แม้สถานะจะเป็นนักเรียนต่างชาติเข้ามาเรียนในบ้านนี้เมืองนี้ก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษีด้วย เพราะคุณใช้ถนนหนทางสถานที่สาธารณะที่สร้างด้วยเงินภาษีของเขา ภาษีนี้รวมถึงค่าประกันสุขภาพด้วย ภายหลังจ่ายภาษีไม่นานมีจดหมายจากคลินิกในเมืองให้ไปตรวจร่างกาย (Check-up) ซักถามประวัติฟังการเต้นหัวใจ จับชีพจร แล้วนัดมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap SmearTest) สิทธิที่ได้จากการจากการเสียภาษีคือสิทธิการออกเสียงเลือกตั้งด้วยซึ่งผู้เขียนได้ใช้สิทธินี้ครั้งหนึ่งด้วย
ช่วงระยะเวลาที่พักอาศัยอยู่นั้นผู้เขียนไม่เคยเจ็บป่วยเลย แม้แต่เป็นไข้ปวดหัวตัวร้อน สันนิษฐานว่ามาจากการออกกำลังการโดยการเดินขึ้นลงเขาจากห้องพักไปตึกเรียน จากตึกเรียนกลับห้องพัก หรือแม้แต่เข้าไปเที่ยวในเมืองก็ใช้วิธีเดินขึ้นลง ไม่ได้ประหยัดค่าแท็กซี่หรือค่ารถเมล์หรอก แต่ต้องรอถ้าเรียกแท็กซี่กว่ารถจะวิ่งขึ้นมารับ เราเดินลงไปเรื่อยๆ ได้เกือบครึ่งทางแล้วส่วนรถเมล์วิ่งเป็นเวลา ดังนั้น เดินคุยกันไป เดี๋ยวเดียวก็ถึง อีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการกินอาหารที่เป็นเวลาไม่กินจุบจิบ น้ำหนักลดแต่แข็งแรงเดินขึ้นลงเขาได้ไม่เหนื่อยเหมือนแรกที่มาถึงร่างกายยังปรับตัวไม่ได้มีอาการนอนไม่ค่อยหลับ เหนื่อยง่าย คล้ายกับอาการของ
ส้ม Jaffa รสชาติเปรี้ยวสุดๆ ผู้เขียนชื่นชอบผลไม้รสเปรี้ยวอยู่แล้วจึงโปรดปรานมากเป็นพิเศษ ชอบซื้อมาเก็บไว้ ส้ม Mandarin เปรี้ยวน้อยกว่าหน่อยอมหวานนิดๆ ทั้ง 2 ชนิด เป็นผลไม้ที่กินสลับสับเปลี่ยนกันไปทุกวันเพราะอุดมไปด้วยวิตามินซีและช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายคุณประโยชน์ของการกินส้มทุกวันน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งซึ่งช่วยไม่ให้ป่วยไข้หรือเป็นหวัดแม้แต่ครั้งเดียว
น้องผู้หญิงคนไทยที่เรียนด้วยกันบ่นๆ ว่า รู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ วันรุ่งขึ้นก่อนออกไปเรียนหนังสือแวะเข้าไปดูยังมีไข้ต่ำๆ อยู่ มีเม็ดใสๆ 1 เม็ด ขึ้นที่หน้าผาก คิดกันว่าคงเป็นสิว ตกบ่ายเรียนเสร็จแล้วกลับขึ้นหอ แวะเข้าไปดูปรากฏว่า เม็ดใสผุดขึ้นที่หน้าอีกหลายเม็ดตามเนื้อตามตัวก็มี Humphrey เพื่อนจีนมาเลย์ที่ตามมาเยี่ยมพร้อมกับเพื่อนอีก2-3 คน ทักขึ้นว่า เป็นอีสุกอีใส (Chicken Pox) คืนนั้นครอบครัวน้องที่อยู่ที่ London ขับรถมารับตัวไปพักรักษาตัวที่บ้านและไปแพร่เชื้อให้น้องสาวต่อ
ก่อนหน้านั้น เพื่อนผู้ชายชาวไต้หวันหายหน้าหายตาไปหลายวันไม่มาเข้าเรียน เพื่อนๆ ชาวฮ่องกงที่เช่าบ้านอยู่ด้วยกันบอกว่า เป็นอีสุกอีใส กลับมาเข้าเรียนอีกครั้ง ยังมีร่องรอยเหลืออยู่ตามใบหน้า
น้องผู้ชายคนไทยป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ (Influenza) ไข้ขึ้นสูงหน้าแดง ปากแดง ปวดเมื่อยเนื้อตัวและปวดหัวมาก ต้องพากันไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจและรับยามากิน 2-3 วันแรก น้องบ่นว่าเจ็บคอกินอะไรไม่ค่อยลง ผู้เขียนต้มข้าวต้มชนิดเละเป็นโจ๊กใส่เกลือไปให้กินพออาการค่อยทุเลารีบหาของอย่างอื่นมากินเพื่อให้หายป่วยเร็วๆเธอบอกกลัวโดนกินข้าวต้มเละๆ ใส่เกลือ
รายนี้ไม่ได้เจ็บป่วยทางร่างกายแต่เป็นทางจิตใจเพื่อนผู้ชายชาวอิรัคเรียนห้องด้วยกัน เธอมาเรียนด้วยเงินส่วนตัวที่กู้มาวันสอบปลายภาค สังเกตว่าไม่มาสอบหลายวิชา เพื่อนผู้หญิงชาวมาเลย์ที่เรียนด้วยกันเล่าว่า พยายามกินยาฆ่าตัวตาย เพื่อนผู้ชายชาวมาเลย์ที่เรียนและเช่าบ้านอยู่ด้วยกันพาส่งโรงพยาบาลล้างท้องและช่วยชีวิตไว้ได้ ก่อนหน้านั้น เพื่อนมาเลย์คนนี้ไปเจอกำลังเดินลงไปในทะเลหวังฆ่าตัวตายครั้งหนึ่งแล้ว ทางครูบาอาจารย์และมหาวิทยาลัยรู้เรื่องและดูแลอย่างเต็มที่พร้อมติดต่อญาติที่อิรัคให้มารับตัวกลับเรียบร้อยแล้ว และสั่งห้ามเพื่อนๆ ไปเยี่ยมกลัวกระทบกระเทือนจิตใจ เมื่อกลับประเทศแล้ว ทางมหาวิทยาลัยยังส่งข้อสอบตามไปให้สอบให้จบกระบวนการและออกPost-graduated Certificate
เพื่อนชาวอิรัคคนนี้ ลักษณะนิสัยเป็นคนพูดห้วนๆเวลาพวกผู้หญิงจับกลุ่มคุยกัน พอเธอก้าวเข้ามา วงแตกทันทีเพราะการพูดจาของเธอฟังดูเหมือน ผู้หญิงน่ะเรอะ จะไปรู้อะไร สู้ผู้ชายไม่ได้
เวลานั้นประเทศไทยมีการทำรัฐประหารเหมือนกัน นักการเมืองตัวเอ้หนีออกนอกประเทศกันหลายคนอาจารย์ที่สอนคนหนึ่งถึงกับเดินมาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ร้ายแรงไหมมีการต่อสู้กันไหม เข้าใจความรู้สึกของเขานะว่า ในหัวเขาคงมีภาพของการสู้รบฆ่าฟันกัน เหมือนอย่างที่เห็นในประเทศอื่นๆ ต้องอธิบายให้เข้าใจว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แค่การ exercise เท่านั้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in