Ariana Grande เป็นศิลปินคนโปรดของเราเองงงง เราชอบมากๆ วันนี้เราได้มีโอกาสได้ฟังคอนเสิร์ต Sweetener World Tour ซึ่งเริ่มจัดวันที่ 18 มีนาคม 2018 ระยะเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยสามารถฟังได้ใน Youtube ช่อง Filmed By You หรือ https://www.filmedbyyou.org/arianagrande
ซึ่งรายได้จะเป็นของนักร้องทั้งหมด ที่เราเลือกฟังคลิปคอนเสิร์ตนี้เนื่องจากเราเป็นแฟนคลับของ Ariana Grande และชื่นชอบในผลงาน การแสดงของอาริ อีกทั้งอยู่ในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 ทำให้หาโอกาสชมคอนเสิร์ตได้ยากขึ้นและมีหลายคอนเสิร์ตที่ยกเลิกจึงเลือกจะดูออนไลน์แทน หลังจากได้ดูคอนเสิร์ตนี้เรารู้สึกประทับใจมากทั้งการแสดง เสียงร้อง และความตั้งใจของอาริที่ทำให้มีความสุขได้ตลอดทั้งเพลง
สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักศิลปิน เราขอแปะข้อมูลเกี่ยวกับศิลปินให้ได้ทราบกัน
อาริอานา กรานเด-บูเทรา (อังกฤษ: Ariana Grande-Butera) หรือชื่อในวงการคือ อารีอานา กรานเด (Ariana Grande) เป็นนักร้องและนักแสดงชาวอเมริกัน เธอเริ่มงานละครบรอดเวย์เรื่อง 13 ก่อนรับบทแคต วาเลนไทน์ ในซีรีส์โทรทัศน์วิกทอเรียส ช่องนิกเคโลเดียนในปี ค.ศ. 2009 ซีรีส์ฉายจบสี่ซีซัน และกรานเดแสดงในภาคแยกเรื่อง แซมแอนด์แคต ฉายจบในปี ค.ศ. 2014 เธอยังมีบทบาทในละครเวที โทรทัศน์ และภาพยนตร์ และพากย์เสียงให้แอนิเมชันโทรทัศน์และภาพยนตร์ด้วย
เธอเริ่มงานดนตรีด้วยเพลงประกอบซีรีส์ อัลบั้มเพลงจาปวิกทอเรียส (2011) เธอเซ็นสัญญากับค่ายรีพับลิกเรเคิดส์และออกสตูดิโออัลบั้มแรก ยัวส์ทรูลี ในปี ค.ศ. 2013 เปิดตัวอันดับหนึ่งในชาร์ตบิลบอร์ด 200 ซิงเกิลแรกจากอัลบั้ม "เดอะเวย์" เปิดตัวที่อันดับ 10 ในชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100
(ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยทิกเก็ตเมเจอร์)
คอนเสิร์ตนี้จัดบรรยากาศได้สวยงามมาก! เนื่องจากเวทีและคอนเซปท์มีการออกแบบตามแนวคิดของทรงกลม ซึ่งเราจะเห็นวงกลมที่มีการเปลื่ยนแปลงตลอดเวลากลางเวทีตามแต่ละเพลง ทัวร์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้รู้สึกเป็นนามธรรมและ "ไม่มีตัวตน" ซึ่ง LeRoy Bennett เป็นผู้อำนวยการสร้างและผู้ออกแบบการผลิตและ Jason Baeri เป็นผู้อำนวยการจัดแสง อีกทั้งยังให้ความรู้เหมือนดูแฟชั่นโชว์จากการลงทุนในส่วนเสื้อผ้าต่างๆอย่าง Versace และ Michael Ngo นอกจากนี้เวทียังมีรันเวย์วงกลมที่วนรอบหลุม สำหรับการฉายภาพและลูกวงกลมขนาดใหญ่นี้จะลดระดับลงระหว่างส่วนต่างๆของการแสดง ขอบอกเลยว่าแสงสีจัดเต็มมากกกกกก
cr.enzo (twitter)
โดยเพลงที่ร้องจะเป็นเพลงอัลบั้ม sweetener , thank u , next และมี dangerous women เล็กน้อยเนื่องจากทัวร์คอนเสิร์ตนี้เป็นคอนเสิร์ตที่รวมไว้ทั้งสองอัลบั้ม การแสดงจะเป็นการขับร้องเดี่ยวและมีการประสานเสียงด้วยในบางเพลง
ต่อมา เราพูดถึงเพลงในคอนเสิร์ตกันบ้างง โดยคอนเสิร์ตนี้จะมี Setlist ดังนี้
ปล.เนื่องจากเพลงทั้งหมดกว่าสามสิบเพลง ค่อนข้างมีจำนวนมาก ซึ่งเราชอบทุกเพลงมากๆแต่ในที่นี้ของอธิบายในเพลงที่ชื่นชอบเป็นพิเศษและโดดเด่นในการแสดงแต่ละช่วงนะคะ
เปิดมาด้วยเพลง Intro ของอัลบั้ม Sweetener อย่าง "Raindrops (An Angel Cried)" แม้ว่าจะเป็นอินโทรสั้นๆของอัลบั้มแต่อาริอานน่าทำได้ดีมากด้วยการโชว์เสียงร้องล้วนๆโดยไม่มีทำนอง เป็น 38 วิที่ทรงพลัง โดยการร้องครั้งนี้อาริอานน่าได้ร้องสูงกว่าในอัลบั้มแตะถึง B4 ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าช่วงเสียงของอารินั้นมากกว่า 4 octaves (D2-E7) และสามารถรองรับได้สูงถึง B5 ดังนั้นจึงจัดอยู่ช่วงเสียงโซปราโน จึงไม่แปลกใจเลยว่าอินโทรนี้จึงทรงพลังได้ขนาดนี้ นอกจากนี้มีการใช้เทคนิคเสียงสะท้อนทำให้เพลงดูมีมิติยิ่งขึ้น
ในส่วนของเพลง God is Women เป็นอีกเพลงที่เราประทับใจทั้งด้วยการร้องและการแสดง เอาการแสดงก่อน เพลงนี้เราจะได้เห็นอาริแสดงโชว์กับทีมเต้นบนโต๊ะรับประทานอาหารยาว โดยคอนเซปต์น่าจะมาจากฉากอาหารมือสุดท้าย ของศาสนาคริสต์ ส่วนเพลงนี้ได้รับการผสมผสานระหว่างฮิปฮอปและป็อป ซึ่งออกมาดูดีเลยทีเดียว ชอบมาก มีใช้คีย์ E ♭ minor และจังหวะ 72–76 ครั้งต่อนาทีในเวลาปกติ นอกจากนี้ยังใช้คอร์ดของ E ♭ m - D ♭ / E ♭ - E ♭ m - D ♭ / E ♭ - C ♭ maj7 - D ♭ / C ♭ –A m7 - B ♭ m7 และเสียงร้องของแกรนด์มาจาก E ♭ 3 ถึง E ♭ 6 ในการบรรเลง สุดท้ายนี้ในเพลงเมื่อสังเกตจะเห็นว่าการร้องมีความเป็นหลายชั้นแบบเสียงประสานแต่จริงๆแล้วเป็นเสียงของอาริคนเดียวเลย สุดปังมากก
เพลง R.E.M เป็นอีกเพลงที่เพราะมากสำหรับเรา ซึ่งชื่อเพลงหมายถึงการเคลื่อนไหวของดวงตาอย่างรวดเร็วและมีเนื้อหาเกี่ยวกับ "ความสัมพันธ์ที่พร่าเลือนระหว่างโลกแห่งความฝันและความจริง" เพลงนี้เขียนและเรียบเรียงโดย Pharrell Williams เจ้าของเพลงดังอย่าง Happy โดยเพลงนี้เป็นเพลงที่เราชอบที่สุดในอัลบั้มนี้เลยก็ว่าได้ ยิ่งพอได้ฟังในคอนเสิร์ตรู้สึกว่า มันพิเศษ กว่าที่ฟังปกติด้วย ยิ่งประทับใจมากๆๆ เพราะในส่วนของทัวร์นี้เพิ่มนักร้องคอรัสมาร้องร่วมด้วยแบบ Acapella และดีดนิ้วให้จังหวะ ยิ่งเหมือนอยู่ในโลกความฝันตามเนื้อเพลง ในเพลงนี้การร้องของอาริอยู่ที่ช่วง 3 octave โดยคีย์ Eb3 to Eb6 ในการร้อง นอกจากนี้ยังใช้จังหวะแบบ Doowop เป็นแนวเพลงสไตล์ที่เน้นเสียงร้องเป็นหลัก รูปแบบหนึ่งเพลงริทึมแอนด์บลูส์ ซึ่งเหมาะกับการร้องแบบนุ่มนวลของอาริอย่างมาก อยากให้ทุกคนได้ฟังมากๆ
หลังจากนี้จะมีการสอดแทรกเสียงดนตรีสด โดยมีกีต้าร์ เปียโน และกลองชุดให้จังหวะตลอดเพลง เช่น เพลง Sweetener จนถึงเพลง 7 rings
ในเพลง Side to side ซึ่งเป็นเพลง reggae-pop และมีการร่วมร้องกับศิลปิน Nicki Minaj (ในที่นี้นิกกี้ไม่ได้มา ฮือออ) ซึ่งเล่นด้วยคีย์F♯ minor โดยมีจังหวะเวลาปกติ 159 ครั้งต่อนาที เสียงร้องของอาริครอบคลุม 2 octaves ตั้งแต่โน้ตต่ำของF♯3ไปจนถึงโน้ตผสมของF♯5 ซึ่งในสเตจครั้งนี้ ได้มีลูกเล่นมากขึ้นในการแสดง มีการเอื้อนเสียงมากขึ้นจากปกติในอัลบั้ม ในท่อน Boy , You got me อาริได้ร้องไฮโน้ตต่อจากตรงนี้ซึ่งปกติไม่มีเคยมีสิ่งนี้ นอกจากนั้นคือเซอร์ไพร์สไม่ไหว อาริเปลื่ยนทำนองครึ่งหลังเป็นแนว Metal สร้างความแตกต่างจากรูปแบบเดิมมากๆแต่ก็ลงตัวมากเช่นกัน
ช่วงหลังกลุ่มนักดนตรีหายกันไปหมดแล้ว เป็นการร้องแบบปกติแทนแต่การแสดงและเสียงอาริก็ยังคงไม่ธรรมดา!! สำหรับช่วงนี้เพลงที่ชอบก็คือ Nasa โดยเพลงนี้ีเป็นเพลงที่ใช้ดนตรี Trap ซึ่งฟังเพลินมากๆ ในการเน้นคำร้องซ้ำของเพลง ใช้คีย์ F# Major และอาริร้องในช่วงเสียง G#3-D#5 Nasa เป็นเพลงเปรียบเทียบความสัมพันธ์กับอวกาศและองค์กรซึ่งต้องมีระยะห่างกันบ้าง ด้วยภาพลักษณ์เวทีส่งเสริมกับเนื้อเพลงทำให้เพลงถ่ายทอดออกมาได้สวยงาม เต็มไปดวงดาวเล็กๆทั่วทั้งคอนเสิร์ตกับพระจันทร์ดวงใหญ่กลางเวทีซึ่งเอกลักษณ์ของทัวร์นี้
อีกอย่างที่ชอบในช่วง Act 3 คือ การ Medley ระหว่างเพลง Right there / You'll never know / Break your heart right Back เป็นการผสมผสานที่ลงตัวมาก อีกทั้งอาริยังได้เปลื่ยนทำนองใหม่ในบางส่วนอีกด้วยและเพิ่มส่วนของไฮโน้ตระหว่างการเปลื่ยนเพลง
Right now, I'm in a state of mind
I wanna be in like all the time
Ain't got no tears left to cry....
เพลง No tear left to cry เป็นอีกเพลงที่ทำได้ดี ในสเตจมีกราฟฟิกร่มหล่นลงมาตลอดการแสดงเพลง นอกจากจะมีร่มเต็มไปหมดแล้ว นักเต้นทั้งหมดก็ใช้ร่มระหว่างการเต้นอีกด้วย ในโชว์นี้เราจะเห็นการแสดงการเต้นที่น่าสนใจ นอกจากนี้เพลง No tear left to cry แม้ว่าจะใช้ C Major และจังหวะแบบ 122 BPM ซึ่งยากที่จะทำให้เพลงสดใส แต่เสียงร้องของอาริก็ทำให้เพลงสดใสได้อย่างน่าทึ่ง
ขอบอกว่าตอนร้องเพลง Break free ฉากสวยอีกแล้วว เป็นสีรุ้งทั้งหมด เป็นการแสดงออกว่าสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ สุดท้ายนี้ อาริได้ร้อง Encore ทิ้งท้ายด้วย อาริได้ร้องเพลง Thank u , next และเดินร่วมกับทีมเต้นในขบวนพาเหรด Pride รอบสเตจ ถึงเพลง Thank u , next จะเกี่ยวกับความรักครั้งเก่าของอาริและพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ แต่สำหรับการเลือกเพลงนี้อาจจะหมายถึง พร้อมลุยกับคอนเสิร์ต ต่อไปมากกว่า ซึ่งถือว่าเลือกเพลงและการแสดงปิดท้ายได้ดี
โดยรวมประทับใจในการแสดงมากและมองว่าเป็น 1 ชั่วโมง 30 นาทีที่มีความสุขมากเนื่องจากเขาเป็นศิลปินที่ชื่นชอบ มีความสามารถและการแสดงออกเป็นที่น่าพอใจ ดังนั้นการฟังคอนเสิร์ตนี้จึงประสบการณ์ที่ดีของเราเลย ใครที่สนใจฟังก็มาฟังได้ แนะนำเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in