เมื่อได้รับโจทย์ให้วิจารณ์คอนเสิร์ตในวิชานี้ เพลงที่นึกถึงเป็นอันดับแรกเลยคือ The Four season (Orquesta Reino de Aragón) ซึ่งเป็นคลิปวิดีโอบันทึกการแสดงสดจาก ช่อง HALIDON MUSIC ที่มียอดวิวกว่า 900,000++ วิว และยิ่งได้เรียนรู้เนื้อหาของเพลงภายในห้อง ทำให้เกิดความประทับใจ และอยากหาข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้น

The four season เป็นการบรรเลงเพลงออร์เคสตร้าครั้งแรก ที่นึกขึ้นมาภายในหัว ใครหลาย ๆ คนในที่นี้คงรู้จักผ่านภาพยนต์ชื่อดังจากค่ายหนัง GTH ที่มีชื่อว่า “Season Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย” ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องโปรดของเรา ในภาพยนตร์มีการกล่าวถึง ตัวละครที่มีการฝึกซ้อมบรรเลงเพลงออร์เคสตร้าชุดนี้ ทำให้เกิดความสนใจในภาพยนตร์และดนตรีดังกล่าวเป็นอย่างมาก

ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ในสถานการณ์โควิดในยุคปัจจุบันแบบนี้ ไม่มีที่ไหนที่สามารถบรรเลงเพลงออร์เคสตร้าให้ไปฟังสด ๆ ได้ เราเองก็อยากลองไปฟังสดจริงๆซักครั้ง แต่เมื่อไม่มีทางเลือก จึงฟังผ่านเว็ปไซต์ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายที่สุดคือ “Youtube”

The Four season เป็นบทเพลงคอนแชร์โต (Concerto) หรือเพลงที่ให้เครื่องดนตรีชนิดหนึ่งหรือหลายชนิดเล่นเดี่ยวประชันกับวงดนตรี จำนวน 4 เพลง ซึ่งแต่ละเพลงได้พรรณนาถึงบรรยากาศของฤดูกาลต่าง ๆ ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) ฤดูร้อน (Summer) ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) และฤดูหนาว (Winter) ประพันธ์โดย อันโตนิโอ วิวัลดี (Antonio Vivaldi 1678–1741) นักประพันธ์เพลงชาวอิตาลีในยุคบาโรค

คอนเสิร์ตเริ่มต้นด้วยการบรรเลงเพลงประจำฤดูกาลแรก La Primavera (Spring) โดย conductor Ricardo Casero และ วงออร์เคสตร้า Orquesta Reino de ซึ่งถูกบรรเลงเป็นความยาวประมาณ 10 นาที แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ 1. Allegro in E major กล่าวถึงการแรกเริ่มของฤดูใบไม้ผลิ สัตว์น้อยใหญ่ส่งเสียงสนุกสนาน นกร้องเจื้อยแจ้ว ร่าเริงเบิกบาน เสียงไวโอลินแทนความร่าเริงของนกที่กำลังร้องอยู่บนต้นไม้ แต่อยู่ดีๆ ก็เกิดกระแสพายุไวโอลินโหมกระหนำ แทนพายุฝนฟ้าคะนอง ทำลายความเงียบสงบงัน ภาวะสับสน ดูวุ่นวาย แต่ไม่นานนักมรสุมนั้นผ่านพ้นไป ทุกสิ่งอย่าง ท้องฟ้าคราม หวนกลับมาสว่างแจ่มใสอีกครั้งหนึ่ง ขับกล่อมด้วยเสียงกิ่งไม้พัดโบกพลิ้วไหวภายในจินตนาการของการบรรเลง

2. Largo e pianissimo sempre เริ่มด้วยเสียงไวโอลินบรรเลงลากยาวช้าๆ พรรณาเห็น ภาพดอกไม้แรกแย้มผลิดอกบาน คนเลี้ยงแกะ กำลังพักผ่อนเอนกายอยู่ภายในบ้าน บรรยากาศสงบเงียบ

3. Allegro pastorale การบรรเลงเทศกาลร้องรำทำเพลง ต้อนรับการสิ้นสุดของฤดูใบไม้ผลิ หนุ่มสาว ต่างพากันมีความสุข ออกมาเต้นรำ ให้บรรยากาศของความสุข และ ความเสียใจ แต่สุดท้ายฤดูกาลนี้ก็ต้องผ่านพ้นไป

ในช่วงฤดูกาลที 2 ของคอนเสิร์ต Violin Concerto №2 in G Minor, RV 315 “Summer” ประกอบไปด้วย 3 จังหวะเช่นกัน คือ 1. Allegro non molto เริ่มต้นเสียงบรรเลงเบาๆ ช้าๆ เป็นความอิดโรยอ่อนล้า ที่คล้ายคลึงกับฤดูร้อน ที่มีแสงแดดจากตะวันสาดส่อง ต่อมาถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงนกกาเหว่า นกเขา เสียงที่รุนแรง สร้างความหวาดหวั่นสั่นสะพรึง เกรงกลัวลมพายุฤดูร้อน ที่กำลังจะมาถึง เสียงเพลงในตอนจบ ทำให้รับรู้ถึงความน่ากลัวของพายุที่เกิดขึ้นผ่านการบรรเลงด้วยจังหวะที่หนัก และ แข็งแกร่ง

2. Adagio e piano — Presto e forte เสียงเพลงบรรยายอย่างเศร้าสร้อย คนเลี้ยงแกะ ที่เป็นตัวละครดำเนินเรื่อง ล้วนหวาดกลัว เสียง ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า และเสียงอื้ออึงของสรรพแมลงมากมาย เป็นภัยพิบัติไม่อยากให้พัดเข้ามาเกิดขึ้นเลย

3. Presto เสียงเพลงบรรเลงหนักขึ้น ดังขึ้น เร็วขึ้น พรรณนาถึงความหวาดสะพรึงกลัวของคนเลี้ยงแกะ พายุฝน ลูกเห็บ ได้พัดพาความเร่าร้อนแรงของพายุฤดูร้อน เข้ามาทำลายพืชผลผลิต ทุกสิ่งทุกอย่างย่อยยับเยินพังทลายหมดสิ้น

ดำเนินการมาถึงช่วงที่ 3 ของคอนเสิร์ต ฤดูใบไม้ร่วงได้มาถึง กับบทเพลง Violin Concerto №3 in F Major, RV 293 “Autumn” เพลงบรรเลงด้วยทำนองสั้นๆ สลับหนักเบา ให้เสียงที่ดูสดชื่น เหมาะกับ ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูของการเฉลิมฉลอง ร้องเพลงเต้นรำกัน เป็นฤดูที่สภาพอากาศเย็นสบายที่สุด ทำให้ในช่วงที่ 2 ของเพลงนั้น ดำเนินจังหวะอย่างช้าๆ ดูเคลิบเคลิ้ม เพลิดเพลิน มีความง่วงคืบคลานเข้ามา ทันใดนั้นก็ประสายประสานกับจังหวะที่น่าเร้าใจในช่วงสุดท้าย ซึ่งเป็นจังหวะของ Allegro (in F major) ดูสนุกสนาน แทนเสียงของกิจกรรมการล่าสัตว์ เสียงไวโอลินที่เป็นตัวแทนของผู้ถูกล่า

จนกระทั่งถึง ฤดูกาลสุดท้าย Concerto №4 in F minor, Op. 8, RV 297, “L’inverno” เปิดแนวทำนองด้วยการแทนเสียงความเยือกเย็นของหิมะ สายลมแห่งฤดูหนาว ปะทะเข้า เสียงเล็กแหลมของไวโอลินโซโล่เดี่ยว ค่อยๆสร้างความน่ากลัวของหิมะ และดังขึ้นเรื่อยๆ สร้างความตื่นเต้น ชวนให้เห็นภาพความหวาดกลัว ร่างกายที่สั่นเทาไปด้วยความหนาวเย็น จนกระทั่งพายุหมดไป ความงดงามของฤดูกาลเกิดขึ้น แสงอาทิตย์สาดส่อง

ความประทับใจส่วนตัว ต่อการฟังคอนเสิร์ตแบบออนไลน์นี้ เสียงเพลงทำให้เกิดการพรรณาภาพในหัวได้จริง ๆ มีการใช้จังหวะเน้นหนัก เน้นเบา ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เหมือนกำลังนั่งฟังนิทานเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ หากมีโอกาส อยากจะลองไปฟังการแสดงสดแบบนี้ซักครั้ง เพราะนิสิตได้ศึกษาเรื่องราวของบทเพลงนี้มา ทำให้สามารถอินไปกับเพลงได้อีกขั้นหนึ่งเช่นกัน

โดยส่วนตัวแล้ว นิสิตชื่นชอบเพลงในฤดูกาลสุดท้ายที่สุดคือ ฤดูหนาว L’inverno เนื่องจากเป็นจังหวะและทำนองดนตรีที่คุ้นเคย อาจเคยได้ยินผ่านมาบ้างหลายๆครั้ง ทำให้รู้สึกชอบ และ ฟังได้เพลินมากๆ รวมทั้งเนื้อหาเพลงของเพลงนี้ดี สะท้อนถึงความน่ากลัวที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็พัดผ่านพ้นไป

_________________