เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
MASTER OF BARELY ANYTHINGBUNBOOKISH
00 จุดเปลี่ยนชีวิต


  • กรุงเทพฯ, 17 ธันวาคม ปี 2014

              ณ ร้านชาบู ย่านอารีย์
              เรากับแก๊งเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกสี่คน หาเรื่องนัดกันออกมากินชาบูรอบดึก เพื่อรวมพลังและสงบจิตสงบใจ เพราะวันนี้เป็นวันนัดตัดสินชะตา ต้องรอรับโทรศัพท์แจ้งข่าวดีจาก Kellogg School of Management—โรงเรียนธุรกิจในการดูแลของมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น (Northwestern University)   หนึ่งในมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลก ที่พวกเราทุ่มเทแรงกายแรงใจ เหน็ดเหนื่อยมาเป็นแรมปี ในการสมัครและสอบเพื่อจะได้มีโอกาสเข้าไปเรียน
              แต่ถ้าภายในคืนนี้ไม่มีโทรศัพท์เข้ามา แปลว่าสิ่งที่เราทุ่มเทมาแรมปีไม่เป็นผล และมันก็คงจะเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่หลวงในชีวิตเราอีกครั้ง
              ตั้งแต่เดินเข้ามานั่งในร้าน จนอาหารที่สั่งมาวางเต็มโต๊ะ
    อย่าว่าแต่ข่าวดีเลย แค่เสียงโทรศัพท์ของใครสักคนในกลุ่มยังไม่มี

              ตื๊ดดดด โทรศัพท์มือถือของเราสั่น
              ช่างถูกที่ถูกเวลาจริงๆ
              “เฮ้ยยยย มีสายเข้าว่ะ…”
              นันทรัตน์มือไม้สั่นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
              “อ้าว เบอร์ไทย... ”
              มันใช่เวลาโทร.มาปล่อยเงินกู้ตอนนี้เหรอ! (อันนี้คิดในใจ)
              “ฮัลโหล” รับสายด้วยคำว่าฮัลโหล แบบสำเนียงไทยแท้
              “Hello. May I speak to Miss Nantharat please?”
              (เฮ้ย ฝรั่ง!)
              ทุกคนในโต๊ะหันมามองด้วยสายตาที่ระบุคำถามเดียวกัน
              “ใช่เปล่าวะ”
              เหมือนจะใช่ว่ะ! เราใช้สายตาตอบ
              “Speaking… Hold on… Let me find a quiet place here.”
              เราพยายามรวบรวมสติ ขอเวลาถือโทรศัพท์ออกไปหาที่เงียบๆ คุยนอกร้าน แต่มือกับขานี่สั่นจนกลัวจะเดินออกไปไม่พ้นโต๊ะด้วยซ้ำ
              “Hi. I’m calling from Kellogg School of Management. I wanted to call and congratulate you on your acceptance to Kellogg. @$!@#$ !@#$%_$ %*&@#%! %*&@#%! Welcome to Kellogg!”
              สาบานได้ว่าหลังจากสิ้นสุดคำว่า congratulate เราก็ฟังอะไรไม่รู้เรื่องอีกเลย ได้ยินแค่คอนแกรตอะไรสักอย่าง แล้วก็มีเวลคัม และต่อด้วยคำว่าเคลล็อกก์
              เฮ้ย! มันแปลว่าเขารับเราแล้ว
              เขารับเราแล้ว!


  •           เขา รับ เรา แล้ว!!!
              จำได้ว่าเราพูด thank you ไปไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง และถ้าจำไม่ผิดเหมือนเราจะบอกเขาไปด้วยว่า     สิ่งนี้มันมีความหมายกับเรามากแค่ไหน…
              สิ่งแรกที่คิดได้หลังกดวางสายที่รอมาทั้งวันคือ ต้องโทร.บอกข่าวดีกับคุณเพชร—คุณแม่ที่เคยถอดใจแทนลูกสาวไปแล้ว ไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง บอกแม่เสร็จก็ไม่ลืมเฟซไทม์หาคุณคริส—แฟนหนุ่มอเมริกันที่คอยให้กำลังใจนันทรัตน์ในการฝ่าฟันอุปสรรคครั้งนี้
              เราเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ พยายามปรับสีหน้าและท่าทางไม่ให้ร่าเริงเกินไป เพราะยังมีเพื่อนอีกสองคนกำลังรอโทรศัพท์แจ้งข่าวอยู่เช่นกัน
              หนึ่งชั่วโมงต่อมา…
              ได้เวลาที่ควรจะแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ก็ยังไม่มีใครในโต๊ะของพวกเราได้รับโทรศัพท์อีกเลย

    ห้าทุ่มกว่า ณ ร้านเบียร์กลางกรุงเทพฯ
              ปุ๋ย—เพื่อนคนเดียวจากแก๊งชาบู ที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับการประกาศผลของเคลล็อกก์ แอบชวนเรามาฉลองต่อเงียบๆ หลังจากคนอื่นแยกย้ายกันกลับบ้านไปแล้ว
              “มึงรู้สึกยังไงวะตอนนี้”
              “ดีใจว่ะ ดีใจกว่าตอนได้ทำงานคอนซัลต์อีก”
              การได้เข้าเรียนที่เคลล็อกก์ เป็นข่าวดีและจุดเริ่มต้นของเส้นทางดีๆ อีกยาวไกลที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็คงเหมือนเวลาคนที่ไปประกวดร้องเพลงรายการ The Voice แล้วมีกรรมการอย่างพี่ก้อง สหรัถ กดปุ่มหันมารับเข้าร่วมทีม โมเมนต์นั้นช่างวิเศษ เพราะมันมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงที่ดีในชีวิต
              สองสัปดาห์ต่อมา...
              ตื๊ดดดด ตื๊ดดดด มีเบอร์แปลกโทร.เข้ามาอีกแล้ว
              “สวัสดีค่ะ”
              “Hi! May I speak to Miss Nantharat please?”
              เอ๊ะ! ฝรั่งที่ไหนโทร.มาอีก
              “This is Nantharat”
              “Hi, I am calling from Haas School of Management, University of California Berkeley. I   have exciting news to share with you. You’ve been accepted to the Haas Class of 2017. Congratulations!”
              เบิร์กลีย์ก็ตอบรับเราด้วย!
              เกือบลืมไปแล้วว่ายื่นใบสมัครไปทั้งหมดสี่มหาวิทยาลัย
              โดนปฏิเสธไปหนึ่ง ส่วนอีกสามที่ที่เหลือก็ตอบรับเราหมดเลย เป็นสถิติที่โคตรจะเหลือเชื่อสำหรับคนอย่างเรา!
              พอผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากมาได้ ก็ถึงเวลาให้รางวัลตัวเอง ด้วยการลาพักร้อนบินไปซานดิเอโกให้คุณคริสพาเที่ยวให้หายเครียดสักสัปดาห์
    กลับมาแล้วก็ยังมีเวลาก่อนไปเรียนตั้งเกือบครึ่งปี
    หน้าที่ของเราระหว่างนั้นก็แค่ทำงานและรอให้ถึงเดือนสิงหาคม จะได้เดินทางสักที

              ชีวิตช่วงนั้นจึงเต็มไปด้วยกิจกรรมตระเวนซื้อของ ราวกับทุกอย่างในเมืองไทย จะไม่มีขายในประเทศอย่างอเมริกา เดินสายพบประชาชน ตั้งแต่เพื่อนสมัยมัธยม เพื่อนมหาวิทยาลัย ไปจนถึงเพื่อนในที่ทำงานเก่า
              สองปีต่อจากนี้ ชีวิตนักเรียนเอ็มบีเอ (MBA) ในเคลล็อกก์ที่เราใฝ่ฝันมานานนักหนา คงจะเป็นช่วงเวลาที่ดี เหมือนที่รุ่นพี่หลายคนเคยบอก
              จากนางสาวนันทรัตน์—เด็กหาดใหญ่ที่ถูกส่งไปทำงานใน
    บริษัทคอนซัลต์ไกลถึงลอนดอน และไม่กี่เดือนต่อมาก็ถูกเลย์ออฟกลางอากาศ จนชีวิตเสียหลักไม่เป็นท่า กำลังจะกลายเป็น
    Miss Nantharat น้องใหม่วงการเอ็มบีเอ มีแบรนด์มหาวิทยาลัยชื่อดังคอยรับประกันคุณภาพ
    เท่ชะมัด!

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in