คำนำสำนักพิมพ์
ผู้หญิงกับอาหารเป็นของคู่กัน—ไม่แน่ใจว่าเคยเขียนประโยคนี้ไปในคำนำเล่มไหนหรือเปล่า เพราะนอกจากอาหารแล้ว เรายังไม่ค่อยได้ห่างหายจากการทำหนังสืออาหารสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นสายนักครีเอตเมนูอาหารอย่าง Let me eat BREAD หรือสายนักกินทุกอย่างเน้นความอร่อยอย่าง ใดใดในโลกล้วนอร่อยจัง หรือสายนักลิ้มชิมรสและอาหารจากร้านอร่อยอย่าง บำเพ็ญตะกละ (ย่อหน้าเดียว ขายหนังสือไปสามเล่มเลย)
ทีแรกคิดว่าเรื่องราวของสาวๆ กับอาหารของ (พวก) เธอก็คงจะไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนไปกว่านี้เท่าไหร่นัก จนกระทั่งเราได้รู้จักกับไข่มุก หญิงสาวที่ออกตัวว่า ชอบเรื่องราวของอาหารเหมือนกัน แต่ที่ไม่เหมือนกันคือ ไข่มุกไม่ได้สนใจอาหารในแง่รสชาติ หน้าตา หรือว่าพิกัดการไปสรรหามาลิ้มลองแค่นั้น แต่ไข่มุกยังสนใจอาหารในเชิงความเป็นมา ประวัติศาสตร์ และลากยาวไปถึงวัฒนธรรมการกินอาหารชนิดเดียวกัน ด้วยความหมายที่แตกต่างกัน
ที่เคยคิดว่าเรื่องราวของอาหารนั้นเพียงรู้จักรสชาติ หน้าตา และรู้ว่าจะไปหามากินได้จากที่ไหนนั้นก็เพียงพอ แต่นั่นคงเป็นความคิดของนักกินชนิดผิวเผิน (อย่างเรา) หากลงรายละเอียดอีกนิดก็คงคิดใส่ใจไปถึงส่วนประกอบและวิธีการปรุงอาหารเหล่านั้น และหากใส่ใจมากขึ้นอีกหน่อย ก็อาจจะเลยเถิดไปถึงการเสาะหาที่มาที่ไปของส่วนประกอบที่เอามาใช้ปรุงอาหาร
ไข่มุกมักจะออกตัวว่าเธอไม่ใช่กูรูด้านอาหาร แต่เป็นคนที่ชอบและสนุกกับการตั้งข้อสังเกตและหาความเชื่อมโยงของมัน เช่น อบเชยที่อยู่ได้ดีทั้งในฐานะความหอมแบบของหวานทางฝั่งตะวันตก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องปรุงสำคัญในอาหารคาวรสจัดของซีกโลกฟากเอเชีย
เรื่องเหล่านี้อาจมีคนมองว่าไม่ต้องรู้ก็ได้, ก็จริง
แต่เชื่อเถอะ พอรู้ขึ้นมาแล้ว นอกจากจะพบว่าอาหารจะมีความจำเป็นในแง่การดำรงชีวิตของคนเราแล้ว ยังพบว่าคนเราเองก็มีส่วนอยู่ในประวัติศาสตร์และการดำรงอยู่ของอาหารเช่นกัน
BUNBOOKS
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in