เป็นหนังที่เราใช้เวลาเรียบเรียงคำมารีวิวนานมาก เพราะมันดีจนอยากไล่ให้ทุกคนไปดูแบบไม่ต้องอ่านรีวิว ส่วนตัวเราไม่ค่อยอินกับหนังแนว Musical เท่าไหร่ ถ้าให้เลือกหนังที่สามารถบังคับตัวเองให้ดูจนจบได้ก็มี Once กับ Sweeney Todd
แต่!!
เราดู Once เพราะ เพลง Falling Slowly
ดู Sweeney Todd เพราะ Johnny Depp
เหตุผลที่ดู La La Land ก็ไม่ต่างจาก 2 เรื่องนั้นเลย
เราถูกเพื่อนในห้องบังคับ...
มันอวยหนังเรื่องนี้จนเราทำหน้าอิหยังวะใส่มันไปไม่รู้กี่รอบ เลยไปหาดูเพราะความรำคาญ
แต่สุดท้ายก็ถูกเพลงเปิดอย่าง Another Day Of Sun ตกตั้งแต่ต้นเรื่องอยู่ดี
VIDEO
ใช่ เราถูกหนังเรื่องนี้ตกด้วยเพลงประกอบ5555 โดยกล้าการันตีว่าทุกเพลงประกอบของ La La Land เพราะและติดหูจริง โดยเฉพาะเพลง City Of Star
เรากรอฟังหลายรอบมาก ถึงขั้นสมัคร VIP ของ JOOX มาโหลดเพลงนี้เก็บไว้ในเครื่อง
La La Land ไม่ใช่หนังแนว Musical ที่มีดีแค่เพลงประกอบเท่านั้น (ถ้าเพลงเพราะแต่เนื้อเรื่องห่วย เราคงไม่มารีวิวให้เสียเวลา)
ฉากจบของเรื่องเป็นส่วนที่ทำให้เราตกหลุมรักหนังเรื่องนี้มากที่สุด
ถ้าทุกคนเคยอ่านรีวิวหรือสปอย ก็จะรู้ว่า La La Land ไม่ใช่หนังที่จบแบบ Happy Ending พระ-นางไม่ได้อยู่ครองคู่กันเหมือนหนังรัก-โรแมนติกหลายเรื่องที่เดาตอนจบได้
VIDEO
ฉากจบใช้ทำนองเพลง Another Day Of Sun รันทุกอย่างในทาง 'What If...' หรือ ตรงข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ถ้า...เซบาสเตียนไม่ถูกเชิญให้เข้าร่วมวง
ถ้า...ละครเวทีของมีอาประสบความสำเร็จ
ถ้า...ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกัน
ถ้าทุกอย่างเป็นแบบนั้น หนังจะจบแบบ Happy Ending เหมือนสิ่งที่มันควรจะเป็น
แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่...
สุดท้ายทั้งคู่ก็ทำได้แค่ยิ้มให้กัน
ปวดตับแต่กินใจ...
คือคำนิยามหลังดูจบ
จริงๆ มีอีกหลายฉากที่เราชอบและอยากหยิบมารีวิว แต่ไม่สามารถเขียนบรรยายเป็นตัวหนังสือได้ เลยขอไล่ให้ทุกคนไปดูเอง เพราะตอนที่เพื่อนถามว่าหนังเป็นไง เราก็ตอบได้แค่ 'ดีมากอะ' เหมือนกัน
ปล. สำหรับเรา มีอาไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว
มันเศร้านะ เวลาเราทำสิ่งที่ตัวเองรักแล้วไม่ประสบความสำเร็จ
เซบาสเตียนก็เหมือนกัน ประสบความสำเร็จกับการทำสิ่งที่ตัวเองไม่ได้รัก
รู้ตัวอีกทีก็ไม่มีความสุขแล้ว...
อย่าลืมไปเสพหนังเรื่องนี้กันนะ =)
แปะเพลงเพราะๆในเรื่อง (ซึ่งก็เพราะหมดทุกเพลงนั่นแหละ)
Someone in the Crowd
Start a Fire
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in