เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Kat-san DIARY 3 - TOURIST GUIDEVuttiphong Mahasamut
DAY 1 - The Hidden Mountain




  • จุดมุ่งหมายแรกของการเดินทางครั้งนี้ คือการไปชมภูเขาไฟฟูจิที่คาวากูจิโกะ (Kawaguchi-ko)
    ซึ่งเป็นทะเลสาบยอดนิยมสำหรับการชมวิวภูเขาไฟฟูจิแบบใกล้ๆ แผนของเราคือ ทันทีที่ลงจากเครื่องที่สนามบินNarita  เราก็จะนั่งรถบัสมุ่งตรงไปที่สถานี Kawaguchiko (ซึ่งได้ซื้อตั๋วเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว) 
    เพื่อรีบเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องพัก และจะได้ใช้เวลาในช่วงสาย-เย็น เดินเที่ยวในบริเวณใกล้ๆ





     ในระหว่างทางคนขับหยุดพักหนึ่งจุด มีเวลา 15 นาทีในการออกไปเดินเล่น 


    ที่จุดพักรถมีร้านค้าและร้านสะดวกซื้อให้แวะ


    Kat-san MUST HAVE item - 01  : Alumi Ice Cream Spoon เธอบอกว่าเมื่อนำมากินไอศครีมจะทำให้มันอร่อยยิ่งขึ้น!!!


    กลับขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าไปต่อ


    ทิวทัศน์สองข้างทางเริ่มเปลี่ยนมาเป็นวิวของภูเขาที่มีต้นไม้สีเขียวขึ้นจนเต็ม และสายฝนก็เริ่มโปรยลงมา






  • Raindrops & Mountain Mist 

    Kat-san outfit of the day: เสื้อยืดNASA, Worker Jumpsuit w/ Iron Press Crystals (คริสตัลส์ติดเองด้วยมือ(ใช้วิธีรีด)), เสื้อกันฝนZara, ร่ม(ยืมมาจากโรงแรม), กระเป๋าคาด "Tourist" โดย Q Design and Play, รองเท้ายางหุ้มข้อZara Kid (มีคู่เดียวใส่ทั้งทริป)

    พอฝนเริ่มตกลงมา ภูเขาไฟฟูจิก็ดูเหมือนว่าจะหลบฝนอยู่เหมือนกัน ที่ดูร่าเริงสดใสคือพื้นดินกับต้นไม้ ที่มีสีสันและดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา ทันทีที่เก็บกระเป๋าเสร็จก็เกือบเย็น แต่เรายังมีเป้าหมายอีกหลายทีๆต้องไปในวันนี้ ที่แรกคือ... 





     Herb Hall พิพิธภัณฑ์สมุนไพร



    นอกจากวิวที่สวยงามแล้ว บริเวณนี้ยังขึ้นชื่อว่ามีดอกไม้และสมุนไพรธรรมชาติขึ้นอยู่อย่างมากมาย ร้านนี้จึงมีเครื่องหอม เครื่องสำอางค์ ของใช้ ของฝากต่างๆที่นำเอาสมุนไพร เช่น ลาเวนเดอร์ มาผสมด้วย แต่ไฮไลท์ของการมาที่นี้ของเธอคือการมากิน.. เมื่อเดินทะลุร้านไปด้านหลัง จะพบกับร้านขายไอศครีมในตำนาน Cafe Greenhouse เป้าหมายที่แคท-ซังปักหมุดเอาไว้แล้ว

    SIGNATURE: Soft Cream Lavender!! 450 Yen.







    ภาพบรรยากาศเมื่อมองจากหลังร้าน



  • ข้าวมื้อเย็นย้อนยุค


    หลังจากนั้นพวกเราก็เดินเล่นไปตามทาง ฝนตกลงอย่างอย่างต่อเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด รองเท้าของทุกคนเริ่มเปียก (ยกเว้นของKat-san) 





    อากาศเริ่มเย็นลงและทุกคนเริ่มมีอากาศหิวข้าว แคท-ซังจึงเสนอรายการอาหารดินเนอร์ปิดท้ายวัน


    Sanrokuen

    เป็นร้านปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ คือ ตรงที่นั้งจะมีหลุมขนาดใหญ่เพื่อใส่ถ่านและวางตะแกรงสำหรับเสียบไม้ปิ้ง อาหารจะถูกเสิร์ฟมาในรูปแบบเสียบไม้ มีทั้งหมู เนื้อ ไก่ ผัก ไปจนถึงอาหารทะเล (มีอาหารประเภทต้มๆด้วยจะเสิร์ฟใส่หม้อมาต่างหาก) ทีเด็ดของร้านนี้คือน้ำจิ้มที่(ตามที่เจ้าของร้านบอกมา แกพูดภาษาไทยได้ด้วยนะ!!) มีวิธีจิ้มแตกต่างกันตามสิ่งที่กิน ถ้าเป็นอาหารทะเลจะไม่ต้องจิ้มซอส (แกคงอยากให้ลิ้มรสชาติสดๆของอาหารทะเลโดยไม่โดนรสน้ำจิ้มกลบ) แต่ถ้าเป็นเนื้อให้นำไปปิ้งสักแปปนึงก่อนค่อยนำมาจิ้มแล้วก็นำไปปิ้งอีกรอบ ส่วนผักก็จุ่มจิ้มปิ้งกันตามสบาย พอลองทำตามแกบอกก็อร่อยดี 





    อุปกรณ์ประหลาดที่เป็นไม้2อัน อันข้างๆขวดซอสเป็นที่ใส่ไม้จิ้มฟัน ส่วนอันที่มีจุกคือ พริกป่น (ต้องเปิดจุกออกแล้วเท)

    ซอสเขาเด็ดมากเลย!!! โถขนาดใหญ่เพื่อให้จุ่มลงไปได้ (ปลาทั้งตัวก็จุ่มทีเดียวเลย)

    ต้องใส่ถุงมือปิ้ง(เขาให้มา)



    จบวันไปด้วยความอิ่ม คะแนนเต็มสิบ ให้ 9 คะแนน อาหารสดใหม่มากโดยเฉพาะปลา เนื้อเด้ง-มัน-หอม ส่วนเนื้อและผักอื่นๆก็อร่อยเพราะน้ำจิ้มนี้จิ้มกับอะไรก็เข้ากันมาก บรรยากาศร้านมีเสน่ห์และพนักงานเป็นมิตร ถึงราคาจะค่อยข้างไม่ถูก(ต้องสั่งอาหารเหมาเป็นSETใหญ่) แต่เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ

    เดินฝ่าสายฝนปรอยๆกลับเช่นเคย อากาศรอบๆเริ่มเย็นลง ฟ้ามืดสนิท แสงไฟตามเสามีประปราย บรรยากาศเหมือนกำลังเข้าค่ายพักแรม เดินเรียงแถวกันลาดตระเวน บทสนทนาและเสียงหัวเราะมีเป็นระยะๆ ระหว่างทาง อยู่ดีๆ มีคนฮัมเพลง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in