อันที่จริง ผมเริ่มหันเหความสนใจออกจากวรรณ ตั้งแต่ครั้งตัวยังไม่สูงแซงหน้าเธอ
แน่นอน สุ แป้ง และเพลิน คือ “เป้าหมายใหม่ๆ” ในห้อง 3/1 ที่สอนผมให้รู้ว่าเพื่อนผู้หญิงที่ตัวสูงกว่า แถมยังสวยและเรียนเก่งพอๆ กับวรรณ นั้นมีอยู่เยอะแยะ
ผมจึงทอดทิ้งวรรณ แล้วหันไปเล่นจุ๊กจิ๊กกับแป้ง เพลิน และเพื่อนผู้หญิงคนอื่นๆ
มีช่วงหนึ่ง เพลินเพิ่งหายป่วยจากโรคอีสุกอีใส เมื่อเธอมาถึงโรงเรียน ผมก็ปรี่เข้าไปหยอกล้อ และพลั้งมือสะกิดถูกบาดแผลบนหน้าของเพลินที่ยังไม่แห้งหายสนิท
เพลินจึงมีรอยแผลเป็นเล็กๆ บริเวณใต้ตาซ้าย เพราะความซุกซนของผม
ยิ่งกว่านั้น ตอน ป.3 ผมยังถูกจับไปนั่งคู่กับสุตลอดทั้งสองเทอม เราจึงได้พูดคุยฉันมิตรและทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่สม่ำเสมอ
สำหรับผม สุเริ่มเข้ามาแทนที่วรรณในหลายๆ ด้าน ยกเว้นเรื่องสำคัญข้อหนึ่ง
นั่นคือ ผมไม่กล้าท้าวัดส่วนสูงกับสุ เหมือนที่เคยท้าทายวรรณสมัย ป.2 เพราะรู้ดีว่าถ้าขืนท้าไป ก็ต้องพ่ายแพ้กลับมา
แต่ใช่ว่าผมจะไม่เคยคิดเรื่องนี้ในใจ
ครั้งหนึ่ง ผมถึงขั้นแอบไปปรึกษาคุณครูประจำชั้นว่าเมื่อไหร่ตนเองถึงจะตัวสูงเท่าๆ สุ?
ครูให้คำตอบมาว่า “เดี๋ยวอีก 4-5 ปี เด็กผู้หญิงเค้าก็จะเริ่มหยุดสูงกันแล้วลูก แต่พวกผู้ชายสูงได้ถึงอายุ 20 หนูจะไปแซงพวกเค้าตอนโตโน่นแหละ”
ช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนก่อนขึ้น ป.4 ผมลองนั่งไล่ส่วนสูงของเพื่อนๆ ร่วมชั้น ก่อนจะพบว่าจากนักเรียนทั้งหมด 93 คนในระดับชั้น ผมมีส่วนสูงอยู่ในลำดับที่เจ็ด ส่วนวรรณอยู่ลำดับที่แปด
มีคนที่สูงนำหน้าผม 6 รายได้แก่ สุ บิ๊ก แป้ง เพลิน ปอ และมิ้ง
ผมเชื่อว่าเมื่อตัวเองฉีกนำวรรณออกไปได้ 1 เซนติเมตร คงเป็นเรื่องยาก ที่เธอจะกลับมาสูงเท่าหรือสูงกว่าผม
ดังนั้น เป้าหมายที่ผมวางไว้ก็คือ ก่อนจบ ป.4 ตนเองจะต้องตัวสูงแซงพวกแป้ง เพลิน ปอ และมิ้ง ซึ่งสูงกว่าผมอยู่ 1-2 เซนติเมตร เพื่อสอดแทรกเข้าไปเป็นนักเรียนที่มีส่วนสูงระดับ “ท็อปไฟว์” ของรุ่นให้ได้!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in