เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LONDON CALLINGSALMONBOOKS
คำนำ







  • คำนำสำนักพิมพ์


    1

    ลอนดอนเป็นเมืองน่าเที่ยว

    เราได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองในอังกฤษแห่งนี้มานานนม ไม่ว่าจะในบทเรียน ในหนังสือ ป๊อปคัลเจอร์มากมายที่คุ้นเคยจากสิ่งบันเทิงทั้งหลาย ดนตรี ภาพยนตร์ การ์ตูน ภาพบนคุ้กกี้กล่องแดง เมืองที่เป็นเมกกะของคอฟุตบอล ฯลฯ

    ไม่มากก็น้อย ในชีวิตหนึ่ง ทุกคนคงอยากไปเที่ยวลอนดอนสักครั้ง ไปดูความศิวิไลซ์ของเมืองที่มากด้วยตำนาน ย่านวัฒนธรรมเก่านับร้อยปีที่ยังคงเอกลักษณ์เอาไว้ได้ ไหนจะบรรยากาศของการเป็นเมืองแห่งการศึกษาระดับหัวแถวของโลก มหาวิทยาลัยชั้นนำ ของโลกฝังตัวอยู่ที่นี่

    พวกเราเองก็ด้วย เป้าหมายในกระปุกเก็บเงิน ไม่นานเกินหยอด เราตั้งใจจะไปลอนดอนในสักวัน

    2

    ลอนดอนเป็นเมืองน่าวาด

    อย่างที่กล่าวไป เอกลักษณ์ของลอนดอน รวมถึงความเป็นอังกฤษ ชัดเจนโดดเด่น เห็นได้จากอาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรม ถนนหนทาง ความเป็นศิลปะมากมายที่สถิตอยู่ที่นี่ พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี ของจิปาถะจุกจิกที่จอแจหนาแน่นกระจายอยู่ทั่วทุกแห่งหน เราเชื่อว่าถ้าอยู่ที่นั่นและมีกล้องอยู่ในมือ มันคงจะต้องทำงานเหนื่อยหน่อยในลอนดอน 

    หรือถ้ามีฝีมือการวาดรูปสักหน่อย ไม่มากก็น้อยเราก็คงจะอยากหยุด นั่งลงตรงนั้น หยิบกระดาษ ดินสอลงมือสเกตช์รูปเอาไว้จะเพลินขนาดไหน แค่คิดก็สนุกแล้ว

    3

    ลอนดอนเป็นเมืองน่าอ่าน

    ด้วยความทรงจำเกี่ยวกับลอนดอนที่เรามีร่วมกัน ภาพที่คุ้นชินทับซ้อนกันอยู่มากมาย เวลาพูดถึงเมืองแห่งนี้ก็น่าจะเอ่ยแลนด์มาร์กหรือที่ที่อยากจะไปเยี่ยมเยือนไม่ต่างกัน แต่ที่น่าสนใจคือ ในที่เดียวกัน เราคงรู้สึกต่อทุกสิ่งไม่เหมือนกัน อย่างที่เราเขียนลงในคำนำสำนักพิมพ์หลายๆ ครั้งว่าเสน่ห์ของหนังสือบันทึกการเดินทางคือเรากำลังอ่านอะไรจากสายตาแบบไหนของผู้เขียน

    อย่างที่หนังสือเล่มนี้ยังน่าสนใจกว่านั้น เมื่อมันถูกเขียนและวาดขึ้นมาด้วยนักวาดเขียนคนสนิทของเราที่ต่างกันรู้กันดีว่ามีมุมมองแปลกประหลาด (พอๆ กับพฤติกรรม...) ที่มาพร้อมกับฝีมือการวาดอันร้ายกาจ

    ลอนดอนของ Art Jeeno เป็นยังไง เขาไปทำอะไรที่นั่น เห็นอะไรในเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันโดดเด่น รู้สึกยังไงกับบ้านเมืองที่เคยได้ยินแต่ในโทรทัศน์หรือเคยอ่านแค่ในหนังสือ

    ดีไม่ดี เมื่ออ่านจบ คุณอาจจะมองเมืองนี้ในมุมใหม่ และตัดสินใจอีกครั้งว่า เงินในกระปุกที่หยอดเก็บไว้จะเอาไปเที่ยวที่ไหนแทนดี (อ้าว! เฮ้ย ล้อเล่น!)


    สำนักพิมพ์แซลมอน








  • ผมย้ายบ้านสามครั้งในรอบหนึ่งปี มันทำให้ผมเหนื่อยเกินไป เหนื่อยกับการจัดข้าวของเดิมๆ ให้เข้าที่เรียบร้อย แต่ผมก็เบื่อบ้าน ผมอยู่บ้านคนเดียวมานานเกินไป ต้องการไปนอนที่ไหนก็ได้ให้ไกลๆ ต้องการไปเจอผู้คนใหม่ๆ ผมจึงเริ่มมีความคิดว่า จะไปอยู่ต่างจังหวัด พอคิดไปเรื่อยๆ ก็ลุกลามจนถึงหาที่ที่จะไปอาศัยอยู่กับเพื่อนตามต่างประเทศที่พอจะนึกออกก็มีสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และอังกฤษที่ซึ่งผมมีเพื่อนชื่อจ๊อยไปเรียนต่อที่อังกฤษเมื่อปีที่แล้วอยู่พอดี แต่พอติดต่อไป จ๊อยบอกว่าเดือนหน้าจะกลับแล้ว ถ้าจะมาก็รีบมา ผมจึงวางแผนว่าจะไปนอนบ้านจ๊อยสักสิบวันแล้วค่อยกลับไทยพร้อมกัน โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องการทำวีซ่ามาก่อน...

    ผมอยากไปลอนดอนมากกว่าที่อื่นเพราะอยากไปเห็นชีวิตความเป็นอยู่และการแต่งตัวของคนอังกฤษผมชอบตึกทรงคลาสสิกสไตล์ยุโรปที่ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน อยากได้ยินสำเนียงของคนอังกฤษแบบใกล้ชิดจะได้ฝึกสำเนียงไปด้วย (พอดีกำลังอินกับซีรีส์ของอังกฤษอย่าง This is England ‘86 และ This is England ‘88 ว่างๆ ก็นั่งรถไฟไปฟังสำเนียงยากๆ ที่สกอตแลนด์สักสองสามวัน (สำเนียงแบบในหนังเรื่อง Trainspotting) แถมช่วงนี้ยังมีนิทรรศการสวนสนุกแสนหดหู่ Dismaland ที่จัดขึ้นแค่ประมาณเดือนเดียวของ Banksy อีก แต่เอาเข้าจริง ที่ผมอยากไปทำจริงๆ คือไปกินเบียร์ท่ามกลางอากาศเย็นๆ ส่วนแผนการเที่ยวนั้นไม่มีหรอก จ๊อยมันอยากพาไปไหนก็แค่เดินตามมันไป

    สองสัปดาห์ผ่านไป พรุ่งนี้ถึงเวลาเดินทางแล้ว แต่วีซ่ากลับยังไม่ได้ ผมเลยต้องเลื่อนการเดินทางออกไปอีกเจ็ดวัน ดิสม่าแลนด์ก็ไม่ได้ไป เลยต้องหาซื้อตั๋วใหม่แต่เหมือนว่าตั๋วจะขายหมดแล้ว ที่สำคัญคือกำหนดการกลับไทยของจ๊อยยังเหมือนเดิม...

    เท่ากับว่าตอนนี้ผมมีบ้านให้นอนฟรีเหลือแค่สามคืน แล้ววันที่เหลือจะไปนอนที่ไหน คนพาเที่ยวก็ไม่มีแล้ว ทำไงดีล่ะ

    ...ค่อยไปมั่วๆ เอาที่นู่นแล้วกัน



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in