วันที่ 3 : sweet
ชายหนุ่มในวัย 21 ปี ยืนอยู่ที่หน้าห้องพักหมายเลข 206 ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ผ่านมา 1 สัปดาห์หลังจากที่เขาเก็บ(?)หมาตัวใหญ่มาไว้ในบ้าน ทุกอย่างยังคงปกติ ปกติเกินไป…
คนแปลกหน้าที่มีหูสุนัขทำตัวกลมกลืนกับห้องอย่างน่าทึ่ง อย่างเช่นเวลาเจ้าของห้องทำรายงานบนโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ย คนคนนั้นก็จะไปนั่งอ่านหนังสือ (ของเจ้าของห้อง) ที่มุมห้องเงียบๆ พอถึงเวลานอนคนตัวใหญ่ก็เลือกนอนที่พื้นว่างๆ ใกล้เตียง…
เหมือนหมาเกินไปแล้ว!
มีเพียงเวลาอาหารเย็นเท่านั้นที่ทั้งสองจะนั่งด้วยกัน แม้ไม่มีบทสนทนาใดๆ นอกจากการถามไถ่ที่ไม่มากมายจนน่ารำคาญของคนแปลกหน้า บรรยากาศก็จะนิ่งเงียบแต่ไม่ชวนอึดอัด
ก๊อก ก๊อก…
ชายหนุ่มสะบัดความคิดมากมายในหัวทิ้งแล้วเคาะประตูห้องตัวเองให้คนข้างในได้รับรู้ว่าเขากลับมาแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ไขกุญแจประตูห้องก็เปิดออกมาพร้อมใบหน้าคมที่ยิ้มแย้มดีใจ หางนุ่มที่งอกจากสะโพกสอบยาวประมาณหนึ่งช่วงแขนโบกไปมาแสดงท่าทางตื่นเต้น
บ้าเอ้ย!
หนุ่มนักศึกษารีบเข้าห้องแล้วเอามือปิดหน้าตัวเองไว้ เขาเริ่มเข้าใจความรู้สึกของคนที่เลี้ยงสัตว์แล้ว เวลาที่พวกมันมารออยู่หน้าบ้านตอนที่เจ้าของกลับมาจากข้างนอก ความรู้สึกคงไม่ต่างจากเขาตอนนี้นักที่เห็นว่ามันน่ารักเสียจนอยากจะล้มตัวลงไปฟัดกับหมาตัวใหญ่ให้รู้แล้วรู้รอด
แต่เขาทำไม่ได้…
“เป็นอะไรรึเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล ท่าทางลุกลี้ร้อนรนทำให้ชายหนุ่มอยากจะเอามือลูบผมสีเงินยาวประบ่านั่นแล้วบอกว่าไม่เป็นไร แต่เขาทำได้เพียงส่ายหน้าเบาๆ แล้วเริ่มตั้งสติเก็บกระเป๋ากับหนังสือเรียนไว้เป็นที่ก่อนนั่งพักที่เตียงอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
“นาย… ออกไปข้างนอกมาสินะ” อยู่ๆ ชายหนุมผมสีน้ำตาลก็ถามขึ้น ส่งผลให้อีกคนในห้องที่นั่งอยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ
“ข… ขอโทษครับ”
“เฮ้ยๆๆ ฉันไม่ได้ว่าอะไร นายจะออกไปไหนก็ได้แล้วแต่นาย เพราะยังไงคนอื่นก็ไม่เห็นหูกับหางนายอยู่แล้ว” เสียงนุ่มใสรีบบอกเมื่อสีหน้าตระหนกของคนตัวใหญ่ทำให้เขาเริ่มมันเขี้ยวอีกครั้ง
หากดูจากสถานการณ์แล้ว เหมือนชายหนุ่มจะได้หมาตัวใหญ่มาเลี้ยงจริงๆ แม้ว่าบางครั้งจะมีความคิดแล่นเข้ามาในหัวว่าถ้าคนแปลกหน้าคนนี้เป็นมิจฉาชีพแล้วละก็ เขาคงโดนยกเค้าหรือโดนฆ่าหมกส้วมไปแล้วก็เป็นได้
“ผมออกไปหาของกินครับ อยู่ๆ ก็หิว…” เสียงทุ้มตอบอ้อมแอ้มราวกับกลัวความผิด ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาสีขาวเหลือบมองผมสีเงินเทาของผู้อาศัยอีกคนก่อนโน้มตัวเข้าใกล้ จมูกโด่งสวยสูดกลิ่นบางอย่างที่พัดผ่านจมูกตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง
“หวาน…”
“!!!”
ร่างสูงที่นั่งเรียบร้อยอยู่บนพื้นตัวแข็งเกร็งทันทีเมื่ออยู่ๆ เจ้าของห้องก็เคลื่อนจมูกผ่านมาเกือบชิดใบหน้าคมก่อนผละออกไปอย่างรวดเร็ว
“กลิ่นหวานๆ กินอะไรมาเหรอ” ร่างสมส่วนถามพร้อมเอนตัวนอนลงอย่างเกียจคร้าน
“...”
“นี่…”
“อ่ะ… ขนมสายไหมครับ มีรถผ่านมาขายพอดี” เสียงตอบกลับตะกุกตะกัก แต่เหมือนชายหนุ่มที่ตั้งคำถามจะไม่ได้สนใจมันแล้วเมื่อเปลือกตาสีแทนค่อยๆ ปิดลงแล้วเขาก็เข้าห้วงนิทราในเวลาไม่นานหลังจากนั้น
นัยน์ตาสีทองซีดจ้องมองคนที่นอนอยู่บนเตียงเงียบๆ ปล่อยให้เวลาผ่านไปช้าๆ พร้อมความทรงจำที่ผุดขึ้นมาในสมอง
เมื่อ 15 ปีที่แล้ว เขาในวัย 13 ปีกำลังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต หูและหางที่ไม่เคยมีอยู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาในเช้าวันธรรมดาวันหนึ่ง เขาทั้งตระหนกตกใจ ทั้งหวาดกลัวกับความแปลกปลอมที่เกิดขึ้นมา เมื่อเขาวิ่งลงไปหามารดา เธอก็มีท่าทีตกใจไม่น้อย แต่พอตั้งสติได้เธอก็รีบโทรศัพท์หาใครบางคน เขาไม่เข้าใจ จนผ่านไปสองวัน ‘คุณตา’ ก็เดินทางมาหาเขาและเอาตัวเขาไปอยู่ด้วย ไปอยู่ในที่ที่มีแต่คนแบบเขา มีหูและมีหางของสัตว์งอกออกมาจากร่างกาย
เขาอึดอัด… เขาหวาดกลัว… เขาโศกเศร้า…
วันหนึ่งในฤดูหนาวเขาอยากกลับบ้าน… เขาหนีออกมาอย่างไม่มีที่ไป สองเท้าเดินตามถนนที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่มองผ่านเขาราวกับไม่มีอะไรในร่างกายเขาที่แปลกประหลาด แต่เขารู้ว่าไม่ใช่
เขาเป็นตัวประหลาด…
แต่แล้วอยู่ๆ เด็กน้อยคนหนึ่งที่อายุน้อยกว่าเขามากก็เดินเข้ามาหาเขาอย่างไม่ลังเล...
เด็กน้อยผิวสีแทนสวยยื่นหมวกไหมพรมสีน้ำตาลแดงมาให้เขามาปิดใบหูฟูบนหัวที่คนทั่วไปไม่มีวันมองเห็น...
เด็กน้อยฟันหลอที่ยิ้มยิงฟันให้เขาในวันที่ฟ้าหม่นหมอง...
เด็กน้อยที่มีกลิ่นชวนสบายใจ อยากเข้าใกล้ให้มากที่สุด...
เด็กคนนั้น... ที่ตอนนี้มาอยู่ตรงหน้าเขา...
…..
..
‘พารักษ์’
………..
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in