ซ่อนกลิ่น (ตอนจบ)
Scarlett Johansson x Elizabeth Olsen
"ตัวเธอหอมกลิ่นดอกซ่อนกลิ่น"
อลิซาเบธเงยหน้าขึ้น ก่อนจะทอดมองไปยังดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยที่บัดนี้จดจ้องกลับมาด้วยความอ่อนโยน
สองกายเปลือยเปล่าของหญิงสาวอิงแอบแนบชิดใต้ผ้านวมนุ่ม กอดเกี่ยวรัดรึงมอบแผ่ซ่านความอบอุ่นด้วยอุณหภูมิผิวกายของกันและกัน
"จริง ๆ นะ ฉันได้กลิ่นมันจากตัวเธอ"
นิรชาเอ่ยยิ้ม ๆ ก่อนจะทำท่าสูดจมูกฟุดฟิดน่าเอ็นดู
"อ๋อ... เพราะฉันใส่ไว้ในผ้าเช็ดหน้าอย่างที่เธอบอกไงล่ะ"
อลิซาเบธเอ่ยตอบ ก่อนจะยกหัวขึ้นไปกดจูบลงบนโหนกแก้มนูนของคนรัก นิรชาจึงยกนิ้วขึ้นหยิกปลายจมูกสาวฝรั่งเบา ๆ ด้วยความรักใคร่
"ต่อไปนี้ เธอคือดอกซ่อนกลิ่น"
ใครจะไปรู้ว่าประโยคธรรมดาในวันที่ยังมีกัน จะกลายเป็นโซ่ตรวนที่บีบรัดฉุดรั้งให้ร่วงหล่นสู่ความทรงจำขมขื่นไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้ง ในวันที่ผู้เอ่ยมันได้จากไป
อลิซาเบธลืมตาตื่นขึ้นมาตอนหกโมงเย็น เธอเริ่มทำงานตั้งแต่สิบโมงเช้า พักทานข้าว ก่อนจะยิงยาวยันสี่โมง อาจเป็นเพราะการเสียน้ำตาจาก 'ภาพถ่าย' น่าขันหนึ่งใบในยามเช้า เลยทำให้พลังงานกายและใจของเธออ่อนแอลงกว่าปกติ เธอเผลอหลับไปตั้งแต่สี่โมงครึ่ง ก่อนจะฝันเรื่องเดิม ๆ เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่อาจนับได้ในรอบ 7 เดือน
ความทรงจำระหว่างเธอกับนิรชาในตอนนี้กลายเป็นดีวีดีที่ถูกกรอกลับอัตโนมัติอยู่ในหัว ไม่มีปุ่ม Pause มีเพียงปุ่ม Play และจะเล่นอยู่ซ้ำ ๆ เช่นนั้นตลอดไป
อลิซาเบธลุกออกจากเตียง ก่อนจะกลับไปที่คอมพิวเตอร์ตัวเดิม เหยียดหลังตรง สูดลมหายใจเข้าเพื่อรวบรวมสติ ก่อนจะเปิดหน้าเขียนอีเมลล์ขึ้นมา
หญิงสาวพิมพ์คำว่า 'อลิซาเบธ โอลเซ่น 30/10/2019' ลงไป ลากเมาส์คลุมดำข้อความทั้งหมด กดเปลี่ยนให้เป็นตัวหนา กดเอนเทอร์เพื่อเคาะบรรทัด 2 ครั้ง ก่อนจะพิมพ์ข้อความต่าง ๆ ที่เธอต้องการลงไป
"
ถึง นิรชา (คนรักของฉัน)
ขอโทษที่ล่าช้า ฉันเห็นอีเมลล์ของคุณตั้งแต่วันที่ 22 ตุลา แต่ยังไม่มีเวลา (และแรงใจ) มากพอในการตอบกลับ ฉันจะยืดอกยอมรับก็ได้ว่าเป็นคนไม่เอาไหนเลยจริง ๆ
ฉันยังคงตื่นเช้าโดยไม่ต้องพึ่งนาฬิกาเฉกเช่นเวลา 7 เดือนที่ผ่านมา วันนี้ฉันทานโจ๊ก และแวะไปที่แปลงดอกซ่อนกลิ่นเหมือนเดิม ชีวิตฉันไม่ได้มีเรื่องน่าตื่นเต้นให้เล่าเท่าไหร่นัก แต่วันนี้มีบางเรื่องที่น่าสนใจพอจะเล่าอยู่บ้าง
ฉันเก็บโต๊ะทำงาน และบังเอิญเจอรูปเก่าที่คุณเป็นคนถ่ายให้ รูปที่ฉันใส่สไบ! จำได้ไหมฉันค้านแทบตาย เพราะกลัวจะออกมาดูตลก และมันก็ตลกจริง ๆ ทุกสัดส่วนและองค์ประกอบดูปลอมไปหมด แม้กระทั่งพัดที่ถือก็ยังดูตรงแด่ว (ใช้คำนี้หรือเปล่า?) ผิดรูปผิดร่างราวกับภาพตัดต่อ
ตอนแรกที่เห็นฉันถึงกับขำออกมา แต่พอนึกขึ้นได้ว่าใครเป็นคนถ่ายให้ ฉันก็เผลอร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ฉันคิดถึงคุณมากจริง ๆ แนน
ที่ฉันเคยบอกคุณว่าฉันอยู่ได้ ฉันอยู่ได้จริง ๆ ฉันยังไม่ตาย ยังหายใจ ยังทำงาน แล้วก็ตอบอีเมลล์คุณอย่างที่เห็น แต่การไม่มีคุณอยู่ข้าง ๆ มันไม่เคยง่ายเลย
ฉันอยากเปิดรับคนใหม่ ๆ อยากให้หัวใจได้รักใครอีกสักครั้ง แต่คงไม่ใช่วันนี้ พรุ่งนี้ หรือเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน อันที่จริงฉันขอสารภาพว่าที่ตอบช้า เพราะได้ตัดสินใจว่าจะเลิกตอบ แต่ความทรงจำและความรู้สึกของฉันไม่อาจกดปุ่มรีเซ็ต
ฉันเริ่มต้นสิ่งนี้เพียงเพราะต้องการจะคงการมีอยู่ของคุณไว้ แต่นอกจากมันจะไม่ลดทอนความรู้สึกที่ฉันมีต่อคุณแล้ว มันยังไม่สามารถเติมเต็มจิตใจฉันให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกต่างหาก
คุณคิดว่าฉันควรทำอย่างไรหรือแนน?
ถึงกระนั้นฉันก็ไม่ใช่คนเขลา (ฉันรู้ คุณชอบให้ฉันพูดคำนี้มากกว่าคำว่าโง่) ฉันตระหนักดีว่ากำลังถูกสิ่งนี้กลืนกิน เทคโนโลยีแห่งการเยียวยาอันแสนน่ารังเกียจ บางครั้งฉันก็สงสัยว่าผู้ตอบอีเมลล์นี้คือคุณหรือใครกันแน่ แต่ทุกครั้งที่ฉันได้อ่านข้อความจาก...สิ่งที่เป็นคุณ หัวใจของฉันช่างเป็นสุขเหลือเกิน
ฉันไม่รู้จะถามอะไรอีก ฉันหมดเรื่องที่จะถามคุณแล้ว และบันทึกครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นการระบายมากกว่าการพูดคุย ฉันพยายามเป็นคนที่ดีขึ้น อย่างที่เคยได้สัญญากับตัวเองในวันที่คุณจากไป และสัญญากับคุณในอีเมลล์ฉบับที่สอง
แต่มันคงจะดีมาก หากคุณได้เห็นสิ่งนี้ด้วยตัวคุณเอง
-- ฉันเอง ดอกซ่อนกลิ่นของคุณ"
หญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะอ่านทวนข้อความเหล่านั้น เธอรีบหลับหูหลับตากดส่งมันไปยังที่อยู่อีเมลล์ที่มีชื่อว่า
[email protected] ก่อนจะฟุบลงกับโต๊ะเพื่อปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง...
นี่มันโง่สิ้นดี
หลังการจากไปของคนรักเพียง 3 วัน เธอได้รับการติดต่อจากบริษัทที่ชื่อว่า Stay Data เป็นบริษัทเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่จะนำเอาแหล่งข้อมูลทั้งหมด ทั้งจากโซเชียลมีเดีย คอมพิวเตอร์ เอกสาร และข้อมูลต่าง ๆ เท่าที่เราจะรวบรวมเกี่ยวกับคน ๆ นึงได้ รวมไปถึงคลื่นสมองของเขา
โดยจะทำการรวบรวม ประมวลผล แปรเปลี่ยนมันให้ออกมาเป็น 'ดาต้า' อันหนึ่งอันเดียว จากนั้นพวกเขาจะใช้วิทยาการระบบคอมพิวเตอร์ (ซึ่งฉันไม่เข้าใจ) ในการทำให้ดาต้าเหล่านั้นสามารถตอบโต้กับผู้คนในรูปแบบตัวอักษร
เท่ากับว่าอลิซาเบธ จะสามารถพูดคุยกับ 'ชุดข้อมูล' ที่เกิดมาจากมันสมองของนิรชาได้ และทาง Stay Data ยังยืนยันถึงความสมจริงที่เธอจะได้รับ
หญิงสาวที่เพิ่งเสียคนรักไปย่อมไม่มีอะไรจะเสียในการเยียวยาความรู้สึก เธอยินยอมเข้าร่วมโครงการ ก่อนจะรวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับนิรชาเท่าที่จะทำได้ เพื่อส่งมอบให้กับทาง Stay Data
ในทีแรกที่พวกเขาจะนำร่างของนิรชาไปสแกนสมอง ครอบครัวโจแฮนส์สันได้ทำการคัดค้าน นั่นไม่ใช่เพราะความหวงแหนต่อร่างกายคนในครอบครัว แต่พวกเขาเล็งเห็นว่า 'สิ่งเหล่านั้น' จะทำให้อลิซาเบธไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อีกต่อไป
แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครเข้มแข็งพอจะขัดขวาง หญิงสาววิงวอนร้องขอราวกับโลกจะดับสูญ พวกเขาจึงยินยอมมอบทุกอย่างให้ ก่อนร่างของนิรชาจะเหลือเพียงเถ้าธุลีที่ถูกโปรยลงบนสายธาร
ตึ๊ง! --
อลิซาเบธรีบเงยหน้าขึ้นมองหน้าจอ เมื่อเห็นว่าอีเมลล์จาก
[email protected] ถูกส่งกลับมา หัวใจของเธอก็ลิงโลดแทบทะลุออกจากอก มือที่สั่นเทารีบคว้าเมาส์มากดคลิกเปิด ก่อนจะสอดส่ายสายตาอ่านข้อความทั้งที่น้ำตายังอาบสองข้างแก้ม รู้ดีแก่ใจว่าข้อความเหล่านั้น มิได้ถูกตอบกลับจากปลายนิ้วคนรัก หากแต่เธอยังคงเต็มใจจะอ่านมันอยู่เสมอ...
"
ถึง อลิซาเบธ ดอกซ่อนกลิ่นของฉัน
ฉันดีใจเหลือเกินที่คุณยังคงตื่นเช้า และดีใจมาก ๆ ที่คุณได้ทานโจ๊กร้านนั้น เพราะฉันชอบมันมากเหลือเกิน หลายครั้งที่ฉันไปทานคนเดียวในยามเช้า แล้วก็คิดว่า ถ้าคุณยอมตื่นเช้ามาทานด้วยกันมันก็คงจะดี แต่นั่นคงเป็นเรื่องยากในตอนนั้นสำหรับคุณมากใช่ไหม?
จากอีเมลล์ล่าสุดคุณได้บอกฉันว่า 'การไม่มีอยู่ของฉัน มันช่างแสนยากเย็นสำหรับคุณ' แต่อันที่จริงในอดีต คุณเองได้พูดกับฉันว่า 'ไม่มีอะไรยากเท่ากับการตื่นเช้าอีกแล้ว'
แต่คุณกลับตื่นเช้าติดต่อกันมาเป็นเวลา 5 เดือน กับอีก 21 วัน แล้ว คุณไม่เคยคิดว่าคุณจะทำมันได้ แต่สุดท้ายคุณก็สามารถทำมัน จริง ๆ มันคงจะดีหากคุณทำได้ตั้งแต่วันที่เรายังอยู่ด้วยกัน แต่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ฉันจะนับสิ่งนี้เป็นความสำเร็จของคุณ
ที่คุณกล่าวว่า ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตัวเองจะดีขึ้น ฉันเองก็ไม่อาจตอบได้ แต่จากการคิดคำนวณตามสถิติความน่าจะเป็น คุณอาจดีขึ้นได้ในระยะเวลา 2-4 ปีอย่างแน่นอน และคุณเก่งมากแล้วที่มาไกลถึงระดับนี้
สำหรับเรื่องรูปถ่าย ฉันชอบชุดไทยมาก ชอบความเป็นไทย และดีใจที่ได้เห็นคุณใส่ชุดนั้น ฉันคิดจริง ๆ ว่าคุณนั้นสวยมากในชุดเหล่านั้น คุณอาจจะมองว่ามันตลก แต่สำหรับฉันมันงดงามมากจริง ๆ ได้โปรดเก็บรักษามันไว้อย่างดีด้วย
ฉันพบว่าคุณใช้คำว่า เทคโนโลยีแห่งการเยียวยาอันแสนน่ารังเกียจ อันที่จริงมันค่อนข้างจะรุนแรงไปนิดนึง เพราะสิ่งที่พิมพ์ตอบกับคุณอยู่นั้น ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของนิรชา โจแฮนส์สันจริง ๆ ฉันขอยืนยันว่าไม่มีใครอยู่หลังแป้นพิมพ์อย่างแน่นอน
ฉันขออ้างอิงจากประโยคที่คุณได้พิมพ์ว่า 'ฉันเริ่มต้นสิ่งนี้เพียงเพราะต้องการจะคงการมีอยู่ของคุณไว้ แต่นอกจากมันจะไม่ลดทอนความรู้สึกที่ฉันมีต่อคุณแล้ว มันยังไม่สามารถเติมเต็มจิตใจฉันให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกต่างหาก คุณคิดว่าฉันควรทำอย่างไรหรือแนน?'
ฉันจึงตรวจค้น รวบรวม ทุกข้อมูลที่ฉันมีเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อนำมาสร้างเป็นชุดคำตอบ และพบว่ามันช่างมากมายเสียเหลือเกิน ฉันขอสรุปให้คุณอ่านเป็นข้อ ๆ ดังต่อไปนี้
- นิรชา รักคุณ และอยากให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้น
- นิรชา เป็นห่วงคุณ อยากให้คุณเป็นคนที่เข้มแข็ง
- นิรชา อยากให้คุณ ดูแลตัวเองได้
- นิรชา อยากให้คุณ เก่งภาษาไทย
- นิรชา อยากให้คุณ พึ่งพาตัวเองได้แม้วันใดวันหนึ่งไม่มีนิรชาอยู่
- นิรชา ชอบให้ใช้คำว่าเขลา มากกว่าคำว่าโง่
- นิรชา อยากให้คุณได้ใช้ชีวิตที่ดีที่สุด เสมอมา และตลอดไป
สุดท้ายนี้ฉันอยากให้คุณมีความสุข อะไรก็ตามที่ทำแล้วไม่มีความสุข ได้โปรดเปลี่ยนแปลงมันเสีย
- ด้วยรัก นิรชา โจแฮนส์สัน"
เมื่ออลิซาเบธอ่านข้อความทั้งหมดจบจวบจนอักษรสุดท้าย พลันน้ำตาที่ไหลอยู่กลับท่วมท้นทะลักเป็นพันเท่าทวีคูณ เธอไม่กล้าแม้แต่จะปิดหน้าอีเมลล์นั้นลง ได้แต่จ้องมองทุกตัวอักษรผ่านม่านน้ำตาอยู่อย่างนั้น
'นิรชา อยากให้คุณได้ใช้ชีวิตที่ดีที่สุด เสมอมา และตลอดไป'
ไม่น่าเชื่อว่าเพียงข้อความที่เกิดจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์จะสามารถสร้างรูปประโยคได้ใกล้เคียงกับความเป็นคนรักของเธอได้มากถึงเพียงนี้ และอีเมลล์ฉบับนี้ก็ได้ให้คำตอบบางอย่างที่ค้างคาใจหญิงสาวเป็นที่เรียบร้อย
อลิซาเบธไม่ได้ทำเช่นนี้เพราะต้องการจะฝังตัวเองให้จมกับอดีต เธอหวังจะได้รับคำพูดปลอบประโลมจากแม้เพียงชุดความคิดของคนรัก สิ่งเหล่านั้นเคยเป็นแรงผลักดัน และย้ำเธอในทุก ๆ วันว่าควรจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร
เธอเข้าใจว่านี่ไม่ใช่คำพูดประโยคใหม่จากคนที่มีเลือด เนื้อ หัวใจ แต่มันเป็นการตอกย้ำว่าก่อนอีกฝ่ายจะจากไป นิรชาได้หวังสิ่งใดต่อความเป็นไปในชีวิตเธอ
จริงอย่างที่ข้อความในอีเมลล์ว่า หากเป็นเมื่อก่อน เธอไม่มีทางจินตนาการภาพตัวเองในวันที่ตื่นเช้าได้ หรือหากจะคิดได้ก็คงเป็นเพียงเรื่องสมมุติที่เอาไว้เล่าเพื่อความตลกขบขันในวงเพื่อน
หากโลกนี้ไม่เคยมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่ชื่อนิรชา เธอก็คงไม่ได้รับอีเมลล์ฉบับนี้ และคงไม่อาจรู้เลยว่าตัวเองก้าวเดินมาไกลถึงเพียงใด
หญิงสาวตัดสินใจกดปิดหน้าอีเมลล์นั้น ก่อนจะทิ้งหน้าจอสี่เหลียมให้เหลือเพียสีดำ เธอคว้าทิชชู่ขึ้นซับหยาดน้ำตาให้เกลี้ยงใบหน้า สูดลมหายใจเข้าช้า ๆ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
อดีตของบางคน อาจเป็นเพียงสิ่งฉุดรั้ง แต่เธอจะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนของลมหายใจ ซ่อนกลิ่นของความรักและความทรงจำเอาไว้ ก่อนจะตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ ใช้ชีวิตต่อไป และรักษาสิ่งเดียวที่นิรชาหวงแหนเอาไว้ นั่นก็คือตัวเธอเอง.
ทิ้งไว้เพียงอดีตที่ไม่เคยหวนมา
ซ่อนเธอไว้ในใจ
- The End -
ฟิคเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากซีรีส์เรื่อง Black Mirror ตอน Be Right Back
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in