ก็ง่ายๆ ดูได้จากหุ่นโชว์ ถ้าหากสวมชุดสูทแขนสั้น แขนตุ๊กตามุ้งมิ้งก็เดินเข้าไปเลือกได้เลย เพราะส่วนใหญ่ทั้งร้านจะขายแต่ชุดสมัครแอร์ฯ อย่างเดียว
แต่ร้านที่ขึ้นชื่อจริงๆ คือลุงเฉย ร้านที่ไม่มีพิกัดระบุเด่นชัดนอกจากการบรรยายลักษณะเจ้าของร้านว่าเป็นคุณลุงหน้านิ่งผู้รังสรรค์ชุดสวยๆ ให้สาวๆ ไปเป็นนางฟ้ามาเป็นสิบๆ ปีแล้วเราเดินผ่านสองสามร้าน วนอยู่สองรอบก็เจอร้านที่มีลุงคนหนึ่งยืนอยู่ ดูจากดีกรีความนิ่งของหน้าลุงแล้ว ต้องเป็นเขา
แน่ๆ
“เอ่อ หนูขอเข้าไปเลือกสีหน่อยนะคะ”
ลุงเฉยหลีกทางให้เราโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เรามองไปรอบๆ ร้านหนึ่งคูหาเล็กๆ ร้านนี้เป็นจุดเริ่มต้นชีวิตก่อนจะเป็นแอร์ฯ ของใครหลายคน ในร้านมีชุดสูทแขนยาวสีดำ กรมท่า น้ำตาล ฯลฯ สำหรับใช้สมัครงานที่เป็นทางการ และชุดสูทแขนสั้นสำหรับใช้สมัครแอร์ฯ หลากหลายสีสัน ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง ฯลฯ
“ลองตัวนี้มั้ย” ลุงหยิบสูทสีครีมให้เราสองสามตัว หลังจากเราแหวกราวผ้าปัดไปปัดมาอยู่หลายตลบแล้วยังไม่หยิบตัวไหนออกมาลองสักที
พอลองสวมดูแล้ว สีครีมขับผิวขาวเหลืองเปล่งปลั่งสุดๆภาพตัวเองในกระจกตอนนี้เหมือนภาพที่เห็นตามกระทู้รีวิวลุคสำหรับไปสมัครแอร์ฯ ในพันทิปจริงๆ
คงเพราะดูหรูดูแพงนี่เอง คนที่สมัครแอร์ฯ ถึงใส่สีครีมกันเยอะ แต่...อืม…
อืมมมม แต่ทำไมยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเรา
“หนูขอลองสีดำนะคะ”
ลุงเฉยหยิบมาให้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีบทสนทนาสักคำเรายืนหมุนอยู่พักใหญ่ จนลุงเฉยไปนั่งแกะถุงแกงเทกินที่โต๊ะ
หรือที่นี่จะไม่มีสูทที่เกิดมาเพื่อเรา จังหวะที่กำลังถอดใจและคิดว่าคงต้องเดินไปดูร้านอื่นเราก็เหลือบไปเห็นผ้าสีเขียวๆ หลบอยู่ในดงสูทสีดำ เป็นชุดสูทและกระโปรงสีเขียวมินต์แบบที่ไม่เคยเห็นชาวเน็ตคนไหนบนโลกรีวิวว่าเคยสวมสูทสีนี้ไปสมัครแอร์ฯ แล้วได้งาน ไม่เหมือนสียอดฮิตอย่างโทนเข้มหรือสีครีมที่ต่อให้หน้ายับ ขาโก่ง ก็ช่วยให้ลุคโดยรวมเรียบหรูดูแพงขึ้นมาได้
ทำไมเราถูกชะตากับเขียวประหลาดนี้เหลือเกิน
รู้ตัวอีกทีเราก็จ่ายตังค์ซื้อสูทเขียวไซส์ M ซึ่งน่าจะพอดีกับหุ่นของชะนีร่างอวบอย่างเราที่มีเพียงตัวเดียวในร้านแบบไม่ต้องลองสวม
สีเขียวเปปเปอร์มินต์จงนำโชคสู่เรา!
แม้จะจำรายละเอียดในหนังสือที่อ่านตอนเด็กได้ รวมถึงอ่านรีวิวคนที่สอบแอร์ฯ มาหลายสนามแล้ว แต่การเตรียมตัวก่อนสอบพรีสกรีนด้วยตัวเองแบบนี้ก็เหมือนคุยกับตัวเอง จะดีกว่าไหมถ้าระยะเวลาที่เหลืออีกหนึ่งเดือน เราไปขอคำแนะนำจากคนที่มีประสบการณ์ในแวดวงนี้
เด็กสาวหลายคนที่อยากเป็นแอร์ฯ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ไม่รู้ว่าตัวเองต้องปรับปรุงอะไรบ้าง สถาบันเตรียมความพร้อมแอร์ฯเป็นอีกตัวช่วยหนึ่ง เพราะแอร์ฯ ผู้ถอดปีกแล้วมักหันมาทำธุรกิจนี้โดยพวกเธอนี่แหละที่จะคอยช่วยหาจุดเด่นและจุดด้อยในตัวเราสถาบันเตรียมความพร้อมแอร์ฯ และสจวร์ตจึงเป็นธุรกิจที่มาแรงมากๆ ในปัจจุบัน หลายที่สามารถปั้นเด็กหน้างงๆ น้ำลายยืดให้เป็นแอร์ฯ ลุคเฟียร์ซได้อย่างน่าตกใจ เด็กหน้างงๆ น้ำลายยืดอย่างเราเลยขอลองตามรีวิวจากชาวเน็ต (อีกแล้ว) ด้วยการเลือกไปสถาบันชื่อดังแห่งหนึ่ง เพราะนอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องการเป็นนักปั้นเหล่านางฟ้าให้เตรียมพร้อมออกโบยบินแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่เราเลือกที่นี่ก็เพราะว่าก่อนที่จะขายคอร์สให้เรานั้น เขารับให้คำปรึกษาเบื้องต้น (อนึ่ง สถาบันที่อื่นก็มีให้คำปรึกษาเช่นกัน แต่ตอนนั้นเราถูกใจที่นี่ที่สุด)
ด้วยความจนและมั่นหน้ามั่นโหนกว่าหัวสมองและหนังหน้าอย่างเราไม่ได้เริ่มจากศูนย์ เราจึงไม่มีความคิดว่าจะต้องเสียเงินเรียน เพียงแต่อยากลองคุยกับใครสักคนที่มีประสบการณ์นั่งรออยู่สักพัก
เจ้าหน้าที่ก็เดินมาบรีฟให้ฟังก่อน
“เดี๋ยวน้องเข้าไปก็แนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษนะคะ ครูเขาจะให้คำแนะนำหนูเอง
ตื่นเต้นจัง เหมือนกำลังจะเข้าพบเจ้าลัทธยังไงก็ไม่รู้ ไม่นานเกินรอก็เห็นผู้หญิงหุ่นดีๆ ผมตรงยาว ผิวขาวเนียนละเอียด เดินผ่านเราเข้าไปในห้อง
“น้องคะ เข้าไปได้เลยค่ะ”
ในห้องไฟสลัวๆ แอร์ฯ เย็นเฉียบ ครูหรืออดีตแอร์ฯ คนนี้สวยกว่าในรูปที่เห็นในเน็ตเป็นไหนๆ เดาไม่ออกเลยว่านี่คือผู้หญิงอายุ 40 เธอดูขลังมาก
“เชิญนั่งเลยค่ะ” เธอกล่าวต้อนรับด้วยใบหน้าพร้อมรอยยิ้มสดใส เหมือนตอนแอร์ฯ ยืนรับผู้โดยสารที่ประตูเครื่อง
“Please introduce yourself.”
นั่งไม่ทันไรเธอก็เริ่มทดสอบเราแล้ว
“My name is Laila. I have graduated from Thammasat University with a bachelor degree of Journalism. Currently, I work as freelance makeup artist.”
“Makeup artist!” เธอทำท่าตกใจ
“Oh! So interesting! Why do you want to be a cabin crew?”
“I think, this career gives me opportunities to work with people from different countries, to meet new people every day and to see new places around the world.”
ไหนๆ ก็ยังไม่ใช่สอบสัมภาษณ์จริงๆ ขอลองตอบแบบสูตรๆตามที่ชาวเน็ตเขาบอกสักหน่อย ไว้เวลาจริงค่อยตอบแบบเป็นตัวเองแล้วกัน
“อื้ม...” เธอพยักหน้ายิ้มอ่อน
บทสนทนาดำเนินต่อไป ระหว่างคุยเกิดเดดแอร์หลังจากที่เราตอบเป็นระยะๆ
“ไหนหนูลองยืนสิคะ…”
เราลุกขึ้นทันที
“อะ หมุนตัวหน่อยนะ...ยิ้มเห็นฟันหน่อยค่ะ...ยกแขนสองข้างขึ้นนะคะ...”
ไม่เคยทำอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย! เราไม่ชินกับการถูกคนจ้องมองรูปร่างละเอียดยิบขนาดนี้
“อวบไปนิดหนึ่งนะคะ ลดน้ำหนักให้ครูหน่อยน้า”
จุกเหลือเกิน
อดีตแอร์ฯ ผิวเปล่งบอกว่า เราอาจต้องลงคอร์สการสัมภาษณ์เพิ่มเติม จะได้พูดลื่นไหลกว่านี้ และปรับทัศนคติแบบที่แอร์โฮสเตสควรจะมี เช่น ต้องมีจิตใจชอบช่วยเหลือผู้อื่น มองโลกในแง่ดี (แต่บางคนอาจต้องเรียนตั้งแต่ภาษาอังกฤษ การเดิน การยิ้ม หรือการแต่งหน้า)
“ถ้าหนูอยากเป็นจริงๆ ครูบอกเลยว่ามันก็ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับหนูเลยค่ะ...”
เธอยื่นรายละเอียดคอร์สที่จำเป็นสำหรับเรา เพื่อนำไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ทันทีถ้าต้องการ แต่เราไม่จ่ายหรอก ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่มีเงิน (30,000 บาทอัพเลยนะ!) ไปหารีวิวอ่านเอาก็ได้กับอีกส่วนก็เพราะเราคิดว่านอกจากอ้วนไปหน่อยแล้ว เราก็ไม่ได้ไม่เก่งสักหน่อย (หืมมมม มั่นเหลือเกิน)
“แต่อย่าหาว่าครูอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะคะ...” เธอพูดเปรยขึ้นมา
“ครูไม่เห็นว่าหนูอยากเป็นแอร์ฯ ตรงไหนเลย”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in