เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Let's Talk About LOVEMplusJ
DAY-1 ทฤษฎีสีมาร์คโน่
  • Title : ทฤษฎีสีมาร์คโน่

     

    Author : MplusJ

     

    Writing Prompt : Colors



    แสงแดดยามบ่ายในช่วงฤดูร้อนวันหนึ่งสาดส่องไปทั่วพื้นที่ ไม่เว้นแม้แต่ใต้ร่มไม้ข้างสนามบาสเก็ตบอลที่มีเหล่านักเรียนชายกำลังเล่นกีฬากันอย่างสนุกสนาน เสียงเชียร์ของเหล่าสาวๆที่กำลังตะโกนส่งเสียงเรียก 'รุ่นพี่มาร์ค' นักกีฬาโรงเรียนที่แสนโด่งดังนั้นกึกก้องไปทั่วทั้งสนาม


    ส่งผลให้ 'เจโน่' นักเรียนธรรมดาๆคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งข้างสนามรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย


    จะกรี๊ดอะไรกันนักกันหนา


    คนตัวเล็กขมวดคิ้วจนแทบจะชนกัน ก่อนจะมองไปยังภาพตรงหน้า ภาพของรุ่นพี่มาร์คที่กำลังใช้มือข้างหนึ่งของตัวเองเสยกลุ่มผมสีดำของตัวเองขึ้นเพื่อระบายความร้อนที่เกิดจากแสงอาทิตย์และกิจกรรมที่กำลังทำอยู่


    เจโน่ชะงัก หัวใจดวงน้อยๆสั่นไหว มือเล็กจับพู่กันคู่ใจก่อนจะก้มลงระบายสี แต่งแต้มผลงานชิ้นที่สิบห้าในคอเล็คชั่นของตัวเองต่อไป โดยที่มืออีกข้างก็ไม่วายยกขึ้นมากุมตรงตำแหน่งหัวใจของตัวเอง 


    หยุ..หยุด หยุดนะเจโน่ ถ้านายยังไม่หยุดใจเต้นตอนนี้ มีหวังได้เป็นลมแน่!






  • เสียงกรี๊ดดังสนั่นของสาวๆกองเชียร์ทั้งหลายเงียบหายไปหลายนาทีแล้ว เจโน่ที่กำลังขมักเขม้นกับงานตรงหน้าของตัวเองก็ได้เวลาต้องวางมือเสียที ผลงานชิ้นที่สิบห้าของเจโน่ใกล้เสร็จสมบูรณ์เต็มที เหลือเพียงแค่เก็บรายละเอียดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 


    คนตัวเล็กยิ้มพอใจ ก่อนจะจัดการนำอุปกรณ์ต่างๆไปทำความสะอาด ก่อนจะเก็บทุกอย่างใส่กระเป๋า หยิบแฟ้มใส่ผลงานขึ้นแนบอกก่อนจะลุกออกจากที่นั่ง มุ่งหน้าไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่หน้าโรงเรียนอย่างสบายใจ


    สายลมอ่อนๆพัดให้อารมณ์ศิลปินเข้าครอบงำเจโน่ ไม่รอช้าเจโน่ก้มลงหาหูฟังที่นอนพันกันอยู่ที่ไหนสักแห่งในกระเป๋าเป้ และเพราะความสะเพร่านี้เอง ทำให้เจโน่ชนเข้ากับคนกลุ่มใหญ่ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องพักนักกีฬาเข้าอย่างจัง


    พลั่ก!


    "โอ๊ยย!"


    แผ่นกระดาษมากมายที่อยู่ในอ้อมอกลอยกระจัดกระจายไปทั่วทางเดิน พร้อมกับร่างเล็กของเจ้าของที่ล้มลงไปนั่งจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้น เจโน่เผลอส่งเสียงออกมาเสียงดังด้วยคามตกใจ ก่อนจะรีบลุกขึ้นเก็บกระดาษผลงานของตัวเองที่ตกอยู่เต็มไปหมด ป่านนี้พวกผู้ชายที่ยืนอยู่คงเห็นรูปภาพต่างๆไปหมดแล้วแน่ๆ


    เจโน่ก้มลงเก็บแผ่นกระดาษต่างๆได้ไม่นาน อยู่ดีๆก็มีใครบางคน ก้มลงมาช่วยเก็บแผ่นกระดาษที่เหลือจนหมด เจโน่รีบลุกขึ้นก่อนจะรีบรับกระดาษมา


    "ขอบคุณมากนะค.. รุ่นพี่มาร์ค!!" 


    คนตัวเล็กยืนแข็งทื่อ มือที่ยื่นไปเผลอกำกระดาษแน่นเสียจนยับยู่ยี่ ใบหน้าหวานซีดเผือดเมื่อเห็นว่าคนที่เป็นแบบในผลงานทุกสิบห้าชิ้น รวมถึงเป็นคนตัวเองชอบมาอยู่ตรงหน้า 


    รุ่นพี่มาร์คต้องเห็นหมดแล้วแน่ๆ 


    ทำยังไงดี .. 


    "เชี่ยยย นี่รูปไอมาร์คหมดเลยนี่หว่า สวยด้วยนะเนี่ย"


    "นี่มึงมีแฟนคลับเป็นผู้ชายด้วยหรอวะ ไม่เบาเลยน้าไอ้เสือออ"


    "พวกเหี้ยนี่! ล้อไม่เข้าเรื่อง มึงดูหน้าน้องเขาด้วย จะร้องไห้อยู่แล้วหน่ะ ฮ่าๆๆ"


    เสียงใครต่อใครที่อยู่ในกลุ่มรุ่นพี่มาร์คต่างพูดสลับกันไปมา ลงท้ายด้วยการส่งเสียงหัวเราะราวกับมันเป็นเรื่องตลกนักหนา ไม่รอให้รุ่นพี่ตรงหน้าเอ่ยปากตอบอะไร เจโน่รีบดึงกระดาษออกมาก่อนจะรีบวิ่งหนีไปทันที เขาคงไม่มีหน้ามาดูรุ่นพี่มาร์คเล่นบาสได้อีก






    มาร์คหันมองรุ่นน้องตัวเล็กผมบลอนด์วิ่งหนีหายไป ก่อนจะหันไปห้ามแจฮยอนกับยูตะให้หยุดหัวเราะสักที เขาส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะก้มลงหยิบกระดาษอีกใบที่ตกอยู่ไกลจากจุดเกิดเหตุเมื่อกี้นี้ ภาพของเขาที่กำลังก้มลงเล่นกีตาร์ ถูกวาดและระบายด้วยสีน้ำอย่างตั้งใจปรากฎขึ้นตรงหน้า 


    มาร์คพิจารณามันได้ไม่นานก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ตัดสินใจเก็บมันลงกระเป๋า แล้วหันเรียกให้เพื่อนๆที่ยืนคุยกันอยู่ให้รีบออกจากโรงเรียนกันไปเสียที



  • "กลับมาแล้วครับ~ วันนี้มีอะไรกินบ้างครับแม่ มาร์คหิ๊ววว หิว" 


    เสียงออดอ้อนแสนจะทะเล้นของมาร์คดังทะลุเข้ามาในครัวก่อนที่เจ้าตัวจะถอดรองเท้าหน้าบ้านเสร็จซะอีก ทำเอาคุณนายลีหัวเราะ ก่อนจะส่ายหัวให้กับความเสียงดังของเจ้าลูกชาย


    "วันนี้มีซี่โครงวัวตุ๋นกับหมูผัดเปรี้ยวหวานครับผม" 


    "หู้ยยยย วันนี้หิมะจะตกรึป่าวครับเนี่ย มาร์คจะได้กินซี่โครงด้วย"


    "พอดีแม่เห็นซี่โครงลดราคา ก็เลยซื้อมา เห็นเด็กแถวนี้บ่นอยากกินอยู่เป็นอาทิตย์"


    "มาร์ครักแม่ที่สุดเล้ยย~"


    พูดจบ ก็จัดการแปลงร่างเป็นเด็กชายมาร์คลี เข้าไปกอดหอมคุณนายลีเสียจนโดนไล่ให้ไปนั่งรอที่โต๊ะกินข้าว ไม่นานนักคุณนายลีก็ยกอาหารมาวาง ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มกินข้าวพร้อมกับพูดคุยเรื่องราวต่างๆกันอย่างสนุกสนานตามประสาแม่ลูก


    "แม่ครับ มาร์คขอตัวขึ้นห้องก่อนนะครับ"


    "จ้าา อย่าลืมปิดทีวีให้แม่ด้วยล่ะ ฝันดีครับผม"


    "ฝันดีค้าบบบ"


    เสียงปิดประตูดังขึ้นหลังจากมาร์คบอกฝันดีจบ คนตัวสูงเดินมานั่งที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะหยิบกระเป๋ามาเปิดหากระดาษที่เก็บมาวันนี้ ก่อนจะใช้สก็อตเทปแปะมันเข้าไปกับผนังโต๊ะตรงหน้า 


    Jeno lee 25/08/17


    มาร์คสะดุดเข้ากับลายเซ็นต์ของเจ้าของผลงาน ก่อนจะครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง


    เจโน่ ลี ? ชื่อคุ้นๆแหะ


    ถ้าจำไม่ผิด เหมือนจะเป็นเพื่อนสนิทของไอ้แฮชาน...


    ไม่รอช้าเขาหยิบโทรศัพท์ก่อนจะส่งข้อความไปหารุ่นน้องคนสนิททันที



    M.lee : ไอแฮช

    M.lee : ไอแฮช

    M.lee : ไอแฮช

    M.lee : ตอบโว้ยยยย


    มาแล้วโว้ยยย : HAE_chan 

    รัวมาทำเชี่ยไรของพี่วะเนี่ย : HAE_chan


    M.lee : มีเรื่องจะถาม


    ว่า? : HAE_chan


    M.lee : เพื่อนสนิทแกนี่ ใช่คนที่ชื่อเจโน่ 

    ตัวเล็กๆ ทำผมบลอนด์ป่ะวะ


    เยสสสส : HAE_chan

    ทำไมวะพี่ มีไรกับมันป่าว : HAE_chan


    นั่นดิ กูมีิอะไรวะ ...



    M.lee : ป่าวๆๆ

    M.lee : คือ กูแค่กำลังหาคนมาเป็นผู้จัดการทีม

    แทนแทอิลอ่ะ 

    M.lee : เขาเพิ่งมาขอออกวันนี้


    เอ้า ทำไมวะ : HAE_chan

    เออ แต่ไอโน่มันก็ว่างๆนะ ไม่ได้อยู่ชมรมอะไร : HAE_chan

    แปป เดะถามให้ : HAE_chan


    M.lee : เออ ให้ไว



    มาร์คโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง แอบนึกสงสัยว่าอะไรทำให้ตัวเองตอบไปอย่างนั้น ก่อนจะเลิกสนใจแล้วย้ายไปทำการบ้านแทน 


    หลังจากอาบน้ำใส่ชุดนอนเสร็จ คนตัวสูงก็ได้เวลาล้มตัวลงนอนบนเตียง มือเอื้อมไปคลำหาโทรศัพท์ก่อนจะกดดูข้อความล่าสุด


    23.46 


    HAE_chan : ไอโน่มันโอเคนะพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมพามันไปชมรมพร้อมกันเลย


    มาร์คเองก็ไม่รู้ว่า กับไอแค่ข้อความ ข้อความเดียว มันทำให้เขานอนหลับฝันดีไปได้ยังไง





  • "พวกพี่มึงครับ นี่เจโน่ ผู้จัดการทีมคนใหม่ เป็นเพื่อนสนิทผม"


    "เอ่อ.. สวัสดีครับ"


    "อ้าว นี่มันน้องแฟนคลับคนเมื่อวานนี่หว่า!"


    ยูตะทำหน้าตกใจก่อนจะตะโกนขึ้นมาเสียงดัง เล่นเอาคนตัวเล็กถึงกับหน้าเสีย แต่ไม่ทันไร ก็โดนจอห์นนี่กัปตันทีมตบหัวเอาเข้าให้


    "น้องเขาชื่อเจโน่ ไอสัด"


    เป็นมาร์คลีที่พูดแก้ขึ้นมา ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มแนะนำตัวให้ผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างเป็นกันเอง ทำให้เจโน่คลายความกังวลไปได้มาก




    และเนื่องจากวันนี้เป็นวันแรก เจโน่จึงยังไม่ต้องทำอะไรมากนัก เพียงแค่เรียนรู้งานจากพี่แทอิล ผู้จัดการทีมคนก่อนที่กำลังจะลาออกไปมุ่งมั่นให้กับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย


    ผ่านไปไม่นาน เวลาเกิดเหตุของเมื่อวานก็ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงซะแล้ว กลับกันที่วันนี้เจโน่เปลี่ยนจากการขึ้นรถเมล์ เป็นการเดินกลับบ้านพร้อมกับคู่กรณีเสียอย่างนั้น


    เขาล่ะอยากจะตีไอแฮชาน เจ้าเพื่อนรักเพื่อนร้ายของตัวเองเหลือเกิน หลังจากคุยซุบซิบๆอะไรก็ไม่รู้กับรุ่นพี่มาร์ค สักพักก็เดินมาบอกว่าจะให้รุ่นพี่มาร์คไปส่งที่บ้านแทน เพราะตัวเองมีธุระที่ต้องไปทำ


    ทำเหมือนลืมไปหมดแล้วว่าเจโน่แอบชอบเขาน่ะ!!


    "น้องเจโน่ น้องเจโน่ครับ"


    "ครับ?!!" เจโน่ตกใจเผลอตอบรับไปเสียงดัง ก็เห็นเดินเงียบๆมาตั้งนาน ไม่คิดว่าอยู่ดีๆจะทักเรานี่นา..


    "คือรูปพี่ ที่น้องวาดน่ะ.."


    "โน่ขอโทษรุ่นพี่มาร์คจริงๆนะครับ ที่วาดโดยไม่ขออนุญาตพี่ก่อน โน่จะไม่อีกแล้ว อย่าโกรธโน่เลยนะครับ"


    คนตัวเล็กรีบตอบออกไปทันที เขาไม่อยากได้ยินคำพูดทำร้ายจิตใจจากรุ่นพี่มาร์คเลยสักนิด ใบหน้าหวานจ้องมองไปยังอีกคนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบเมื่อวานไม่มีผิด


    เหมือนกับบรรยากาศรอบๆหยุดนิ่ง ราวกับว่านาฬิกาหยุดเดินไปชั่วขณะตอนที่มาร์คสบสายตาของคนตรงหน้า ใบหน้าหวานกับริมฝีปากสีอมชมพูที่เม้มแทบจะเป็นเส้นตรงนั้นดูน่าเอ็นดูไปเสียหมด 


    เป็นครั้งแรกของมาร์ค ที่เขารู้สึกเหมือนมีผีเสื้อนับพันตัวบินอยู่ในท้อง


    และมาร์ครู้ตัวดี ว่านี่เป็นอาการของคนที่กำลังตกหลุมรัก


    ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปตอนไหน รู้ตัวอีกที มาร์คก็เห็นตัวเองใช้มือประคองใบหน้าอีกคน นิ้วโป้งของเขากำลังเกลี่ยริมฝีปากสีชมพูนุ่มนิ่มนั่นให้เลิกเม้มปากไปซะแล้ว


    มาร์ครีบดึงมือออก เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองทำหน้าอะไรออกไป เพราะใบหน้าของเด็กน้อยตรงหน้าเขาตอนนี้ขึ้นสีแดงซะจนน่าฟัด 


    อดทนไว้ไอมาร์ค อดทนไว้!


    "เอ่อ..พี่ แค่จะบอกว่า ..ไม่ได้ว่าอะไร วาดไปเถอะ พี่ชอบ"ชอบคนวาดน่ะนะ.. 


    "จริงหรอ?! รุ่นพี่มาร์คชอบจริงๆหรอครับ!"


    ดวงตาของเจโน่เป็นประกาย เขานึกว่าจะโดนดุและขอให้เลิกวาดไปแล้วซะอีก 


    "ครับ คราวหลังอยากวาดก็มาบอกพี่ได้นะ จะนั่งเป็นแบบให้เลย"


    "ขอบคุณนะครับรุ่นพี่มาร์ค"


    "พี่มาร์คเฉยๆก็ได้ เรียกรุ่นพี่มาร์คแล้วพี่รู้สึกแปลกๆน่ะ"


    "ได้ครับพี่มาร์ค" เจโน่ตอบรับอย่างรวดเร็ว ในใจตื่นเต้นเสียจนอาการเขินอายเมื่อสักครู่นี้หายไปจนหมดสิ้น 


    น่าเสียดายที่คุยกันได้ไม่นานนักก็มาถึงที่หน้าบ้านของรุ่นน้องตัวเล็ก มาร์คนึกอยากจะยืดเวลาให้มันนานกว่านี้หน่อย เขายังไม่อยากกลับบ้านเลย


    "ขอบคุณที่มาส่งโน่นะครับพี่มาร์ค"


    เจโน่หันมาโค้งให้เล็กน้อย ก่อนจะหันไปเปิดประตูรั้วบ้านตัวเอง 


    "น้องเจโน่!"


    จะตะโกนทำซากอะไรของมึงไอมาร์ค!


    "ห่ะ..ห้ะ? ครับ?!"


    "คือ คือหลังจากนี้ พี่ขอมาส่งน้องเจโน่ที่บ้านทุกวันเลยได้ไหม"


    ไอเชี้ยยย กูพูดอะไรออกป๊ายย


    มึงดุูดิ้ น้องนิ่งไปเลย ชิบหายแน่ๆไอมาร์ค


    "ก็ได้ครับ.."


    "ไม่เป็นไรครับ พี่ก็ว่าอยู่ว่าพี่ขออะไรแปลกๆ.. ห้ะ?!! น้องเจโน่ว่าไงนะครับ?!"


    "โน่บอกว่า พี่มาร์คมาส่งโน่ได้ทุกวันเลยครับ"


    ใครก็ได้ช่วยมาร์คด้วย มาร์คจะเป็นล๊มมมมมม




    (นี่พี่!! ถ้าจะโทรมาเฉยๆ ไม่พูดไม่จา ผมจะวางสายแล้วนะ เสียเวลาเล่นเกมโว้ย!) 


    เสียงโวยวายของแฮชานดังออกมาจากปลายสาย ตกใจแทบตายตอนหน้าจอโทรศัพท์โชว์เบอร์รุ่นพี่คนสนิท ที่ชาตินึงจะโทรมาทีนึง แต่กลับนั่งเป็นใบ้ไม่พูดไม่จา


    "กูทำอะไรลงไปวะ เชี่ย กูไม่เคยเป็นงี้เลยนะเว้ยไอแฮช"


    (แล้วพี่มึงทำอะไรล่ะครับ เลิกเพ้อได้แล้วผมไม่รู้เรื่อง)


    "กูขอน้องโน่ไปส่งเขาที่บ้านทุกเย็น.."


    (ห้ะ?! ว่าไงนะ! พี่ขอไปส่งไอโน่ทุกเย็น?! แล้วไอโน่มันว่าไง)


    "เออดิวะ น้องเขาก็ตกลงนะมึง แต่แบบ..มึงว่า น้องเขาจะกลัวกูป่ะวะ"


    (ถ้ามันกลัวมันจะตอบตกลงไหมละวะ แถมเมื่อวานพี่บอกเองว่ามันวาดรูปพี่เยอะแยะขนาดนั้น มึงคอดว่ามันวากไปเพื่ออะไรล่ะ คิดสิพี่ คิด! )



    "นั่นดิ น้องวาดรูปกูทำไมวะมึง.. เออ! บางทีหน้ากูอาจจะวาดง่ายก็ได้นะ"


    (โอ้ยยยย คนนึงก็ไม่กล้า คนนึงก็โง่ กูไม่รู้จะทำยังไงละโว้ย! ไปคุยกันเองไป๊ แค่นี้นะ!)


    ติ๊ด! 





  • "มึงแน่ใจหรอวะไอมาร์ค ว่าจะเอาวิธีนี้น่ะ"



    แจฮยอนถามขึ้น หลังจากทนไม่ได้ที่จะเห็นเพื่อนละเลงสีน้ำลงบนแผ่นกระดาษ อย่าเรียกว่างานศิลปะเลย เด็กอนุบาลยังทำสวยกว่ามันอีก! 



    มาร์คหยุดมือ ก่อนจะโยนพู่กันลงไปในกระป๋องใส่น้ำ ฉีกกระดาษหน้าสุดท้ายของสมุดมาขยำทิ้ง หงุดหงิดชะมัด ทำไมทำออกมาไม่สวยเหมือนที่เจโน่ทำเลยวะ



    "ก็เจโน่วาดรูปให้กูตั้งเยอะ แต่กูไม่เคยทำอะไรให้เลยนี่หว่า อีกอย่าง กู..อยากขอน้องเป็นแฟนละด้วย"



    "นี่มึงคุยกับน้องมากี่เดืือนละวะ"



    "จะสี่เดือนแล้ว แต่อย่าเรียกว่าคุยเลยไอสัด กูแค่ไปส่งน้องเขาที่บ้านตอนเย็นเฉยๆเอง แล้วน้องเขาก็ให้รูปวาดกูมาทุกเย็นเนี่ย"



    "กากสัด ไอเสือมาร์คหายไปไหนละวะ" ยูตะถามขึ้น



    "กูถามมึงจริงๆนะมาร์ค น้องแม่งมีอะไรวะถึงทำมึงเป็นขนาดนี้ ปกติเคยลุกขึ้นมาทำอะไรให้ใครแบบนี้ที่ไหน"



    “เอาจริงๆนะมึง”

     


     

    “กูก็ไม่รู้ว่ะ.. ”

     


     

    “กูแค่รู้สึกว่า เวลากูอยู่กับน้องเขากูได้เห็นโลกต่างไปจากเดิม น้องเป็นคนมองโลกในแง่ดี แถมยังชอบมองอะไรเป็นสีสันไปซะหมดมึงเชื่อป่ะว่าเห็นชีวิตน้องเรื่อยๆเรียบๆแบบนั้นน่ะ ตอนแรกกูก็คิดว่ากูจะเบื่อ”

     


     

    “แต่พอกูได้ลองเข้าไปลองใช้ชีวิตในโลกเรียบๆของน้องนะมึงรู้ไหมว่ากูค้นพบอะไร”

     

     


    เพื่อนทั้งสามได้แต่ส่ายหน้า แต่ก็ตั้งใจฟังเพื่อนสนิทเป็นอย่างดี

     


     

    “กูพบว่าคนที่ใช้ชีวิตได้น่าเบื่อคือกูเองเว่ยกูใช้ชีวิตไปวันๆ เรียน เล่นบาส กลับบ้าน มีไปเที่ยวบ้างวันหยุด ชีวิตกูวนอยู่อย่างนี้ซ้ำๆไม่มีความหมายเชี่ยอะไรเลยแต่การเดินกลับบ้านกับน้องเขามันทำให้กูเหมือนได้มองอะไรให้กว้างขึ้นเลยว่ะคงเพราะน้องชอบหยุดถ่ายรูป เอาไปเป็นแบบวาดรูปด้วยแหละ”

     

     


    “…” 




    ทั้งสามคนยังคงเงียบกริบ เขาเองก็ไม่คิดว่าเพื่อนสนิทจะหลงใครสักคนได้ขนาดนี้แต่เท่าที่ฟังนั้น น้องเขาก็เป็นคนน่ารักคนนึง คงจะไม่เสียหายอะไรถ้าจะรักกัน

     


     

    “งั้นเอางี้ กูมีแผนให้มึง”แจฮยอนเอ่ยปาก ก่อนจะกวักมือเรียกให้เพื่อนๆเข้ามาสุมหัวฟังแผนการ

     

     

     

     

     




    “แฮชช ลากเรามาทำไมเนี่ย วันนี้ชมรมงดซ้อมไม่ใช่หรอ”

     


     

    “เถอะน่า มาเป็นเพื่อนกูหน่อย กูลืมของเอาไว้”

     


     

    เสียงคนตัวเล็กที่กำลังบ่นเพื่อนสนิทดังไปทั่วทั้งบริเวณทางเดินแต่ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะอิดออดแต่อย่างใดแฮชานอมยิ้ม เขารู้อยู่แล้วว่าเจโน่จะไม่ใจร้ายปล่อยให้เขาไปคนเดียวแน่นอน

     

     


    “เออมึง กูถามไรหน่อยดิ”เจโนหันมองก่อนจะพยักหน้าเชิงอนุญาต

     

     

    “ทำไมมึงถึงชอบสีน้ำวะ”

     

     

    “สีน้ำหรอ.. เอาจริงๆนะ ตอนแรกเราก็แค่หาอะไรทำแก้เบื่อน่ะ แต่พอไปๆมาๆเรารู้สึกว่าสีน้ำนี่แหละที่ทำให้เรามองอะไรต่างๆในชีวิตประจำวันเปลี่ยนไป”

     

     


    “ไม่ได้หมายถึงในทางที่แย่นะ แบบ แกก็รู้ใช่ป่ะว่าเราเป็นพวกชอบสังเกตุอะไรเงียบๆแต่ก่อนเราก็ได้แค่มองแล้วก็เก็บมาคิดเฉยๆ แต่พอเรามีสีน้ำ เวลาเราเห็นอะไรเราก็สามารถวาดมันออกมาได้ เรามีความสุขมากเลยล่ะ”

     


     

    “มึงมีความสุขก็ดีแล้วล่ะ”ทั้งสองคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูชมรม แฮชานเอื้อมมือไปเปิดประตูก่อนจะเดินนำเจโน่เข้าไปคนตัวเล็กเดินตามเข้ามาก่อนจะปิดประตูให้เรียบร้อย และเมื่อหันไปอีกครั้งเจโน่ถึงกับชะงักไปเลย

     

     


    ผนังห้องชมรมเก่าๆถูกตกแต่งไปด้วยรูปภาพมากมาย ทั้งรูปของมาร์คและรูปวิวทิวทัศน์ต่างๆ ทุกๆอย่างล้วนเป็นรูปที่เจโน่เคยวาดให้มาร์คแสงไฟสีส้มอ่อนๆจากไฟประดับห้องส่งผลให้บรรยากาศดูอบอุ่นอย่างน่าประหลาด

     

     


    แต่ที่ทำให้แก้มของเจโน่เห่อร้อนนั้นไม่ได้อยู่ที่ทุกๆอย่างที่พูดมาทั้งหมดแต่เป็นเพราะคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้พร้อมกับกีตาร์ตัวหนึ่งดวงตาจ้องมองมาที่เขาพร้อมกับยิ้มให้

     

     


    พี่มาร์ค

     


     

    “เจโน่.. คือวันนี้ ก็ครบรอบสี่เดือนที่พี่ไปส่งโน่ที่บ้านพอดีเลยเนาะ” เจโน่พยักหน้าเบาๆตอบรับ เขาเขินกว่าจะพูดโต้ตอบออกไป

     


     

    “ตอนแรกพี่คิดว่าจะวาดรูปมาให้แต่พี่วาดไม่ได้เรื่องเลยล่ะ ฮ่าๆๆ พี่เลย แต่งเพลงมาให้แทน”

     

     


    “ตั้งใจฟังนะครับ”

     

     

     





    เธอ เธอเป็นสีชมพู เธอมีโลกของเธออยู่
    ที่ฉันไม่อาจล่วงรู้และไม่เคยเข้าไป
     

    ส่วนฉันเป็นสีเทา มีแต่ความเหงารอบๆ กาย
    ไม่รู้เลยมีความหมายอะไรมากกว่านี้


    แต่เธอและฉันก็เดินเข้ามาชิดใกล้
    มาทำให้ฉันแปรเปลี่ยนเป็นสีใหม่
     

    เมื่อชีวิตของเราไหลปนกัน
    โลกของฉันก็ดูจะเปลี่ยนสีไป


    อะไรเป็นของเธอ ก็กลายเป็นอะไรของฉัน
    เมื่อเราต่างเทสีผสมละลายเข้าด้วยกัน
    โลกของฉันและเธอก็สดใส กว้างใหญ่ขึ้นกว่าวันนั้น
    เมื่อสีทั้งสองผสมกัน เมื่อนั้นมันก็จะเป็นสีของเรา
    เราผลัดกันเดินเข้าไป สู่โลกคนละใบ
    สุดท้ายก็ต่างไม่รู้ ว่าโลกของใครเป็นของใคร
     

    เมื่อในวันนั้นเธอเข้ามาใกล้ๆ
    มาทำจนฉันแปรเปลี่ยนเป็นสีใหม่
    และเมื่อสีของเราไหลรวมกัน
    โลกของฉันก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปทั้งใบ


    อะไรเป็นของเธอ ก็กลายเป็นอะไรของฉัน
    เมื่อเราต่างเทสีผสมละลายเข้าด้วยกัน
    โลกของฉันและเธอก็สดใส กว้างใหญ่ขึ้นกว่าวันนั้น
    เมื่อสีทั้งสองผสมกัน เมื่อนั้นมันก็จะเป็นสีของเรา



     

                เสียงดีดกีตาร์จบลงพร้อมกับบรรยากาศในห้องกลับมาเงียบอีกครั้งมาร์คลุกขึ้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวเล็กที่ยืนยิ้มตาหยีน่าเอ็นดูอยู่ตรงหน้าเขาก่อนจะจับมือทั้งสองข้างของอีกคนขึ้นมากุมไว้

     


     

                “พี่ชอบเจโน่ ชอบมาก มากจนเก็บต่อไปไม่ได้แล้ว”

     


     

                “เป็นแฟนกับพี่นะครับเจโน่”

     


     

                คนตัวเล็กบีบมืออีกคนแน่นใบหน้าหวานก้มลงหลบตาอีกคนด้วยความขัดเขินก่อนจะเอ่ยปากตอบเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน

     


     

                “อ..อื้ม”

     


     

                “ห้ะ อะไรนะครับ พี่ไม่ได้ยินเลย”

     


     

                “อื้มม!!”

     


     

                “อื้มนี่คือ? จะเป็นหรือไม่เป็นครับ”

     


     

                “โอ้ยย! เป็นครับ!! ได้ยินชัดพอยังครับพี่มาร์ค!”

     


     

                “ครับ ชัดเจนเต็มสองรูหูเลยครับแฟน :) ”

     



     

     

     

    -FIN –

    #ทอบล


     

     

     

    TALK

     

    ฟิคเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจค #30daymarkno ของเดียร์ฮาร์ตนะคะ

    เราเองก็ไม่แน่ใจว่าสื่อออกมาได้ตรงกับโจทย์มากน้อยแค่ไหนสามารถติชมได้นะคะ

    ทั้งทางคอมเม้น และในทวิตเตอร์ #ทอบล เลยค่ะ เราเองไม่มั่นใจว่าจะสามารถ

    แต่งได้ครบทุกวันไหมเพราะยังอยู่ในช่วงงานเยอะเหมือนกันแต่จะพยายามแต่งให้ได้มากที่สุดนะคะ

    ฝากติดตามผลงานของไรท์เตอร์ที่กำลังฝึกฝนฝีมือคนนี้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ^^





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
baejuhyeol (@baejuhyeol)
โอ้ยยยยยยฮืออออออ บอกเลยค่ะว่าอบอุ่นหัวใจมากๆ ตอนพี่มาร์คเก็บเอารูปที่เจโน่วาดไปติดทั่วห้องแล้วตัวเองก็ร้องเพลงทฤษฎีสีชมพูให้น้อง ฮือออมันดีมากๆเลยค่ะ เราชอบมาก คุณเก่งมากๆเลยค่ะ ขอให้พัฒนาฝีมือการเขียนต่อไปเรื่อยๆเลยนะคะ ?