ทุกคนรู้ว่าพุทธศาสนาในไทยปัจจุบันนั้น ขึ้นอยู่กับวัตถุและการวิงไหว้ขอพร จากบนบานกับพระพุทธรูป ซึ่งก็คือวัตถุ จนบนบานกับผู้วิเศษทั้งหลาย ปัจจุบันที่ดูเหมือนพญานาคเข้ามามีบทบาทในสังคมพุทธแบบไทยๆมากยิ่งขึ้น ผู้เขียนจะไม่ขอพูดถึงที่มาที่ไปของพญานาคในบทความฉบับนี้ ไม่ขอพูดถึงความศรัทธาของบุคคลที่มีต่อพญานาค แต่บทความที่จะกล่าวถึงการแสดงความเคารพในความแตกต่างของแต่ละบุคคล
ผู้เขียน ได้ใช้ชีวิตกับสังคมที่มีความหลากหลายทางศาสนามาตลอดชีวิต ทั้งจากการที่เกิดมาในครอบครัวชาวพุทธ ที่พ่อได้รับการดูแลจากคนในครอบครัวที่มีศักดิ์เป็นพระ เติบโตมาในความคุ้นชินกับชาวมุสลิม และการได้รับความอบอุ่นจากครอบครัวคริสเตียนในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ผู้เขียนนับถือเป็นครอบครัวอีกครอบครัวหนึ่งเลยทีเดียว
หากถามในฐานะผู้เขียนว่านับถือศาสนาใด คงต้องตอบตามความจริงว่ายังคงมองตัวเองเป็นชาวพุทธ แต่เป็นชาวพุทธที่มองว่าการไหว้บนบานหรือใช้เงินทำบุญเพื่อหวังสิ่งตอบแทนนั้น ไม่เป็นความจริง
ในมุมหลายๆคนที่ "คิดว่า" รู้จักผู้เขียนเป็นอย่างดี มักยัดเยียดความเชื่อ หรือพยายามบีบให้ผู้เขียนใช้ชีวิตอย่าง"วิถีพุทธ" ที่คิดว่าดีสำหรับพวกเขา หากแต่น่าสลดตรงที่ ผู้เขียนซึ่งกล่าวไปแล้วว่าได้ใช้ชีวิตร่วมกับศาสนาหลักของโลกถึงสามศาสนา แต่ชาวไทยพุทธนี่แหละที่เป็นกลุ่มเดียวที่พยายามเปลี่ยนความคิด ความเชื่อ และการกระทำของผู้เขียน
ผู้เขียนโตมาในครอบครัวพุทธ ที่ถึงแม้พ่อจะใช้ชีวิตในวัดตั้งแต่เด็กจนมีแนวทางชีวิตที่มั่นคง แต่พ่อนั้นไม่เคยที่จะบีบบังคับให้ผู้เขียนหรือคนอื่นในครอบครัวไหว้พระหรือทำพิธีทางศาสนาที่ทำให้รู้สึก"อึดอัด"เลย สิ่งที่พ่อขอจากพระพุทธรูปทุกวันที่พ่อไหว้ มีเพียงแค่ขอให้ครอบครัวไม่มีภัยอันตราย ไม่เคยบนบานขอให้มีเงินทอง มีอำนาจหรืออื่นๆ ส่วนตัวผู้เขียนไหว้พระไหม คงต้องตอบตามตรงว่าเคยไหว้ และเชื่อว่าการไหว้พระทำให้จิตใจสงบ ไม่ต่างจากการฟังเพลง หรือแม้แต่การที่ผู้เขียนทำการเขียนเรื่องนี้อยู่ เพราะผู้เขียนมองว่าเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ทำให้เราอยู่กับปัจจุบันและมีจุดจดจ่อกับมัน แค่นั้นเอง
เมื่อเข้าช่วงวัยรุ่น ผู้เขียนมีโอกาสใช้ชีวิตกับครอบครัวคริสเตียน ลินดี้ แรนดี้และเบน (Service Dog) ในฐานะเป็นครอบครัวอุปถัมภ์ให้แก่ผู้เขียน ผู้เขียนสมัครใจไปโบสถ์คริสเตียนกับทางครอบครัวอุปถัมภ์ทุกวันอาทิตย์ เพราะต้องการเรียนรู้วัฒนธรรมและเข้าสังคม แต่ที่น่าให้ความสนใจคือ ทางโบสถ์ทราบว่าผู้เขียนนับถือพุทธศาสนาและเข้าโบสถ์ไปนั่งเฉยๆ มองกิจกรรมต่างๆ แต่ไม่มีใครเลยที่พยายามเปลี่ยนแปลงความเชื่อของผู้เขียน หรือบังคับให้ทำกิจกรรมทางศาสนาที่เกินเลยในความเชื่อของผู้เขียน ทุกคนให้ความรัก ความอบอุ่นและเคารพความเชื่อของผู้เขียน จนปัจจุบันเมื่อผู้เขียนได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนความสุขในอีกซีกโลก ผู้เขียนก็ไม่เคยรู้สึกอึดอัดในการไปศาสนสถานที่สหรัฐอเมริกาเท่ากับประเทศไทย...."บ้าน" ของตัวเอง
ไทยพุทธในปัจจุบันนั้น หล่อหลอมความเกลียดชังและไม่แสดงความเคารพกันยิ่งเสียกว่าสังคมในศาสนาอื่นที่ผู้เขียนได้สัมผัสมาเสียอีก ผู้เขียนใช้ชีวิตด้วยทัศนคติที่เคารพความคิดและความเชื่อผู้อื่น ถึงแม้เราจะไม่เข้าใจหรือคิดว่ามันแตกต่าง หากไม่ได้ทำร้ายตัวผู้เขียนหรือผู้อื่น ยังไงก็ไม่มีทางมองบุคคลนั้นๆในด้านลบแน่นอน
ในกรณีหนึ่งที่ผู้เขียนต้องการยกตัวอย่างประสบการณ์ที่ได้รับปฏิบัติมาคือ การได้รับเครื่องรางของขลังเช่น ลูกแก้วพญานาค ที่ผู้เขียนนั้นไม่ได้รู้สึกเคารพหรือมีความเชื่อในส่วนนี้ หากแต่จะปฏิเสธแล้ว ผู้เขียนกลับโดนมองว่าเป็นบุคคลไม่เอา"ศาสนาพุทธ" หรือแม้แต่บีบบังคับให้ผู้เขียนไหว้วิงวอน ดูดวงชะตากับสิ่งที่มองไม่เห็น หรือแม้แต่ใช้เงินทำบุญเพื่อหวังบุญหรือเงินเป็นการตอบแทน ในปัจจุบันผู้เขียนก็ไม่รู้ต้องจัดการกับลูกแก้ววิเศษนั้นอย่างไร นอกจากเก็บมันไว้ในลิ้นชัก
..ในทางพุทธศาสนา ความประพฤติดีที่แสดงออกทางกาย 3 ประการ ประการแรกคือ ไม่ฆ่าสัตว์ ละเว้นจากการเบียดเบียนกัน เป็นผู้มีเมตตา กรุณา..
ในเมื่อผู้เขียนบอกไว้แล้วว่านับถือพุทธศาสนา หากแต่ไม่ได้มีความเชื่อในทางพุทธศาสนาแบบที่กล่าวไปข้างต้น ผู้เขียนไม่ได้ทำดีหรือไม่ทำบาปเพราะกลัวบาป หากแต่ผู้เขียนทำดีเพราะอยากทำดี และไม่ได้หวังบุญใดๆ และใช่ ผู้เขียนไม่ได้มีความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ผู้เขียนมีความเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตเป็นเพียงแรงขับเคลื่อนความสมดุลของโลก การกระทำในตอนมีชีวิตอยู่ไม่ได้ช่วยให้มีชีวิตหลังความตายที่ดี
..ทุกคนมีโลกใบเดียว มีชีวิตเดียวและมีจิตใจเดียว ไม่มีใครมีโอกาสในโลกหน้าหรือโลกหลังความตาย..
ในกรณีหนึ่งที่ผู้เขียนมองว่าชาวพุทธแบบไทยๆนี่แหละที่ไม่ให้ความเคารพในความแตกต่างคือ มีกรณีที่คนดังชาวคริสเตียนท่านหนึ่งได้เสียชีวิตไป กลับมีผู้คนมากมายกระทำและเชื่อในพิธีการไหว้ผีหรือบางคนถือว่าเป็นหนึ่งของพิธีทางพุทธ หากแต่ทำไมคนตายหนึ่งคนที่เขามีความเชื่อแตกต่างจากตนเอง แต่ยังมีคนไม่เคารพและจัดทำศาสนพิธีแบบไทยๆ ให้อีก ทางผู้เขียนมีข้อสงสัยที่ว่าหากเป็นชาวพุทธไทยโดนกระทำพิธีในแบบต่างความเชื่อบ้างหละ จะเป็นอย่างไร
..พุทธศาสนามีความชัดเจนมากในการไม่เบียดเบียน ไม่ใช้ความรุนแรงต่อผู้อื่น หากท่านหยิบยื่นความหวังดีในรูปแบบความเชื่อส่วนบุคคลของท่านเองให้ผู้อื่นทั้งที่เขาไม่ได้มีความเชื่อเดียวกับท่าน ท่านจงยอมรับเสียเถิดว่าท่านได้เบียดเบียนผู้อื่นไปแล้ว..
การที่จะอยู่ร่วมกันกับคนต่างความเชื่อให้ได้มากที่สุดคือ เคารพ คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจในสิ่งที่เขาสนใจ และมันไม่จำเป็นเลยที่จะวัดกันว่าความเชื่อไหนดีกว่า คุณต้องไหว้พระ คุณต้องทำบุญเยอะๆ คุณต้องไปวัด หากแต่ต้องเริ่มที่ตนเองที่ว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดและความเชื่อผู้อื่นได้ นอกจากตัวเขาเอง เพราะการที่คุณพยายามยัดเยียดสิ่งที่เขาไม่ต้องการ สุดท้ายมันจะจบที่คุณผิดหวังเอง ทั้งที่จริงแล้วเขาไม่ได้มีความผิดอะไรเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in