เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
WATCHED FILM DIARYไนตี้
Kids on the Slope (2018, Takahiro Miki)
  • เพื่อนนี่ก็เป็นสิ่งประหลาด เป็นคนที่ผูกพันใกล้ชิดกับเราเหลือเกิน แต่ก็ห่างเหินกับเราเหลือเกิน เป็นคนที่เราแคร์เหลือเกิน แต่เราก็ปล่อยปลถละเลยเหมือนกัน เป็นคนที่เข้าใจเรามากกว่าใครๆ แต่ก็ไม่ใช่คนที่ยเอยู่กับเราไปตลอดชีวิต


    โดนเฉพาะช่วงวัยรุ่น ช่วงที่เราเติบโตจากความเยาว์ แต่ก็ยังไม่ก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ เราอยู่ช่วงเวลาที่สับสนหลงทาง ไม่วามารถหาคำตอบให้กับตัวเองในหลายๆ เรื่องได้ ครอบครัวเองก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ แล้วจะมีใครซักคนมั้ยที่จะเข้าใจความรู้สึกของเรา

    ที่เราชอบ Kids on the Slope (หรือ Sakamichi no Apollon) มาก ก็เพราะมันเป็นหนังที่ทำให้เราย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องราวของตัวเองสมัยวัยรุ่น โลกที่คิดว่ามีแต่เราที่เจอเรื่องแบบนี้เพียงคนเดียว แต่ก็รู้สึกว่ามีคนที่ยังเป็นเหมือนเรา และเข้าใจสิ่งที่เราเจออยู่ เส้นทางแห่งชีวิตที่เปลี่ยนไปเพราะคนนั้น ความผิดพลาดที่ทำลายความสัมพันธ์ โอกาสครั้งใหม่ที่ไม่คิดว่าจะได้รับ เรื่องราวเหล่านั้นเราได้เป็นทั้งพยานและคนที่พบประสบการณ์ด้วยตัวเอง


    นอกจากเพลงประกอบที่เป็นตัวชูโรงของเรื่องแล้ว ที่เราชอบอีกอย่างก็คือนักแสดงเล่นได้เข้ากันดี เอาจริงๆ บางคนก็เล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะตัวประกอบหลายคนที่หลุดออกมาจากหนังมาก แต่พอฉากสำคัญหลายๆ ฉาก การส่งบทระหว่างตัวเอกสองคนทำออกมาได้ดี ที่เราชอบเป็นพิเศษคือฉากเล่นดนตรีด้วยกัน เขาเล่นกันได้เหมือนกำลังพูดคุยกันอยู่จริงๆ


    น่าเสียดาย ด้วยเวลาที่จำกัดจำเขี่ย ตามสไคล์ของหนังที่ดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนทำให้มันมีความรู้สึกว่าเนื้อหาหลายอย่างตกหล่นขาดหายไป แต่เราคิว่ามันก็สามารถเล่าใจความสำคัญที่ต้องการจะสื่อออกมาได้ดีนะ เราสามารถสัมผัสถึงอารมณ์ของวัยเยาว์ มิตรภาพ การเติบโต และความโหยหาความรู้สึกเหล่านั้นออกมาได้


    เอาจริงๆ หนังแนวมิตรภาพแบบโบรมานซ์ (Bromance) นี่มีให้เห็นไม่เยอะเลย มันจะเป็น subgerne ของหนังหมวดอื่นๆ มากกว่า แต่ในเรื่องนี้เหมือนเป็นหนังที่เล่นเรื่องของมิตรภาพเป็นหลัก แล้ว subgerne เป็นแนวดนตรีอีกที


    ยอมรับว่าเราอวยหนังอยู่หน่อยๆ ที่ไปดูหลายรอบก็เพราะรู้สึกคลิกกับหนังอย่างที่บอกไปข้างต้น พอไปดูรอบหลังก็สังเกตุเห็นอะไรหลายอย่าง กลายเป็นว่าความรู้สึกของตัวละครถูกเสนอผ่านอย่างอ้อมๆ นอกจากฉากดนตรีที่พาดพิงกันและกันแล้ว (เซ็นทาโร่ดีดออร์แกนในโบสถ์ - คาโอริดีดเปียโนในงานโรงเรียน) คำพูดของตัวละครถูกพูดออกมาเพื่อให้เรารู้ว่าจริงๆ แล้วตัวละครคิดเหมือนกัน (เช่น ฉากที่เซ็นทาโร่กับคาโอรุประชุมเพลิงกันที่บ้าน แล้วพูดถึงสิ่งที่คาโอรุพูดบนดาดฟ้า) คาโอรุเองก็สารภาพความผิดของตัวเองอ้อมๆ ตอนคุยกับคนอื่น


    ก็แน่ล่ะ อย่างที่เราบอกว่าเพื่อน (หรือมิตรภาพ) เป็นสิ่งที่แปลกประหลาด มันเป็นสิ่งสำคัญแต่เราก็มัวแต่อ้อมค้อมกันไปมา เพราะคิดว่าไม่เป็นไรหรือหายไปก็ไม่เป็นไรก็ได้ แต่จริงๆ สำหรับบางคนมันก็ไม่ใช่แบบนั้น สำหรับบางคนแล้วมิตรภาพคือสิ่งที่ช่วยทำให้เราผ่านช่วงเวลาอันเลวร้าย เป็นหนทางไปสู่ในอนาคต เพราะมันมีผลกระทบกับเรามากๆ มันก็เลยเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ จนเราไม่ควรทอดทิ้งมันไป


    สุดท้ายแล้ว นอกจากบรรยากาศโบรแมนซ์ดีๆ ภาพสวยๆ (เราชอบแสงแบบนี้เป็นการส่วนตัว) ซีนเล่นดนตรีก็ดีและประทับใจ ตัวหนังเองก็สนุก เนื้อเรื่องดีมีจังหวะ ทำให้สำหรับเราแล้วนี่เป็นหนังที่ดูแล้วอิ่มมากๆ เลย


    ป.ล. ส่วนใครว่ามันเกย์มั้ย จริงๆ มันก็ไม่เกย์หรอก แต่เจอบ่อยๆ พอเพื่อนสนิทกันมากๆ สังคมก็จะชอบแซวว่าเกย์กัน ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่ออะไร


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in