"กลิ่น" มักเป็นที่จดจำได้ดีเสมอๆ ฉันจำกลิ่นได้ว่ามันเป็นกลิ่นของมูลสัตว์ที่มีขนนุ่มปุกปุยน่ารักที่มีนิสัยเอาแต่ใจ ใช่มันคือกลิ่นฉี่แมวหรือไม่ก็อึของมัน บ้านหลังแรกของฉันเลี้ยงแมวพันธุ์อะไรก็จำไม่ได้ อีกกลิ่นที่จำขึ้นใจคือกลิ่นยาหม่องที่จะโชยมาจากห้องนอนชั้น 2 และบ้านหลังนี้มันคือบ้านของอากงอาม่าตั้งอยู่ติดถนนใหญ่เส้นลาดพร้าวที่ผู้คนกล่าวขานกันว่าไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนรถก็ติดมาก ติดบรรลัยมาจนถึงทุกวันนี้
บ้านหลังนี้อยู่กันหลายคนเป็นครอบครัวใหญ่เป็นญาติทางฝ่ายพ่อที่เป็นเชื้อสายจีนนั้นแหละ อากง อาม่า อาโกว อาอี๋ อาแปะ อาเจ็ก ลูกหลาน ก็ร่วมกันอยู่ที่นี่ บ้านเป็นตึกแถว 4 ชั้น ติดๆกัน ครอบครัวทางฝ่ายพ่อก็ทำมาค้าขายกัน บางก็เป็นข้าราชการ แต่ที่หน้าบ้านเราเปิดเป็นร้านอิเล็กทรอนิกเล็กๆ ทำเครื่องเสียงรถยนต์ สมัยนั้นเป็นที่โด่งดังกันพอสมควร ตอนเย็นอากงกลับจากงานจะมีไอศกรีมแท่งเล็กๆมาฝากเสมอ
ข้างๆ บ้านเป็นอู่ซ่อมรถของญาติซึ่งก็จำไม่ได้แล้วว่าเป็นญาติฝ่ายไหน และ โรงน้ำแข็งทุกเช้าเราจะได้ยินเสียงเครื่องทำน้ำแข็ง เสียงเขาทุบผ่าแบ่งน้ำแข็ง และเสียงคนขนน้ำแข็งขึ้นกระบะ บางวันฉันก็เอาหน้าไปแนบกับฝากำแพงบ้านรับเอาไอเย็นมาในบางที ข้างหลังบ้านจะมีซอยเล็กๆ ซึ่งประตูหลังบ้านเราจะเปิดออกไปเล่นบนถนนในซอยเล็กๆนั้นได้
ตอนเด็กๆ จำได้ว่าถ้าเดินเข้าไปในซอยนั้นลึกๆ แล้วหมามันดุมาก แค่เดินผ่านมันก็เห่าเอาแล้ว วันไหนที่เจ้าของบ้านพามันออกเดินเล่นนะเป็นอันว่าวันนั้นพวกเราก็จะได้เล่นอยู่แค่หน้าซอยนั้นแหละไม่มีใครกล้าเดินเข้าไปสักคนเดียว เพราะมันจะเห่าไล่เอาโล่กันเลยทีเดียว
การอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ทำให้เราจะต้องพึ่งพาอาศัยกัน ทะเลาะกันบ้าง ดีกันบ้างปะปนกันไป สุดท้ายมันก็เป็นครอบครัวเดียวกันอยู่ดีตัดขาดกันไปไม่ได้ เด็กจะได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่สุดท้ายมันก็จะเริ่มและบ่มเพาะมาจากคนในครอบครัวมาจากผู้ใหญ่ที่คอยเฝ้าสอนกันมา
บนถนนเส้นนี้ไม่เคยสงบแม้เวลากลางคืนรถวิ่งผ่านไปผ่านมาตลอดเวลา
แต่พวกเราก็หลับใหลและชินกันในที่สุด
สุดท้ายก็ถึงเวลาแล้วที่บนเส้นทางชีวิตจะต้องเติบโต.....
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in