**NO สปอยล์! แต่จะมาทำให้ทุกคนอยากดู**
First of all, merry christmas!❤️?❤️?❤️
ไม่มีเด็กคนไหนหรอกที่ไม่ชอบคริสต์มาส? แน่นอน ตอนเด็กๆ ของทุกคนจะต้องมีสักครั้งที่เราตื่นเต้นมากเป็นพิเศษในช่วงใกล้วันคริสต์มาส รอคอยของขวัญจากซานตาคลอสในจินตนาการ คุณลุงตัวใหญ่ มีหนวดสีขาว ใส่ชุดสีแดง เดินทางไปไหนมาไหนพร้อมกับรถลากคู่ใจ แต่ถ้ามันมีความลับบางอย่างที่เราไม่เคยรู้มาก่อนล่ะ? งั้นมาลองเปิดใจกันหน่อยดีไหม
พูดกันตามจริง ตอนแรกจากแค่เพียงการดูโปสเตอร์หรือแม้กระทั่งดูตัวอย่างหนังไม่ได้ทำให้ดึงความสนใจกันสักเท่าไหร่นัก แต่มีคนมาบอกเราว่า don’t judge a book by it’s cover อย่าด่วนตัดสินอะไรจากภายนอก แต่หากให้ลองเปิดใจดูก่อน เราเลยได้มีโอกาสมานั่งดูเรื่องนี้ และต้องบอกเลยว่ามัน worth it มากๆ เรื่องนี้เป็นการ์ตูนที่ลึกซึ้งและแฝงอะไรมากมาย เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูยิ่งดีๆๆ ขึ้นทะลุเพดานได้เลย
Klaus หนังเรื่องใหม่จาก Netflix ที่จะทำให้คุณเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับซานตาคลอสที่คุณเคยรู้จักเมื่อตอนเด็กๆ ไปเลย หาก ’ซานตาคลอส‘ เป็นเพียงแค่ ‘มิสเตอร์คลอส‘ คนธรรมดาเท่านั้น?? เขาจะยังเป็นคนพิเศษอยู่หรือไม่ ต้องบอกก่อนเลยว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่จะทำให้คุณรู้สึกเหนือความคาดหมายและจะช่วยเติมเต็มช่วงเวลาส่งท้ายปี 2019 ที่มีความสุขที่สุดให้อบอุ่นขึ้นไปใหญ่ เหมือนกับถุงของขวัญอันมหึมาที่จะขนความสุข ความรัก ความเข้าใจ และความอบอุ่นมาให้คุณเมื่อได้ดูเรื่องนี้
เรื่องราวของ Klaus (เคล้าส์) ช่างทำของเล่นผู้ใจดีที่อาศัยอยู่ในเมืองห่างไกล และ Jesper (เจสเปอร์) บุรุษไปรษณีย์ผู้เห็นแก่ตัวที่ต้องมาทำงานในเมืองที่ตัดขาดจากโลกภายนอก มันดู contrast กันพอสมควรเลยแหละสำหรับสองคนนี้ที่จะกลายมาเป็นเพื่อนรักกัน แต่เรื่องราวพื้นเพทางครอบครัวและปัญหาของทั้งสองคนที่แตกต่างกันนั้นจะทำให้คุณเห็นแง่มุมทั้งสองทางมากขึ้น ได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวละคร ความพยายาม ความตั้งใจ และเข้าใจความคิดเหตุผลที่นำมาสู่การกระทำนั้นๆ จนทำให้คุณนึกถึงตัวเองและได้นึกคิดอะไรอีกมากมายเลยแหละ
Nobody is perfect ตัวละครทั้งสองคนนำเสนอสิ่งนี้ให้เราเห็นได้เป็นอย่างดี ความเป็นมนุษย์ที่มีทั้งความเศร้า ความกลัว ความเห็นแก่ตัว หรือแม้กระทั่งความรัก. ทั้งเคล้าส์และเจสเปอร์เป็นเพียงคนธรรมดาที่พยายามก้าวข้ามอุปสรรคนั้นไป จากตอนแรกที่มองว่าตัวเองไร้ประโยชน์ ไร้ค่า แต่ความพยายามจะตอบแทนเรา เราเชื่ออย่างนั้น ตอนที่ได้ดูเรื่องนี้จนจบ เรารู้สึกขอโทษต่อซานตาคลอสที่ยัดเยียดหน้าที่ในจินตนาการให้เขาเป็นผู้มอบความสุขกับผู้คนจนลืมไปว่าถ้าเกิดซานตานั้นก็เป็นเพียงคนธรรมดาแบบพวกเราที่ไม่ได้มีพลังวิเศษกับกวางเรนเดียร์ที่ลอยฟ้าได้ เป็นแค่คนธรรมดาที่ต้องการตามหาความสุขเช่นกัน มันคงน่าเศร้ามากๆ เลยแหละเพราะเราจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวไปแล้ว :-( แต่ก็ต้องขอบคุณที่ได้นำเสนอมุมมองจากอีกฝั่งที่เราไม่เคยคิดถึงมาก่อน เพราะมันทำให้เราเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น ในมุมมองของเขา ไม่คิดตัดสินไปเองว่าเขาเป็นเช่นนั้นเช่นนี้เพียงเพราะได้ยินมา แม้กระทั่งการโดนบีบบังคับจากสังคมรอบข้างว่าทำแบบนี้แล้วผิด ทำแบบนี้แล้วไม่ดี โดยที่บรรทัดฐานคนเราไม่เหมือนกัน การสงสัยไม่ใช่เรื่องผิด การเป็นตัวของตัวเองก็ไม่ผิดหากเราไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น. ไม่เพียงแต่เคล้าส์ แต่เจสเปอร์หนุ่มนักไปรษณีย์แสดงความคิด ความรู้สึกได้คล้ายกับคนในยุคปัจจุบันมากๆ ไม่ว่าจะเป็นความคิด การกระทำต่างๆ ตัวละครเจสเปอร์น่าจะเป็นตัวละครที่เวลาเราดูแล้วจะรู้สึกว่ามีส่วนหนึ่งในตัวละครที่คล้ายเราเหมือนกัน แต่เจสเปอร์ไม่ได้เป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างที่ว่านัก เพียงแต่เขาเป็นคนที่กำลังหลงทางและกำลังตามหาตัวเองอยู่ เหมือนกับเราทุกๆ คน เราต้องลองผิดลองถูกจนกว่าจะรู้ใจตัวเองนั่นแหละว่าความสุขที่แท้จริงที่ต้องการมันคืออะไร แท้จริงแล้วสิ่งที่เราควรทำมากที่สุดคือรักตัวเองและคนรอบข้าง เทคแคร์คนใกล้ตัวเราและเลิกคาดหวังจากผู้อื่น เพราะการคาดหวังในตัวคนอื่นมันไม่ใช่หน้าที่ของเราเลย เพียงแต่การ support คอยดูแลเกื้อหนุนก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนๆ หนึ่งเติบโต คอยหันมาเต็มเติมให้กันน่าจะเป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้ว:-)
A true selfless act always spark another การกระทำที่ปราศจากความเห็นแก่ตัวอย่างแท้จริงจะจุดประกายให้เกิดการทำความดีเสมอ นี่คือ the best quote จากหนังเรื่องนี้ที่เราฟังแล้วรู้สึกว่ามัน real มากในสังคม ‘การให้’ คือแก่นแท้ของเรื่องนี้ที่ต้องการให้เราได้รับรู้ การให้โดยไม่หวังผล สิ่งดีๆ สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยตัวเองและคนอื่นก็จะได้รับรู้ถึงสิ่งดีๆ และกระทำต่อกันไปด้วยนะ<3
สุดท้ายนี้ ชีวิตมนุษย์ก็อย่างนี้แหละ เราต้องวิ่งไปเรื่อยๆ เพื่อตามหาตัวเอง ตามหาสิ่งที่ต้องการ ตามหาความสุขที่แท้จริง ความสุขที่แท้จริงอาจอยู่ใกล้แค่เอื้อมหรือไกลออกไป แต่อย่าลืมว่าเราสามารถเก็บเกี่ยวความสุขเล็กๆ ที่พบเจอในแต่ละวัน สะสมบ่มเพาะให้มันกลายเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ได้นะ!
เรารู้สึกว่าเหมือนกำลังส่องกระจกที่สะท้อนให้เห็นตัวเองและสิ่งนี้ทำให้เราคิดได้ว่า ‘ความไม่สมบูรณ์แบบนี้จะสามารถพัฒนาให้ตัวเราเป็นคนที่ดีขึ้นได้’
อาจจะเหมือนอวยแต่สำหรับเราเรื่องนี้มัน worth it มากๆ หากเราเอาข้อคิดที่ได้มาปรับใช้ในชีวิตเราให้ดีขึ้นเพราะฉะนั้นมันไม่เสียหายเลยที่จะเก็บความคิดดีๆ ไว้คอยเตือนใจตัวเอง เราเชื่อเสมอนะว่าการที่เรารู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่จะทำให้เราประสบความสำเร็จและมีความสุขกับชีวิตในทุกๆ วันได้ ไปดูกันเถอะแล้วคุณจะมีโอกาสเห็นตัวเองใน version ที่ดีขึ้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in