เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#30daymarknodiaryofmyboys
DAY - 30 Monster : Ch. 2 End [Beautiful Disaster]
  • Title: Monster : Ch. 2 [Beautiful Disaster]

    Author: DiaryOfMyboys

    Warning:  2 Chapters




    “เจโน่! มานั่งหลบมุมอ่านหนังสืออยู่นี่เองตามหาซะทั่วโทรศัพท์ก็ไม่รับ”

    “เดี๋ยว ๆหายใจก่อนมั้ยแจมิน มาถึงก็ใส่เต็มเลยนะ”

    เจโน่เงยหน้าจากหนังสือที่โดนแจมินวาดมือตีลงมาตรงกลางเล่ม มองดูเพื่อนสนิทที่หอบหายใจเหมือนเพิ่งไปวิ่งแข่งมา มองเลยไปข้างหลังก็เห็นคู่หูแฮชานวิ่งตามมาเช่นกัน

    “แล้วนี่อ่านอะไร มันเพิ่งจะเปิดเทอมเองนะลีเจโน่ จะท็อปไปถึงไหนกัน”

    “โอ้ย บ่นไม่หยุดเลยนะแจมิน เราอ่านนิยายต่างหาก นี่พี่เวนดี้พึ่งให้ยืมมา”

    ว่าพลางจับหนังสือขึ้นมาให้เพื่อนดูหน้าปกว่าเป็นหนังสือนิยายที่ถูกพี่รหัสยัดเยียดมาให้อ่านอย่างที่ว่าจริงๆไม่ใช่หนังสือเรียนอย่างที่เข้าใจ

    “Beautiful disaster หืมนี่มันนิยายโรแมนติกหวานแหววนี่นา”

    แฮชานที่เห็นหน้าปกคุ้นตาพูดแทรกขึ้นมาบ้าง

    “อื้อ แฮชานเคยอ่านเหรอ แต่เราว่าเรื่องมันดูน้ำเน่าไปหน่อยอ่ะ นางเอกใสซื่อกับพระเอกแบดบอยสุดฮอตนี่ว่าจะเลิกอ่านละ แต่กลัวพี่เวนดี้จะโกรธอ่ะ”

    “เราไม่เคยอ่านหรอก แต่เคยเห็นน้องสาวอ่านน่ะ”

    “พอ ๆเลิกๆคุยเรื่องนิยายน้ำเน่าในหนังสือนี่ได้ละเพราะตอนนี้เราจะต้องไปเจอแบดบอยสุดฮอตตัวจริงเสียงจริงกันต่างหาก”

    แจมินรีบพูดแทรกตัดบทเรื่องหนังสือไป เอ่ยถึงเรื่องที่ทำให้ตัวเองรีบวิ่งตามหาเจโน่ตอนนี้แทน

    “หืม ใครหรอแจมิน”

    “ก็คนที่เล่าให้ฟังวันก่อนไง เด็กใหม่ปีหนึ่งที่เข้ามาปุ๊บก็ฮอตทันทีสาวๆหนุ่มๆมองตามกันเป็นแถวนั่นน่ะ”

    “แล้วทำไมเราจะต้องไปดูเค้าด้วยล่ะ ไม่เห็นจะเกี่ยวข้องอะไรกัน”

    เจโน่งงที่อยู่ๆแจมินก็กระตือรือร้นที่อยากจะเห็นคนดังคนใหม่ของมหาวิทยาลัยขึ้นมา

    “ไม่เกี่ยวไม่ได้แล้วล่ะ คุณประธานชมรมอ่านหนังสือคนใหม่ เพราะวันนี้ข่าวล่าสุดก็คือ พ่อหนุ่มฮอตนั้นบอกว่าจะมาสมัครเข้าชมรมที่เงียบเหงาที่สุดของเราน่ะสิแล้วคิดดูว่าจะมีคนแห่ตามมาสมัครกันแค่ไหนเพราะฉะนั้นตอนนี้เชิญคุณประธานรีบไปตั้งรับการจู่โจมอันล้นหลามได้แล้วล่ะนะ”

    เบิกตากว้างกับข่าวสารที่ได้รับ เจโน่เพิ่งจะได้รับตำแหน่งประธานชมรมอ่านหนังสือมาตอนขึ้นปีสามในปีนี้เอง ตอนแรกก็คิดว่ามันจะไม่หนักหนาอะไรเพราะปกติแล้วสมาชิกชมรมก็มีไม่กี่คนและส่วนใหญ่ก็เป็นพี่น้องร่วมคณะวรรณกรรมของเค้าซะมากกว่า เห็นทีคราวนี้ต้องเป็นเรื่องใหญ่ตามที่แจมินตื่นเต้นแน่ๆ

    “งั้นเรารีบไปห้องชมรมกันเถอะ”

    เก็บข้าวของเสร็จสามเพื่อนซี้ก็พากันรีบตรงดิ่งไปที่ห้องชมรมทันที

     

    .

    .

    .

    เมื่อมาถึงหน้าห้องชมรมทั้งสามคนก็ต้องตกใจกับจำนวนคนที่มายืนกันแน่นขนัดพื้นที่หน้าห้อง เจโน่เหงื่อตกขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าต้องมารับมือกับอะไรแบบนี้ ปกติเค้าไม่ค่อยชอบที่ที่คนเยอะๆอยู่แล้วมาเจอแบบนี้บอกเลยว่าอยากจะเป็นลม

    “หลีกทางครับ หลีกทางให้ประธานชมรมหน่อย อย่ายืนขวางหน้าประตูครับ”

    เป็นแฮชานที่พูดขึ้นเสียงดังให้กลุ่มคนที่มาเฝ้าอยู่เปิดทางให้และเหมือนจะได้ผลเมื่ออยู่ๆคนที่ยืนออกันอยู่เต็มพื้นที่หันมาแล้วค่อยๆแหวกออกเป็นทางให้พวกเขาสามารถเดินไปที่ประตูได้

    แต่พอเดินผ่านไปได้นิดหน่อยเจโน่ก็เอะใจว่าทำไมทุกคนรอบข้างมองเลยพวกเขาไปด้านหลัง เจโน่จึงหยุดเดินแล้วหมุนตัวกลับไป

    “อุ๊ !!”

    ไม่ทันได้ระวังพอหันกลับไปก็ชนเข้ากับกลางอกของคนที่เดินตามโดยที่ไม่รู้ตัวมาก่อน คนที่โดนชนก็ดีเหลือเกินช่วยรับเค้าไว้ในอ้อมแขนซะเต็มๆ

    “อะ ขอโท..โทษ”ดันตัวออกเงยหน้าขึ้นมาเพื่อจะขอโทษแต่ก็ต้องส่งเสียงติดขัดไปเมื่อเจอเข้ากับสายตาของคนตรงหน้า คนที่เจโน่มั่นใจว่าไม่เคยเจอกันมาก่อนแต่รู้สึกคุ้นกับสายตานั้นอย่างประหลาด

    “เฮ้ยเจโน่ เป็นไรป่าว”เป็นแฮชานที่เข้ามาขัดบรรยากาศแปลกๆที่กำลังโอบล้อมตัวเค้าอยู่

    “เอ่อ ไม่เป็นไรแฮชาน เราแค่ซุ่มซ่ามไปชนเค้าน่ะรีบไปเปิดห้องชมรมกันเถอะ”บอกพร้อมกับดันเพื่อนให้เดินไปเพราะรับรู้ถึงสายตาแข็งกร้าวแปลก ๆเมื่อยามคนที่ชนเค้ามองไปทางแฮชาน

    “ขอโทษอีกครั้งนะครับ”บอกขอโทษอีกครั้งแล้วดันแฮชานไปหาแจมินที่เหมือนจะยืนอึ้งมองมาทางนี้อยู่

    “ไปเปิดห้องเร็วแจมิน” เรียกสติเพื่อนแล้วรีบพากันเข้าห้องไปก่อน

     

    .

    .

    .

    “เฮ้ยย เอาไงดีอ่ะมาเร็วมาก ไม่ทันตั้งตัวกันเลยเว้ย”

    เข้ามาในห้องได้แจมินก็เอ่ยออกมาแม้จะอยากกรีดร้องแต่ตอนนี้ได้แต่พูดกันเบาๆเพราะห้องก็ไม่ได้เก็บเสียงอะไรนักกลัวคนนอกห้องจะได้ยิน

    “คนนั้นน่ะเหรอที่พูดถึง ใช่มั้ย”

    เจโน่คาดเดาไว้ว่าน่าจะใช่จากปฏิกิริยาของคนรอบข้างและจากการคาดคะเนด้วยสายตาตัวเองก็ดูน่าหลงไหลอย่างที่หลายคนว่าเอาไว้ล่ะนะใบหน้านั้นน่ะ คิดถึงใบหน้านั้นก็เล่นเอาหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาซะแล้ว

    “ใช่น่ะสิ มาร์คลีปีหนึ่งคณะบริหาร เห็นว่าเพิ่งมาจากเมืองนอกด้วย”

    “อย่าเพิ่งเยินยออะไรเลย เอาเป็นว่าจะเปิดให้สมัครเลยใช่มั้ยแล้วคนเยอะขนาดนี้จะรับหมดเหรอวุ่นวายน่าดูนะเจโน่”

    แฮชานพูดตัดประเด็นยกยอคนดังของแจมิน เค้ารู้สึกไม่ชอบหน้าหมอนั่นตั้งแต่แรกเห็นเลยทีเดียวและดูท่าทางนั้นก็จะเขม่นเค้าอยู่เหมือนโกรธกันมาแต่ชาติไหน

    “เราว่าใช้เกณฑ์รับแบบเดิมดีกว่า คัดเอาแค่ 20คนก็พอจะไหวนะ ว่าแต่ใบสมัครเรามีพอใช่มั้ยนะ” ว่าเสร็จคุณประธานก็รีบเดินไปเปิดหาใบสมัครที่นานๆจะมีคนมาใช้สักที

    “อ่ะ เจอแล้ว น่าจะพอนะ เอาไปแจกกันเถอะ”

     .

    .

    .

    แจกจ่ายใบสมัครให้กับคนที่มายืนรอหน้าห้องจนหมด ดีที่น้องๆในชมรมมาช่วยทันเวลา เจโน่เหลือบมองไปทางที่มีใครบางคนยืนแยกไปเพียงลำพัง แล้วก็ต้องรีบหันกลับมาเมื่อสบตาเข้ากับดวงตาสีรัตติกาลดำสนิทนั้น ใบหน้าพลันร้อนผ่าว และหัวใจก็เต้นแรงแปลก ๆ

    “โหยพี่คะ มันยากไปมั้ยอ่ะที่ให้บอกชื่อหนังสือที่อ่านจบมา 10เล่มเนี่ย ลดลงไม่ได้เหรอคะ”เสียงโอดครวญดังมาจากน้องผู้หญิงคนหนึ่งและก็มีหลายๆคนเออออตามกันมา

    “กฏต้องเป็นกฏครับน้อง ๆ เราต้องการคนที่รักการอ่านจริงๆไม่ใช่นึกอยากจะมาเข้าชมรมก็เดินเข้ามาง่าย ๆ”แฮชานพูดเสียงดังประโยคหลังใช้หางตาเหล่มองไปทางคนที่ทำให้ชมรมวุ่นวายด้วย

    ส่วนคนที่เงียบไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรมาตั้งแต่แรกเมื่อได้ยินประโยคที่พอจะรู้ว่าถูกเอ่ยออกมาเพื่อประชดตัวเองก็ทำเพียงแค่ยกยิ้มที่มุมปากและเดินตรงไปยังกลุ่มคนที่รอรับสมัครอยู่พอจะผ่านจุดที่แฮชานยืนก็ใช้ไหล่หนาเบียดแล้วกระซิบพอให้ได้ยินแค่สองคน

    “หึ ชาตินี้ก็เป็นได้แค่เพื่อนสินะ”

    หัวเราะในลำคอส่งท้ายแล้วก็เดินผ่านตรงไปยังประธานชมรมที่ยืนอยู่เพื่อยื่นใบสมัครให้กับมือคนตัวเล็กโดยไม่หันมาสนใจอาการฉุนเฉียวของแฮชานอีก

    “อะ กรอกเสร็จละ..แล้วหรอ เร็วจัง”

    เจโน่ที่อยู่ๆก็ได้รับใบสมัครใบแรกกลับคืนมาจากคนที่ทำเค้ารู้สึกแปลกไปเอ่ยถามตะกุกตะกัก ก้มหน้ามองบนกระดาษก็เห็นข้อมูลถูกใส่จนครบทุกช่องรวมถึงรายชื่อหนังสือมากมายที่ถูกเขียนไว้ด้วย

    “รอเช็คข้อมูลแล้วถ้าผ่านจะส่งข้อความไปบอกนะครับ”แจมินที่เห็นเพื่อนก้มหน้านิ่งไปก็ช่วยบอกคนที่เหมือนจะมีรังสีอะไรสักอย่างแผ่ขยายอยู่รอบตัวจนทำให้เพื่อนตัวเล็กของเขาดูแปลกไป

    คำบอกที่เหมือนกับไล่กลายๆนั้นไม่ทำให้มาร์คลีสะทกสะท้านยังคงยืนจ้องมองคนตรงหน้าไม่ลดละทำให้เจโน่ต้องเงยหน้าขึ้นมาจนได้

    “แล้ว..จะติดต่อไปนะครับ” บอกย้ำประโยคแจมินเสียงเบาแต่เหมือนคราวนี้จะทำให้อีกคนเข้าใจแล้วเพราะรอยยิ้มมุมปากนั่นกับหน้าที่โน้มลงมาใกล้

    “ผมจะรอรุ่นพี่เจโน่เรียกหามาร์คลีนะครับ”

    พูดจบก็ก้าวขาเดินออกไป ไม่ได้สนใจข้างหลังที่ทิ้งไว้เลยว่าจะทำให้ใครหลายคนนิ่งค้างกันไปแล้ว

    .

    .

    .

    เป็นเวลาสองอาทิตย์แล้วที่เจโน่ต้องอยู่ท่ามกลางเสียงซุบซิบและสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนรอบข้างจากเรื่องราวในวันนั้นต่อหน้าคนมากมายที่เป็นเหมือนแฟนคลับของหนุ่มฮอตเอาไปเล่ากันต่อๆถึงประโยคกำกวมพร้อมร้อยยิ้มที่น้อยครั้งจะได้เห็นจนทำให้เกิดข่าวลือแปลกๆที่ว่า มาร์คลีกำลังจีบลีเจโน่อยู่

    และอีกอย่างที่ทำให้เรื่องมันยิ่งดูจะน่าสนใจขึ้นไปอีกก็คือคนที่ได้เข้าชมรมอ่านหนังสือจากการรับสมัครในวันนั้นมีเพียงสามคนและหนึ่งในนั้นคือพ่อหนุ่มฮอตนั่นทีแรกแฮชานโวยวายอยากจะคัดเอารายชื่อมาร์คออกไปเลย แต่ก็ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เพราะไม่มีเหตุผลอะไรมาอ้างในเมื่อข้อมูลทุกอย่างก็ครบถ้วนเหมาะสมในการรับเข้าชมรม

    “โอ๊ยย วันนี้ต้องเข้าห้องชมรมอีกแล้วเหรอ แค่คิดก็หมดแรงแล้วอ่ะ”แจมินโอดครวญออกมาหลังจบคลาสบ่าย

    “ทำไมหมู่นี้มันรู้สึกอ่อนเพลียทุกครั้งที่เข้าห้องชมรมเลยนะทั้งๆที่แค่เข้าไปนั่งอ่านหนังสือเฉยๆเนี่ย”

    “อาจเป็นเพราะไอ้หน้าหล่อนั่นแผ่รังสีพิษออกมาแน่นั่งเฉยๆก็รู้สึกเป็นมลภาวะแล้ว” แฮชานออกความเห็นบ้าง

    “แผ่รังสีพิษให้แกน่ะสิ แต่แผ่รังสีรักให้ลีเจโน่นี่ของจริงแน่นอนดูคุณประธานเค้าจะสดชื่นอยู่คนเดียวเนี่ย” แจมินหันมาหยอกเพื่อนสนิทที่หมู่นี้ดูมีน้ำมีนวลแปลกตา

    “หยุดเลยแจมิน เก็บของแล้วไปได้แล้ว พูดเล่นกันอยู่นั่นแหละ”

    คนหน้าแดงรีบยกกระเป๋าแล้วเดินนำเพื่อนออกจากห้องไปก่อน

    .

    .

    .

    วันนี้เจโน่ตั้งใจไว้ว่าจะพยายามอ่านหนังสือเล่มนั้นที่พี่เวนดี้ให้ยืมมาให้จบเสียทีเมื่อเข้ามาถึงห้องชมรมที่จัดสรรมุมต่างๆไว้สำหรับให้ทุกคนได้ใช้อ่านหนังสืออย่างสะดวกสบายเจโน่ตรงดิ่งไปมุมประจำที่ค่อนข้างเงียบสงบที่สุดแล้วตั้งใจอ่านหนังสือทันที

    จมอยู่ในโลกของหนังสือจนไม่ได้สนใจสิ่งต่าง ๆรอบตัวเลยเจโน่เป็นแบบนี้บ่อย ๆเหมือนจะได้ยินเสียงเพื่อนแว่วๆว่าต้องรีบกลับกันก่อนไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้วแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกทีห้องทั้งห้องก็แทบว่างเปล่า


    ที่ใช้คำว่าแทบเพราะยังเหลือหนึ่งคนที่ตอนนี้มองสบตากับเค้ามาจากอีกมุมหนึ่งของห้อง สายตาของมาร์คลีที่มองตามเจโน่มาตลอดสองอาทิตย์ในห้องนี้


    เหมือนทุกอย่างรอบตัวถูกแช่แข็งไว้ด้วยดวงตาสีดำคู่นั้นแต่ร่างกายของเจโน่กลับรู้สึกตรงกันข้ามมันร้อนผ่าวเหมือนมีไฟแผดเผาอยู่ข้างในไม่สามารถหันหนีไปทางไหน ร่างกายขยับไปโดยไร้การควบคุมเข้าหาอีกคนที่ย่างกรายเข้ามาหากันช้า ๆ

    เสียงหายใจถี่กระชั้นแข่งกันดังอยู่ตรงหน้าเมื่อสองร่างเข้ามาแนบชิดโอบกอดกันอยู่ตรงกลางห้องนั้นใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมาหา แต่สติที่เหลืออันน้อยนิดของเจโน่ก็สั่งให้เบนหน้าหนี


    “ยะ.. อย่า” เอ่ยออกไปเสียงพร่า แต่ร่างกายกลับไม่ได้ถอยหนี


    “ใจร้ายจังเลยครับรุ่นพี่”ริมฝีปากเบนไปกระซิบลงแนบกับใบหูเล็กที่ตอนนี้เป็นสีแดงจัด


    “อะ..”


    “อุตส่าห์แบ่งพลังชีวิตที่ขโมยมาได้ให้ตั้งเยอะ ตอบแทนกันหน่อยสิครับ”พูดไปจมูกและปากก็ขยับไปตามใบหูเรื่อยลงมาตรงซอกคอขาว


    “อ๊ะ ... อื้ออ”


    เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กคล้อยตามก็วกริมฝีปากกลับมาที่กลีบปากสีระเรื่อที่เค้าเฝ้ามองและโหยหามาเนิ่นนานประทับจูบลงไปอย่างแสนรัก ดูดดึงฉกชิมเนื้อนิ่มนั้นอย่างตะกละตะกลามลิ้นร้อนล่วงล้ำเข้าไปเหมือนผีเสื้อฉกชิมน้ำหวานจากเกสรของดอกไม้ที่หวานล้ำ


    ความปรารถนาของข้าได้มาอยู่ตรงหน้านี้แล้วยอดรัก


    เหมือนสิ่งรอบตัวทั้งคู่ลอยเคว้งหมุนวนแล้วห้องหนังสือก็เปลี่ยนไป กลายเป็นห้องนอนกว้าง ที่มีเตียงสีน้ำเงินกำมะหยี่ตั้งรออยู่ตรงหน้า

    ร่างกายทั้งคู่ที่ก่อนหน้านี้มีสิ่งกีดขวางคือเสื้อผ้าก็พลันเปลี่ยนเป็นเนื้อกายเปล่าเปลือยที่แนบชิดกันแทน

    มาร์คค่อยๆดันร่างอ่อนแรงที่หอบหายใจถี่ของเจโน่ลงบนที่นอนสีเข้มนั้นดวงตามีไฟปรารถนาลุกโชติช่วงเมื่อมองภาพผิวกายขาวสะอาดนั้นที่ตัดกับผืนผ้าสีน้ำเงินเข้มไม่อาจหยุดยั้งได้อีกแล้วกับสิ่งที่รอคอยมาร้อยปีนี้คนตรงหน้าต้องเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์

    ทุกส่วนในร่างกายเบียดประชิดเข้าหาร่างเล็กตรงหน้า ทั้งริมฝีปาก จมูก ฝ่ามือทุกอย่างที่สามารถสัมผัสคนตรงหน้าได้ ดูดดื่มสูดดมลูบไล้ไปจนถ้วนทั่ว

    “อะ.. อ๊า.. อ๊ะ..”

    “ข้ารักเจ้าเหลือเกินจีเฮของข้าในที่สุดเจ้าก็จะเป็นของมินฮยองคนนี้คนเดียวตลอดไป ยอดดวงใจของข้า อา....”

    กระซิบถ้อยคำที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจขณะที่ค่อยๆใส่ตัวตนของตัวเองเพื่อหลอมรวมกับร่างขาวนวลตรงหน้าที่หลับตาแน่น

    แต่เมื่อทุกอย่างรวมกันเป็นหนึ่งแล้ว คนใต้ร่างเปิดเปลือกตาขึ้นมาแววตาใสคู่นั้นแปลเปลี่ยนไปเป็นสีเดียวกับผืนผ้าที่รองรับมือเรียวที่คล้องคอไว้เปลี่ยนมาดันอกหนาให้สับเปลี่ยนตำแหน่งกันกลายเป็นคนตัวเล็กมาอยู่ด้านบนแทนส่วนที่เชื่อมต่อยิ่งกดลึกให้สัมผัสลึกซึ้งขึ้นไปอีก

     

    “คนที่เจ้าปรารถนาคือข้า..อึก..อ๊ะ..”

    ร่างเล็กค่อย ๆดันอกหนาและเคลื่อนไหวส่วนล่าง

    “อา... อะ ..อา..” 

    “อา..เจ้าเป็นของข้าคนนี้ต่างหาก”

    จังหวะสอดประสานกันอย่างเนิบช้า

    “อา..จี..อะ ..เฮ”

    “หึ ลืมไปซะเถอะ อ๊ะ...ชื่อหญิงแพศยาแบบนั้น..อ๊ะ..”

    เร่งเร้าจังหวะมากขึ้นไปอีก

    “มีแต่ข้าที่รักและอยู่กับเจ้าเสมอมานะยอดรัก อะ.. อ๊า....”

    “อะ...อา....."

    "อ๊ะ..เรียกชื่อเราสิมาร์ค อ๊า...."

    "อะ...เจ...โน่..อา...”

    เมื่อถึงปลายทางแห่งความปรารถนาชื่อจากริมฝีปากก็เปลี่ยนไป

    “อา..ใช่แล้ว...”

    ใบหน้าน่ารักกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มเคลื่อนมาตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้างและเงาเลือนลางบางอย่างด้านหลังคนตัวเล็ก

     

    คล้ายปีกสีน้ำเงินของผีเสื้อกลางคืน

     

    “ต่อไปนี้จะมีแค่มาร์คกับเจโน่...”

     

    ริมฝีปากแดงประทับลงมาแผ่วเบา

     

    “...ตลอดไป”

    .

    .

    .

    -THE END-




    งงมั้ย ไม่งงเนอะ คนแต่งก็งงหน่อย ๆ 5555

    ในที่สุดก็เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายแล้ว ขอบคุณทุกคนที่เข้ามา

    ไม่ว่าจะต้้งใจมาอ่าน หรือเผลอกดเข้ามา

    ขอบคุณคอมเม้นทุกคอมเม้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณ @baejuhyeol

    ทุกคอมเม้นของคุณเป็นแรงผลักดันทำให้เราเขียนจนครบ30วันได้

    หลายครั้งที่เราเหนื่อยหรือท้อกับการเขียนแล้ว พอเห็นคอมเม้นของคุณ

    ทำให้เรามีกำลังใจที่จะทำมันต่อเพราะอย่างน้อยก็มีคนคนหนึ่งเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำอยู่

    ขอบคุณจากใจจริง ๆค่ะ @baejuhyeol

    ขอบคุณ Dearheart ที่สร้างโปรเจคนี้ขึ้นมา

    ทำให้พล็อตมากมายที่มันเคยอยู่แค่ในหัวเราได้ก้าวออกมาเป็นเรื่องราวต่างๆ

    ถึงมันอาจไม่ได้ดีที่สุด แต่เราก็ได้ลองทำในสิ่งที่เคยอยากทำมาตลอด

    ขอบคุณที่ทำให้30วันนี้เป็นวันที่มีความหมายมากจริงๆ

    ขอบคุณค่ะ

    หวังว่าเราจะมีแรงบันดาลใจใหม่ ๆและได้ทำสิ่งที่รักนี้อีกครั้ง

    แล้วมาพบกันใหม่นะคะ

    Goodbye

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in