Billie Eilish น้ำตาไหลบนหน้าปกอัลบั้มใหม่ของเธอ หยดน้ำตาเพียงหยดเดียวนั้นมองไม่เห็นในตอนแรก แวววาวมากพอที่จะเป็นส่วนหนึ่งของลุคการแต่งหน้าที่แวววาวของเธอ ดวงตาของเธอเป็นสีฟ้าและกลวง จ้องมองอย่างว่างเปล่าในระยะไกล "มีความสุขกว่าที่เคย" เป็นคำพูดที่เขียนบนใบหน้าของเธอ

นี่คือสิ่งที่ชื่อเสียงทำให้ Eilish? ดูดอากาศออกจากปอดของอัจฉริยะจาก Highland Park? เปลื้องสีผม Rainbow Brite และเสื้อยืดตัวโคร่งของเธอแล้วเปลี่ยนเธอให้เป็นสีบลอนด์?

ไม่เชิง แต่มันซับซ้อน

ไม่นานมานี้ เด็กสาววัย 19 ปียอมรับว่าเธอเจ็บปวดจริง หลังจากซิงเกิ้ลเปิดตัว "Ocean Eyes" แพร่ระบาดบน SoundCloud ในปี 2558 เธอได้เซ็นสัญญากับ Darkroom Records และข้อตกลงกับ Interscope แต่เธอรู้สึกว่าไม่สามารถรับมือกับความสนใจอย่างกะทันหันได้ ไม่แปลกใจเลยที่โลกของดนตรีจะไม่เห็นเธอมาด้วยเช่นกัน วัยรุ่นที่มีรูปลักษณ์และน้ำเสียงที่ไม่เหมือนใครซึ่งดึงดูดใจคนหมู่มากก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

"ฉันเกลียดการออกไปข้างนอก ฉันเกลียดการไปงานอีเวนต์ ฉันเกลียดการถูกจดจำ ฉันเกลียดการมีคนจำนวนมากจ้องมาที่ฉันทางอินเทอร์เน็ต ฉันแค่อยากจะเป็นวัยรุ่น--" ไอลิชซึ่งออกทัวร์แพลทินัมสี่ครั้งของเธอกล่าว ตอนอายุ 16 ปี ในอัลบั้มเดบิวต์ของเธอ "Where Do We Go When We're All Asleep?" เธอรู้สึกหดหู่และร่างกายของเธอตอบสนองได้ไม่ดีนักต่อความเครียด เธอมักป่วยด้วยโรคกล่องเสียงอักเสบหรือมีไข้ และเธอถูกห้อมล้อมด้วยผู้ใหญ่ มีเพียงคนที่อายุเท่าเธอเท่านั้นที่เข้าฟัง ซึ่งกลายเป็นคนจัณฑาลทั้งทางร่างกายและจิตใจ

แล้วเธอมาที่ศูนย์อุตสาหกรรมแห่งนี้ในหุบเขาซาน เฟอร์นันโด เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับงานปีที่สองของเธอในวันที่ 30 กรกฎาคมได้อย่างไร

“พูดตามตรงนะ ต้องใช้เวลาเติบโตสักหน่อย จริง ๆ แล้วการเติบโตทางร่างกายก็เหมือนกับเคมีจริง ๆ ในสมองของฉันที่เปลี่ยนไป” เธอกล่าวโดยนั่งตรงข้ามกับโซฟาที่เต็มไปด้วยวิตามินและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ Finneas O'Connell พี่ชายของเธอ ผู้ร่วมงานด้านดนตรีเพียงคนเดียวของเธอตั้งแต่เธอเริ่มทำเพลง ป่วยเป็นหวัด และทุกคนในทีมของ Eilish กลัวว่าเธอจะติดเชื้อ แม็กกี้ แบร์ด แม่ของเธอ ฉีดยาสร้างภูมิคุ้มกันให้เธอ

“โอ้ ฉันไม่ต้องการแบบนั้น!” ไอลิชคร่ำครวญ กลืนมันลงคออย่างไม่เต็มใจ

“เผื่อไว้” แม่เร่ง Baird และ Patrick O'Connell สามีของเธอ ซึ่ง Eilish อาศัยอยู่ที่บ้านในวัยเด็กทางตะวันออกเฉียงเหนือของลอสแองเจลิสจนกระทั่งประมาณหนึ่งปีที่แล้ว จากนั้นจึงทิ้งลูกสาวไว้ตามลำพังเพื่อให้สัมภาษณ์ แต่นักประชาสัมพันธ์ของนักร้องสาวยังคงไม่ได้ยินเมื่ออยู่นอกห้อง และเมื่อ Eilish ถามว่าเธอจะปิดประตูได้ไหม เธอถูกปฏิเสธ

แม้ว่าเธอจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ Eilish ยังคงคิดว่าเธออยากจะเป็นใครเมื่อโตขึ้น ระหว่างอายุ 17 ถึง 19 ปี เธอเล่น Coachella คว้ารางวัลแกรมมี่ 7 รางวัล และในปี 2019 เธอกลายเป็นบุคคลที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับรางวัล New Artist of the Year and Record, Song and Album of the Year สำหรับเพลงประกอบภาพยนตร์ James Bond และ Apple ทีวี + สารคดีเกี่ยวกับชีวิตของเธอออกฉาย ดังนั้นเมื่อเกิดการระบาดของ COVID-19 ในที่สุดเธอก็มีโอกาสที่จะหยุดและ "ใช้เวลาทบทวนตัวเองในสิ่งที่ไม่เคยมี" เป็นครั้งแรกภายใต้หลังคาบ้านของเธอเอง เธอเริ่มไตร่ตรองถึงสิ่งที่เธอกำลังประสบอยู่ , "และมันส่งผลต่อฉันอย่างไร - ฉันรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมด ซึ่งต่างจากการลงมือทำ"

แบร์ดแนะนำให้ลูกสองคนของเธอใช้เวลาว่างที่ไม่คาดคิดในช่วงที่มีโรคระบาดเพื่อสร้างเพลงใหม่

“แม่ของฉันบอกว่า 'ถ้าคุณมีตารางงานให้บิลลีมารับ คุณจะทำงานสัปดาห์ละสามวันไหม'” ฟินเนียส วัย 23 ปี เล่า ' แต่เธอพูดว่า 'ฟัง ทำไมไม่ลองดูสักอาทิตย์ล่ะ? คุณไม่จำเป็นต้องประดิษฐ์อะไรเลยด้วยซ้ำ ' เราเขียนและบันทึก 'อนาคตของฉัน' ภายในสัปดาห์แรก "

เมื่อ TikTok ให้ชีวิตใหม่ที่น่าประหลาดใจแก่เพลง "Freaks" ของ Surf Curse ในปี 2013 กลุ่มเพิ่งปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการประพฤติมิชอบทางเพศที่เกือบยุติอาชีพ

เพลงนี้เป็นซิงเกิลแรกจากอัลบั้มที่ปล่อยออกมาเมื่อเกือบปีที่แล้ว ทำให้ Eilish เฝ้าฝันถึงวันข้างหน้าและสงสัยว่าเธอจะเป็นอย่างไรเมื่อเปลี่ยนจากเด็กสาว เนื้อเพลงมันเบากว่าเนื้อหาส่วนใหญ่ใน "Happier Than Ever" ซึ่งเป็นท่อนที่นำเสนอภาพของศิลปินที่ดิ้นรนเพื่อเรียกร้องตำแหน่งของเขาในสปอตไลท์ เธอร้องเพลงเกี่ยวกับปาปารัซซีแท็บลอยด์ที่ถ่ายรูปเธออย่างไม่ประจบประแจง เกี่ยวกับการทำให้เด็กผู้ชายที่มาที่บ้านของเธอลงนามในข้อตกลงไม่เปิดเผยความลับ เกี่ยวกับจินตนาการของเธอที่จะหายตัวไปบนเกาะฮาวาย

"สิ่งที่ฉันเคยรัก / ตอนนี้ทำให้ฉันทำงาน" เธอกล่าวในการเปิดอัลบั้ม "Growing Old"

“ข้อความนั้นไม่จริงเลย เช่น 'โอ้ โฮ่ว ฉันเศร้ามาก' — มันเป็นความจริงที่ไร้สาระจริงๆ” Eilish กล่าว "มันแปลกจริงๆ ที่บางครั้งสิ่งที่ฉันรักกลายเป็นภาระ มันเหมือนกับว่า 'โอ้ นี่เป็นสิ่งที่ฉันเคยรัก แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนเป็นงาน' ' ไม่ มันเหมือนกับว่า 'โอ้ ตอนนี้ฉันเกลียดสิ่งนี้ "มันแตกต่าง มันเปลี่ยนไป"

เธอเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าผู้คนมองเธอและคิดว่าเธอไม่ควรบ่นเกี่ยวกับอะไรเมื่อเธอประสบความสำเร็จและร่ำรวย "และฉันคิดว่านั่นเป็นจุดที่คนจำนวนมากอย่างฉันสับสนและพูดว่า 'โอ้ นี่มันยาก บลา บลา บลา บลา'" เธอกล่าวต่อ “ฉันยอมรับว่ามันยากจริงๆ คนที่อยู่โดยไม่มีเราไม่รู้ว่ามันยากแค่ไหน มันแย่มาก แต่ฉันเดาว่าคุณต้องเคารพคนที่ยากจนกว่าคุณมาก คำนึงถึงสิทธิพิเศษของคุณและสุภาพ”

Eilish สามารถพูดคุยเกี่ยวกับการดูถูกเหยียดหยามชื่อเสียงในแบบที่ฟังดูไม่น่ารังเกียจนัก อาจเป็นเพราะตัวต่อตัวทำให้ลืมความเยาว์วัยของเธอไปไม่ได้ เธอวางรองเท้าผ้าใบสีชมพูไว้บนโซฟาและสวมเสื้อยืดจากไลน์สินค้าของเธอเอง เธอพลิก iPhone ในมือของเธอไปเรื่อย ๆ แต่ไม่สนใจเมื่อมันสว่างขึ้น เผยให้เห็นภาพพักหน้าจอที่มีภาพเธอนอนหลับ เธอไม่ประหม่ามากเกินไป—เธอยอมให้ตัวเองสร้างความคิดเห็นของเธอเองเมื่อเธอพูด—แต่เธอก็ต้องการเป็นที่ชื่นชอบเช่นกัน (“ทำให้ฉันฟังดูดี!” เธอจะล้อเล่นในตอนท้ายของการสัมภาษณ์)

Eilish ยอมรับว่าเธอมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเพิกเฉยต่อสิ่งที่สาธารณชนคิดกับเธอ เพียงสองสัปดาห์ก่อนการสัมภาษณ์ในเดือนกรกฎาคมนี้ เธอตัดสินใจหยุดอ่านความคิดเห็นในบัญชี Instagram ของเธอ ซึ่งมีผู้ติดตาม 87.8 ล้านคน แผนใหม่ของเธอคือใช้แอพต่อไปเพื่อโพสต์ โดยบังคับตัวเองให้เลิกทันทีหลังจากโพสต์

"เพราะไม่อย่างนั้น ฉันคงหัวหมุน และ s- ก็หมายความว่า f-" เธอกล่าว "ผู้ชายบางคน เช่น พี่ชายของฉัน สามารถรับข้อความจากคนที่เขาไม่ชอบและลบทิ้งทันที เขาจะไม่อ่านด้วยซ้ำ ฉันทำไม่ได้ ถ้าซาตานส่งข้อความหาฉันเอง ฉันก็คงแบบ 'เขาพูดว่าอะไร'

"ฉันอยากได้ยินสิ่งที่ผู้คนพูด และเพราะฉันโตมากับอินเทอร์เน็ต ฉันจึงเห็นด้วยกับหลายๆ สิ่งบนอินเทอร์เน็ต สิ่งที่พวกเขาล้อเลียนผู้คนเป็นเรื่องตลกเพราะพวกเขาใจดี จริงไหม มันทำให้ฉันกังวลเพราะฉันแบบว่า 'โอ้ พระเจ้า เรื่องห่วยๆ [เกี่ยวกับฉัน] จริงเหรอ มันคือเรื่องอะไร' ฉันอยากรู้ แต่ฉันไม่อยาก รู้จักพวกเขาเพราะนั่นไม่มีประโยชน์สำหรับฉัน อะไรนะ ไม่”

Billie Eilish กล่าวว่าเธอหวังว่าอัลบั้มของเธอจะทำให้นึกถึง Julie London นักร้องเพลงคบเพลิง "ไม่ใช่เพลง แต่เป็นความรู้สึกที่โหยหา เพ้อฝัน และอยากรู้อยากเห็น"

Eilish กล่าวว่าความคิดเห็นเชิงลบส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ร่างกายของเธอ ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เธอมีชื่อเสียง เธอสวมเสื้อผ้าที่จงใจปกปิดรูปร่างของเธอ: เสื้อคลุมตัวยาว กางเกงทรงคลื่น ชุดวอร์มระดับไฮเอนด์ รูปลักษณ์ของเธอได้รับการยกย่องว่าเป็นดาราต่อต้านป๊อปสตาร์ต่อต้านการจ้องมองของผู้ชาย แฟนๆ มองว่าไอลิชเป็นฮีโร่สตรีนิยมเพราะตู้เสื้อผ้าที่ไม่เป็นระเบียบของเธอ โทรลล์จะอ่อนไหวทุกครั้งที่เธอโชว์เรือนร่าง

หลังจากที่เธออายุครบ 18 ปีได้ไม่นาน เธอก็โพสต์วิดีโอของตัวเองที่กำลังอาบน้ำในชุดว่ายน้ำ "เพราะคุณมองเห็นไหล่ของฉันได้ ใครๆ ก็พูดว่า 'โอ้พระเจ้า เธออายุ 18 และเธอก็เป็นโสเภณี!'" เธอเล่าพลางกลอกตา เธออวดผมสีบลอนด์ใหม่ของเธอบนหน้าปก British Vogue ในเดือนพฤษภาคม โพสท่าถ่ายรูปในชุดรัดตัวและชุดชั้นในสไตล์วินเทจ ปฏิกิริยาของเธอต่อเกียร์ตกใจ: "โอ้พระเจ้า! บิลลี่คนใหม่!" เธออ้าปากค้างด้วยความรำคาญ ภาพเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลง แต่เพื่อแสดงความรู้สึกที่เธอมีใน "Happier Than Ever"

ความรู้สึกดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วหลังจากสิ่งที่ Eilish อธิบายว่าเป็นวิกฤตอัตลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับรูปลักษณ์ของเธอ เธอไม่เคยต้องการที่จะ "เป็นคนที่ย้อมผมของเธอ แต่อย่างใดอย่างหนึ่งกลายเป็นสีนั้น" โดยที่เธอเปลี่ยนสีผมตั้งแต่อายุ 12 ปี มันเป็นสีเทา สีม่วง นกเป็ดน้ำ และสีดำ และสุดท้ายคือสีเขียวนีออน—รูปลักษณ์ที่กลายเป็นที่จดจำได้จนเธอโดดเด่นในที่สาธารณะราวกับปากกาเน้นข้อความ

“ฉันต้องการอะไรที่เป็นธรรมชาติมากกว่านี้ และฉันไม่หดหู่” เธอกล่าว "เมื่อฉันไม่มั่นคงมากขึ้น ฉันรู้สึกว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา"

แต่หลังจากที่เธอตัดสินใจเลือกสีทองแล้ว ซึ่งเป็นสีที่เธอ "สามารถร่วมเพศกลางแจ้งหรือที่ปั๊มน้ำมันได้" เธอก็ไม่รู้ว่ารูปลักษณ์โดยรวมที่เธอต้องการสำหรับอัลบั้มที่สองของเธอเป็นอย่างไร คืนหนึ่ง เมื่อใกล้จบดนตรี เธอกลับมาบ้านและนอนลงบนโซฟา ข้างนอกฝนตก เธอจุดเทียนและก่อไฟ เธอเริ่มเล่นเป็น Julie London และมีความสุขล้นหลามในทันใด

"ฉันคิดว่า 'นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการให้อัลบั้มของฉันรู้สึกเหมือน Julie London'" เธอเล่า "ไม่ใช่เพลง แต่เป็นความรู้สึกที่โหยหา เพ้อฝัน และอยากรู้อยากเห็น"

Billie Eilish และ Finneas O'Connell ถือถ้วยรางวัลหลังเวทีในงานประกาศผลรางวัลแกรมมี่ประจำปีครั้งที่ 62 เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2020

(เมียง เจ ชุน/ลอสแองเจลีสไทม์ส)

ลอนดอนเป็นที่รู้จักกันดีในการบันทึกเพลงคบเพลิง "Cry Me a River" ลอนดอนเป็นนักร้องแจ๊สและป๊อปโฟล์คที่มีสไตล์เซ็กซี่และเซ็กซี่ในช่วงปี 1950 และ 60 เธอมักจะสวมเสื้อชั้นในและเสื้อชั้นในแบบม้วนลอน ซึ่งเป็นลุคที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวละครโปสเตอร์อั๋นในสินค้าใหม่ของ Eilish

"มันเหมือนกับว่าฉันจะเป็นใครถ้าฉันได้เป็นในสิ่งที่ฉันอยากเป็น" Eilish กล่าวพร้อมชี้ไปที่ภาพวาดบนกระดุมที่เธอติดไว้ที่เสื้อของเธอ "ฉันอยากเป็นผู้หญิงคนนั้น ล้อเล่นมั้ย ฉันอยากเป็นสาวเซ็กซี่"

Eilish กล่าวมานานแล้วว่าเธอซ่อนร่างกายของเธอเป็นหลักเพราะเธอต้องการหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ "ผู้หญิงทุกคนต้องการที่จะมีเสน่ห์" เธอกล่าว "แต่ผู้ชายทั่วโลกแย้งว่าผู้หญิงพูดว่า 'โอ้ ฉันไม่ต้องการให้ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับฉัน' และใส่เสื้อที่โชว์หน้าอกและร้องเพลงเกี่ยวกับการมีเซ็กส์" เข้าใจว่าเราต้องการสวมใส่สิ่งที่เรารู้สึก สบายตัวแต่เราไม่อยากให้โดด? นี่มันโง่มาก "

ไอลิชพูดถึงเซ็กส์ใน "Happier Than Ever" เธอกล่าวถึงการดูภาพอนาจารและส่งภาพลามกอนาจารไปยังโทรศัพท์ของผู้ชาย แฟนเพลงบางคนเชื่อว่าซิงเกิ้ลของอัลบั้ม "Your Power" บอกเล่าเรื่องราวของชายสูงวัยที่เอาเปรียบผู้หญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ — เกี่ยวกับแบรนดอน เควนชั่น อดัมส์ แฟนเก่าของเธอ Adams — แร็ปเปอร์ที่มีชื่อเล่นว่า 7:AMP — ปรากฏตัวในสารคดีเกี่ยวกับ Eilish ที่เผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาระเบิดงาน Coachella ของเธอและต้องไปห้องฉุกเฉินหลังจากชนกำแพง

สำหรับเรื่องนั้น Eilish ไม่ได้เปิดเผยว่า "Your Power" เป็นเรื่องเกี่ยวกับใคร หรือเธอกำลังร้องเพลงเกี่ยวกับใครในเพลงใหม่ แต่อัลบั้มนี้มีการพาดพิงเฉพาะถึงผู้ที่ก้าวข้ามขอบเขตของเธอ

"ฉันเจ็บปวด/ทำในสิ่งที่ฉันไม่ต้องการ/ไม่ได้บอกคุณ/แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้ว" อ่านบรรทัดสุดท้ายของ "Growing Older"

ไม่กี่วันหลังจาก Bill Cosby ได้รับการปล่อยตัวจากคุกหลังจากศาลตัดสินกลับคำตัดสินในปี 2018 ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ Eilish กล่าวว่าเธอมีความขัดแย้งเกี่ยวกับการเปิดเผยว่าบาดแผลคืออะไร เธอรู้สึกว่าจำเป็นต้องแบ่งปันความคิดและความรู้สึกกับแฟนๆ ของเธอ “ฉันอยากให้พวกเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตของฉันบ้าง” แต่เธอไม่ต้องการเปิดเผยตัวเองให้กับคนอื่นๆ ในโลก

“ฉันผ่านสิ่งที่ฉันไม่เคยพูดถึง และฉันก็ไม่อยากพูดถึงด้วยซ้ำ” เธอกล่าว "ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ ฉันไม่อยากบอกใคร นับประสาอะไรกับอินเตอร์เน็ต มันน่าอายที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้หญิงและผู้ชายจำนวนมาก - โดยเฉพาะผู้หญิง - ต้องผ่าน โดยไม่บอกให้ใครรู้

"แต่ในขณะเดียวกัน" เธอกล่าวเสริม "แม้ว่าฉันจะไม่ได้ทำอะไรเพื่อ [การเคลื่อนไหว #MeToo] จริงๆ ก็ตาม มันสำคัญมากที่หญิงสาวจะต้องรู้ว่าสิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ มันแค่ถูกเอาเปรียบ "

เทสส์ บาร์เกอร์และแบ็บส์ เกรย์เดินจากห้องพิจารณาคดีไปที่ไมค์ของพอดแคสต์เพื่อรายงานการดำดิ่งที่ 'เป็นพิษ' ครั้งใหม่ของพวกเขาในคดีควบคุมตัวบริทนีย์ สเปียร์ส

ในช่วงหลายเดือนที่พวกเขาทำงานในอัลบั้มด้วยกัน Finneas บอกว่าพี่สาวของเขาซื่อสัตย์กับเขา “วิธีเดียวที่ฉันสามารถช่วยกระบวนการร้องได้คือถ้าเธอชัดเจนกับฉัน ถ้าฉันไม่รู้ว่าเธอต้องเจอกับอะไร ฉันจะไม่เขียนข้อความดีๆ ให้เธอหรอก”

ในแง่ของเสียง เขารู้สึกว่าเสียงของ Eilish พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด: "ในเชิงปริมาณ มันดีขึ้น ฉันรู้สึกทึ่งกับพลังเสียงของเธอและวิธีที่เธอพัฒนาขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องดนตรี" ในระหว่างขั้นตอนการเขียน Eilish กล่าวว่า เธอดึงดูดศิลปินอย่าง Marina Diamandis ซึ่งเดิมชื่อ Marina and the Diamonds ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ Marina สำหรับเสียงที่ผสมผสานกันในเสียงร้องของพวกเขา

“นั่นคือสิ่งที่ Marina และ Lana Del Rey ทำ และฉันก็รักพวกเขาเสมอมา” Eilish กล่าว "พวกเขาลองสิ่งใหม่ๆ - และไม่กลัวที่จะมีเสียงที่แตกต่างหรือร้องเพลงที่มีตัวละครอื่น" มาริน่าพูดถึงวิธีที่เนื้อเพลงของเธอใช้ตัวละครและสถานการณ์ต่างๆ ที่เธอเจอ ไม่จำเป็นต้องเป็นคุณทั้งหมด ได้ในสิ่งที่เวลาผ่านไปอย่างแน่นอน”

บิลลี ไอลิชใน "Happier Than Ever: A Love Letter to Los Angeles" ซึ่งจะฉายใน Disney+ ในวันที่ 3 กันยายน

ในขณะเดียวกัน Finneas กระตุ้นให้ Eilish เผชิญหน้ากับความเปราะบางของเธอ เขาต้องการมอบ “สิ่งที่สะท้อนใจและมองเห็นตัวเอง” ให้กับผู้ชม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่หวือหวา ปราศจากโลกแฟนตาซี

“ผมอยากให้มันเป็นอัลบั้ม Billie about Billie” เขาอธิบาย

Eilish ยืนยันว่าไม่ใช่เพลงใหม่ทั้งหมดที่เป็นอัตชีวประวัติ เช่นเดียวกับบรรทัดนี้จาก "NDA": "ฉันทำเกินไปหรือเปล่า / ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคุณเป็นอะไร / คุณทุบตีฉันแรงมาก / ฉันเห็นดวงดาว"

“มันเป็นเรื่องจริง ผู้ชาย แต่นั่นจำเป็นต้องอธิบาย” เธอกล่าว "มีคำอุปมามากมาย"

Eilish กล่าวว่าเธอกระตือรือร้นที่จะได้กลับมาต่อหน้าฝูงชนและดูว่าแฟน ๆ ตอบสนองต่อเนื้อหาใหม่อย่างไร ในวันที่ 3 กันยายน เธอจะนำเสนอเพลงทั้ง 16 เพลงจากอัลบั้มนี้ในเทปพิเศษคอนเสิร์ตของ Disney+ ที่ Hollywood Bowl ภาพยนตร์ชื่อเรื่องว่า "A Love Letter to Los Angeles" นำแสดงโดยโรเบิร์ต โรดริเกซและแพทริค ออสบอร์นเป็นผู้กำกับร่วม จากนั้นเธอจะเริ่มทัวร์บุหลังคาเป็นเวลา 53 วันในปีหน้า โดยหยุดพัก 3 คืนที่ฟอรัมในเดือนเมษายน เธอหวังว่าแฟนๆ ของเธอจะเคารพในสิ่งที่เธอยินดีจะแบ่งปันกับพวกเขาในครั้งนี้ แม้ว่ามันจะมีคำถามมากกว่าคำตอบก็ตาม

“หวังว่าพวกเขาจะรู้สึกขอบคุณ” Eilish กล่าว "ฉันอยากได้รับคำชื่นชมในเรื่องนั้นมาก ถึงฉันจะเปิดเผยและกล้าแสดงออกมากเพียงใด ฉันจะไม่บอกอินเทอร์เน็ต - ชีวิตจริงของฉัน - เพราะฉันไม่คิดว่าจะมีใครทำแบบนั้นจริงๆ เมื่อไหร่ 80-f- มันทำให้คุณคลั่งไคล้เมื่อมีผู้คน 8 ล้านคนมองมาที่คุณ"