นผสมปนเปกัน

    ผมกลายเป็นคนที่ทำอะไรไม่ถูกเพราะการกระทำของเขา

     

    ภูมิเดินนำตอนเข้าบ้านผมมองแผ่นหลังของเขาที่อยู่ข้างหน้าด้วยอารมณ์อยากจะทุบเขาซักทีให้หายโมโห พอนึกถึงลิปที่ทาแล้วก็นึกอะไรออกขึ้นมา

    “นี่”

    ผมเรียกตอนที่เขากำลังบิดกุญแจเข้าบ้านพุ่งเข้าไปใช้ริมฝีปากประทับข้างแก้มเขาทั้งสองข้าง ก่อนจะถอยออกมาดูผลงานตัวเอง

    hot pink

    hot pink?

    ภูมิกลอกตาที่ผมแกล้งเขาแล้วยอมพูดชื่อสีออกมา สีชมพูเด่นบนข้างแก้มทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยแต่จะดีกว่านี้ถ้าจะมีสีชมพูอีกที่หนึ่ง

    “คุณไม่เหมาะกับสีชมพูหวานๆหรอก คุณมันตัวแสบ”

    ภูมิว่าก่อนจะใช้หลังดันประตูบ้านเพราะว่ามือทั้งสองข้างของเขาเกี่ยวเอวผมเอาไว้พร้อมกับลากเข้าบ้านไปพร้อมกันผมเบะปากใส่ คล้องคอหนาเอาไว้แล้วปล่อยให้ตัวเองถูกชักนำ

    เด็กนี่ร้ายจะตาย อ่อยผมหน้าใสมาตลอดทำไมผมจะไม่รู้ หึ!

    “แสบอะไร”

    “คุณใช้วิธีบอกผมถึงตัวตนของคุณโคตรโหด ถ้าผมรับไม่ได้ขึ้นมาจะทำยังไง”

    “รับไม่ได้คือ?”

    “ถ้าผมชอบผู้หญิงล่ะ ถ้าผมเกลียดคุณขึ้นมาล่ะ”

    “ก็ปล้ำ ปล้ำก่อนค่อยบอกไอ้ภีมทีหลัง ง่ายจะตาย”

    ภูมิหัวเราะ ผมยื่นหน้าไปจูบเขาตอนที่กำลังหัวเราะนั่นแหละ เขาไม่มีทางเกลียดผมหรอกสำหรับรสนิยมหลากหลายที่ผมรู้มาโดยบังเอิญเพราะเด็กนี่ดันนอนกับรุ่นน้องผมน่ะโคตรเป็นหลักประกันเขาไม่มีทางเลิกชอบผมเพียงเพราะผมเป็นผู้ชายแต่งหญิงหรอก

    “โคตรตัวแสบ”

    ผมหัวเราะหลังจากได้ยินคำนั้น มองริมฝีปากของภูมิที่มีลิปสีฮอตพิงค์อยู่บนนั้นแล้วรู้สึกเหมือนชนะขึ้นมายังไงยังงั้นลิปสีนี้คงจะเป็นสีโปรดของผมไปซักพักเลย

     

     

     

     

     

     

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in