เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
le voyageibearinmind
ครูบ้านนอกรุ่น 224


  • ' ระยะทางจะใกล้หรือไกลขึ้นอยู่กับใจ ' ดูท่าจะจริง
    ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยมีความฝันที่จะออกค่ายมาโดยตลอด
    โดยเฉพาะค่ายประจำคณะอย่างค่ายมะนุด ー โครงการสำหรับสร้างห้องสมุดให้กับพื้นที่ห่างไกล
    แบ่งหน้าที่กันโดยแบ่งออกเป็นโครงต่างๆ เช่น โครงสร้างสำหรับก่อสร้าง โครงสอนทำหน้าที่สอนหนังสือเด็กๆ  แต่กลับไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมและมีเสื้อช็อปเท่ๆ อย่างใครเขาแม้แต่ปีเดียวเพราะเป็นเด็กภาคพิเศษ เวลาเรียนคือเวลาพบปะของชาวค่าย


    แต่แล้วเวลาของเราก็ดำเนินมาถึงในบ่ายวันหนึ่งของการทำงาน เพื่อนร่วมงานพูดถึงค่ายๆ หนึ่งขึ้นมา เป็นค่ายอาสาที่มีจัดเป็นประจำทุกๆ เดือนสถานที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปในแต่ละเดือน


    ค่ายนี้มีชื่อว่า "ครูบ้านนอก"


    ขยายความโครงการ ー เป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อระดมกลุ่มคนของสังคมให้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมร่วมกับชุมชนชาวไทยภูเขาเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างคนเมืองกับคนชนบทห่างไกล ー โดยไม่เข้าไปทำลายวิถีชีวิตความเป็นอยู่ เน้นที่กลุ่มเด็กๆ ในจังหวัดเชียงรายซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่ทางมูลนิธิกระจกเงาทำงานอยู่ มีหลายชนเผ่า เช่น เผ่าอาข่า (อีก้อ) ลาหู่ (มูเซอ) เย้า (เมี่ยน) ปกากญอ (กะเหรี่ยง) ー แต่ละชนเผ่าจะมีภาษาและวัฒนธรรมเป็นของตัวเองและใช้ภาษาไทยเป็นภาษาที่สอง


    ครูบ้านนอกจะเข้าไปทำงานร่วมกับโรงเรียนและชุมชนโดยจะเข้าไปส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของเด็กๆ ー สร้างบรรยากาศการเรียนรู้แบบบูรณาการที่สนุกและมีสีสัน ー ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นทางด้านการศึกษา ー ในขณะเดียวกันครูบ้านนอกเองก็จะได้เรียนรู้วิถีชีวิต สภาพความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของชุมชนที่เข้าไปพักพิง


    ค่ายที่เราไปเป็นค่ายรุ่นที่ 224 "ฝนพรำกลางดอย"
    ศศช.บ้านแม่แฮง ต.แม่สาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ระยะเวลาของค่ายคือ 12-15 กันยายน 2562
    กิจกรรมหลักของค่ายนี้คือการขุดท่อระบายน้ำข้างๆ สนามบอลของเด็กๆ ร่วมกับชาวบ้านเผ่าลาหู่
    มีกิจกรรมกีฬาสีกระชับมิตร สอนหนังสือแบบสันทนาการเด็กๆ


    จริงๆ แล้วค่ายครูบ้านนอกมีประวัติความเป็นมาค่อนข้างยาวนาน มีจำนวนรุ่นมากกว่าตัวเลขที่โชว์เด่นหราอยู่ตอนนี้ เพราะมีบางรุ่นที่เป็นรุ่นเฉพาะกิจทำให้มีชื่อเฉพาะที่ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น


    สิ่งที่ต้องเตรียมตัวให้ยิ่งกว่าพร้อมคือใจและเงินในกระเป๋า เพราะค่าใช้จ่ายค่ายรวมถึงค่าเดินทางค่าที่พักต่างๆ ก่อนถึงเวลารวมตัว ณ จุดรวมพลเป็นสิ่งที่เราต้องจัดการตัวเองทั้งหมด ถ้าใครมีแรงกำลังมากกว่านั้น ค่าใช้จ่ายนั้นอาจรวมไปถึงการบริจาคสิ่งของที่ต้องใช้ภายในค่ายซึ่งสามารถบริจาคผ่านทางมูลนิธิได้โดยตรง ในค่ายนี้สิ่งของจำเป็นคงเป็นท่อระบายน้ำกับเหล่ารองเท้าบู๊ท เสื้อกันฝนของเด็กๆ


    เราเดินทางด้วยเครื่องบินตั้งแต่เช้าวันที่ 11 จากภูเก็ตไปเชียงใหม่เดินทางต่อด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนไปส่งที่คิวรถตู้เชียงใหม่ - ฝางและต่อวินเข้าพักที่โรงแรมหนึ่งคืนก่อนออกเดินทางไปที่จุดรวมพลในเช้าวันถัดมาเพื่อนั่งรถกับเหล่าครูท่านอื่นๆ ที่มาจากต่างที่ต่างถิ่น บ้างมาเป็นคู่ บ้างมาเป็นกลุ่ม บ้างมาคนเดียวแบบเดียวกับเราเพื่อไปยังที่หมาย นัดแนะกันถึงกำหนดการณ์ต่างๆ บ้านแต่ละหมายเลขที่ถูกจับจองด้วยเหล่าครูบ้านละสองถึงสามคนหลังจากตกลงทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกเดินทางด้วยเท้าขึ้นเขาลงห้วยระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตรเพื่อเข้าไปยังตัวหมู่บ้าน


    เป็นระยะทางที่ไม่ไกลพอให้รู้สึกท้อแต่มากพอให้รู้จักมักจี่และผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ๆ ในค่าย ทิวทัศน์ระหว่างทางสวยงามน่าชื่นชม สีฟ้าของท้องฟ้าที่ตัดกับสีเขียวของแมกไม้ ดอกไม้น้อยใหญ่ชูดอกอวดโฉมอย่างน่าเอ็นดูพอๆ กับฝูงแมลงปอที่บินต่ำๆ จากสภาพอากาศที่เพิ่งมีฝนตกสลับกับท้องฟ้าแจ่มใส เหล่าครูบ้านนอกเดินทางขึ้นไปถึงยังตัวหมู่บ้าน


    พบปะกับเหล่าชาวบ้านบางส่วนที่ออกมาต้อนรับ จัดการเรื่องเสบียงและแยกย้ายกันเข้าที่พัก กิจกรรมหลังจากนั้นส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่ครูบ้านนอกทำร่วมกับคนในพื้นที่ เราบางส่วนทำอาหารพร้อมกับครอบครัวที่เราเข้าไปพักอาศัย งานหลักของเราคือการขุดท่อระบายน้ำรอบๆ สนามบอลของเด็กๆ ร่วมกับชาวบ้านและการสอนหนังสือ เล่นกับเด็กๆ รวมไปถึงการให้เด็กๆ เป็นไกด์นำพาเหล่าครูบ้านนอกขึ้นไปเล่นน้ำตกด้วยกันหลังจากการทำงานตลอดทั้งวัน กิจกรรมยามค่ำส่วนใหญ่เป็นการประชุมรวมตัวเพื่อนัดแนะกำหนดการณ์ของวันต่อๆ ไป ไปอยู่ที่นั่นแทบไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ มีเป็นบางพื้นที่แบบนานๆ ครั้ง รวมไปถึงไฟฟ้าที่จะมีเป็นบางบ้านที่มีกำลังซื้อแผงระบบโซลาร์เซลล์มาใช้เอง วิวรอบๆ ตัวหมู่บ้านที่จำได้ขึ้นใจเป็นสวนลิ้นจี่ ทุ่งนาสลับกับลำน้ำ สีเขียวสลับฟ้าสวยงาม อากาศในช่วงกลางวันร้อนจัดจนแสบผิวคนใต้ที่ไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศร้อนแบบแห้งๆ อย่างเราแต่ทุกอย่างบรรเทาลงตอนหลบอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ระหว่างพักผ่อนหย่อนใจ ภาพอีกภาพที่จำได้ขึ้นใจคงเป็นสกิลการกระโดดยางของเหล่าเด็กๆ ที่มีทั้งท่าที่คุ้นเคยดีเพราะเห็นมาในวัยเด็กและท่าแปลกๆ ที่ไม่เคยเล่นมาก่อน


    เราเองมีอุดมการณ์แรกเริ่มคือมาเพื่อให้ คาดหวังเอาไว้ว่าจะไปเพื่อเห็นและเรียนรู้สิ่งต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งใหม่ทั้งหมด ผู้คน สถานที่ วัฒนธรรม รวมไปถึงอยากแบ่งปันแรง กำลังและความรู้เท่าที่มีเพื่อทำประโยชน์ให้กับโลกใบนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแต่สิ่งที่ได้กลับมามันมากเกินกว่านั้น เราเจอผู้คนมากมายในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ พบเหล่าผู้คนใจดีที่พร้อมช่วยเหลือ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ จากที่เราคิดว่าเรานำพาตัวเองไปยังพื้นที่ห่างไกล ฝ่าฝน ฝ่าป่าไปเพื่อช่วย กลับเป็นเราเสียมากกว่าที่ได้รับพลัง แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต


    เรื่องที่ต้องการบอกเล่าคงไม่มีอะไรมากไปกว่านี้
    หากต้องการสอบถามรายละเอียดลองเสิร์ชชื่อคำว่า 'ครูบ้านนอก' ทั้งในกูเกิลและในเฟสบุ๊คเพจ
    หวังว่าทุกคนจะมีความทรงจำดีๆ ในแต่ละย่างก้าวที่ย่ำเท้าไปนะ :-)


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in