เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My Son In My SeoulBabbityRabbity
แชร์ประสบการณ์ไป Fanmeeting ต่างประเทศครั้งแรก!
  • ถ้าถามว่า ทริปนี้เกิดขึ้นมาได้ยังไง สาเหตุหลักของทริปนี้มาจากเราตั้งใจจะไปดูแฟนมีตติ้งของสองหนุ่ม H&D หรือก็คือ อีฮันกยอลและนัมโดฮยอน โดยธีมของงานชื่อว่า "Happy Day : Brithday"

    น่ารักไหมคะ น่ารักไหม ๆๆๆๆๆๆ

    แต่ก่อนอื่นขอเท้าความก่อนว่า ตอนแรกเราลังเลมาก ๆ คืองานแฟนมีตนี้จัดวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2020 ช่วงนั้นเราเปิดเทอมอยู่ค่ะ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหลักเท่าไหร่ 5555555555555 คือเราคุยกับเพื่อนที่จะไปด้วยกันแล้วว่า ตารางเรียนสลับได้ ก็คือเราจะสลับไปเข้าเซคอื่นแทน เพื่อนให้ช่วงที่เราจะไปกันไม่มีเรียนนั่นเอง

    ส่วนปัญหาต่อมาที่เราเจอคือ เราไม่เคยกดบัตรแฟนมีตของต่างประเทศเลย ไม่เคยเลย เราก็เลยตาม ๆ ข่าวจากในทวิตว่า มีใครที่เขาไปจะไปเหมือนเราไหม พูดง่าย ๆ ก็คือเก็บขอมูลจากโพสต์ของคนอื่นเขานั่นแหละค่ะ จนทางแอค official ออกมาประกาศว่า เนี่ย จะกดบัตรทางเว็บ Interpark นะ

    แต่ทาง official เขาประกาศกระชั้นชิดมากกกก จำได้ว่า หลังจากประกาศจัดงาน วันกดบัตรก็ใกล้ ๆ กันเลย งงกันใหญ่ คือปกติเขาต้องบอกล่วงหน้ากันเป็นเดือน ๆ  ตอนนั้นเราเลยตัดสินใจทักคุณคนนึงในทวิตเตอร์ไป เพราะเราเห็นเขาโพสต์ว่าเขาจะไปงานมีตนี้ แล้วเราก็คิดไม่ผิดจริง ๆ ค่ะที่เราทักเขาไป เพราะคุณคนนี้เขากดซื้อตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว กดก่อนวันกดบัตรมีตอีก เขาบอกเราว่า ถ้าไม่รีบซื้อตั๋วเครื่องบินก่อน ไปซื้อใกล้วันบินค่าตั๋วจะแพงมาก และใช่ค่ะ ตอนนั้นเรากับเพื่อนยังไม่ได้ซื้อตั๋วเครื่องบิน คือกะว่าถ้าได้บัตรมีตถึงค่อยซื้อตั๋ว (ซึ่งเราพลาดมาก โคตรพลาดดด อย่าหาทำนะคะ) 

    พอวันกดบัตรมาถึงเรากับเพื่อนก็สแตนด์บายรอกดกัน ความพีคคือ เว็บ Interpark เขาแบ่งเป็น 2 เว็บคือเว็บของเกาหลี กับเว็บแบบ Global และใช่แล้วจ้า official เขาไม่ลงขายแบบ Global หมายความว่า แฟนคลับต่างชาติ "ไม่มีิสิทธิ์กดซื้อบัตรเอง" ด้วยซ้ำ แรง แรงมากกกกก ตอนนั้นเรากับเพื่อนก็แบบทำใจละ คงไม่ไปแล้วแหละ จนผ่านมาช่วงก่อนวันงาน 1 อาทิตย์ เพื่อนเราบอกว่า ให้ตัดสินใจครั้งสุดท้าย คือเพื่อนไปดีลบัตรมา แบบที่มีคนกดมาขายต่อแล้วอัปราคา นเราเลยถามว่าอัปแรงมากไหม เพราะประสบการณ์อัปราคาบัตรที่ไทยมันอัปแรงมาก เพื่อนบอกอัปไม่แรงมาก คือราคาบัตรปกติอยู่ที่ประมาณ 1500 บาท ใช่แล้วค่าา ราคาบัตรที่ต่างประเทศจะไม่แพงเลยถ้าเทียบกับบ้านเรา และเป็นราคาเดียวกันทั้งงานเลย ส่วนบัตรที่เราซื้อมาอัปราคาขึ้นมาอยู่ที่ 2000 กว่าบาท เราก็เลยบอกเพื่อนว่า ขนาดนี้แล้วอะ ไปเหอะ 5555555555555555555555 เพื่อนเราเลยรับหน้าที่คุยกับคนที่ดีลบัตร เรื่องจ่ายเงินต่าง ๆ ก็คือคุยกันทางทวิตเตอร์เลยค่ะ มีการโอนเงินมัดจำก่อนครึ่งนึง ส่วนที่เหลือจ่ายหลังจากเรารับบัตรที่หน้างานแล้ว

    ถึงเราจะซื้อบัตรรอบดีลมาแต่เราก็ยังอยากเลือกที่นั่งอะเนอะ แบบพยายามจะใกล้เวทีที่สุด คือฮอลล์จัดงานเป็นฮอลล์แบบ 3 ชั้นค่ะ เราก็เลยบอกงั้นเอาชั้น 1 ละกันต่อให้เพราะยังไงก็ยังได้เห็นภาพตรง ๆ อะ โดยชั้น 1 เค้าก็แบ่งเป็นหลาย ๆ โซนตามความยาวของเวที ด้วยความที่เรากับเพื่อนอยากอยู่ตรงกลาง ๆ ก็เลยเลือกแยกกันนั่ง

    ในฮอลล์จะแบ่งเป็นชั้น ๆ แบบนี้เลยค่ะ

    หน้าที่ต่อมาของเราคือการจองตั๋วเครื่องบิน  ช่วงที่เราจะไปคือ เราไป 31 มกราคม - 3 กุมภาพันธ์ ก็คือประมาณ 3 วัน 2 คืน ทีนี้ด้วยความที่เราจองตั๋วก่อนบินแค่อาทิตย์เดียว ราคาตั๋วเลยพุ่งมาก อยู่ที่ประมาณ 13,000 บาท (ราคาไปกลับ) หลังจากนั้นเราก็มาทำแพลนกับเพื่อนว่าก่อนถึงวันงานเราจะไปไหนกันบ้าง


    Day 1

    วันนี้เป็นวันแรกที่มาถึงค่ะ (เราบินเช้ามืดถึงวันนี้สาย ๆ) เราเลยตั้งใจว่า เดี๋ยวหาข้าวกินแถว ๆ นี้ กับหาที่ถ่ายรูปพลาง ๆ รอไปเช็กอินตอนบ่าย 2 ที่แรกที่เราไปก็คือ Bukchon Hanok Village

    แม้แต่หน้าร้านอาหารก็ยังจะถ่ายรูปกัน 55555555555555555555555555



    หลังจากนั้นเราแวบเข้ามาเช็กอินที่โฮสเทลที่เราจองเอาไว้ ที่พักโอเคมาก ๆ ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ไม่แพงด้วย (เงินหมดแล้วค่าา) แพลนต่อไปคือเราตั้งใจเอาไว้ว่าจะไปถ่ายรูปตามรอยแจฮยอนกับพี่จอห์นนี่ที่ Blue Park ที่ตึก Blue Square ลงที่สถานี Hangangjin


    นี่คือ Ref. ถ่ายรูปที่เซฟเอาไว้ค่ะ


    ส่วนนี่คือรูปที่ถ่ายได้กัน 555555555555555555555555555 เป็นท้อมาก ๆ



    Day 2

    วันนี้เราจะไปตามรอยเก้าอี้ที่มีชื่อศิลปินแปะอยู่ที่ Seoul Forest Park ที่นี่เราตั้งใจมาตามรอยเก้าอี้ของ Victon  เราเจอมาจากในทวิตไหน ๆ ก็ไหนแล้ว ตัวไม่เจอมาเจอเก้าอี้ที่มีชื่อเขาก็ได้เนอะ แต่ก่อนเจอเก้าอี้ของ Victon เราเจอเก้าอี้ของนัมจุนก่อน (RM จาก BTS) มีทั้งเก้าอี้สมัยยังใช้ชื่อ Rap Monster แล้วก็ชื่อใหม่คือ RM เลย เพื่อนเราที่เป็น Army เลยขอแวะก่อน

    และกว่าจะเจอเก้าอี้ของพี่ซึงอู เรากับเพื่อนเดินหลงกันไปรอบนึง คือตัวสวนมันจะมีถนนเป็นรูปตัว U แต่เราเดินหลงกับเพื่อนไปนู้นนน ออกนอกรั้วไปเจอเหมือนโรงเรียน เหมือนอะไรสักอย่างไม่มีคนเลยสักคน ดีหน่อยที่ยังเช้า ถ้าเริ่มมืดแล้วออกจะน่ากลัวอยู่ และในที่สุด! เราก็เจอเก้าอี้พี่ซึงอูแล้ว!


    ทุกคนนี้คือ Ref. ที่พี่ซึงอูลงใน IG ตัวเอง (@w_o_o_y_a)

    หล่อเนอะ เฮ้อออออ ;-;

    ส่วนนี่คือตอนถ่ายจริงที่ได้ 5555555555555555555555555555555


    คือแค่บรรยากาศโดยรอบก็ไม่เหมือนแล้ว เพราะเรามาคนละฤดูกัน ในรูปคือยังเขียว ๆ แต่ตอนเราไปใบไม้ร่วงหมดแล้ว หนาวมาก ๆ ด้วย อุณหภูมิเลขหลักเดียวตลอดเลย แต่เรายังไม่ละความพยายามนะคะ เรายังหามุมต่อไป แต่รูปนี้ถ่ายคนละมุมนะคะ เราหาไม่เจอ 55555555555 เลยกะว่าเลือกสักมุมละกัน


    และรูปนี้คือ Ref. อีกรูปนึงของพี่


    และต่อไปเป็นอีกที่นึงที่อยู่ใกล้ ๆ กับ Seoul forest คือเดินข้ามถนนมาอีกฝั่งที่เป็นตู้คอนเทนเนอร์เยอะ ๆ มีร้านขายของตรงนั้นเยอะ ๆ ก็จะเจอมุมนึงเป็นมุมที่พี่ซึงอูถ่ายสมัย Time To Sorrow รูปนี้เลยค่าา

    หล่ออีกแล้วอะ เฮ้อออออ ;-;


    ส่วนนี่คือรูปตอนถ่ายจริงที่ได้ 5555555555555555555555555555


    หลังจากแวะถ่ายรูปกันจนหมดแรงเราก็จะไปหาของกินกันค่ะ และแน่นอนว่า มาถึงนี่แล้วเราจะพลาดมากินตามรอยร้านต็อกน้องนัมได้ยังไง!! จริง ๆ ต้องบอกว่า เป็นต็อกร้านป้าที่น้องนัมชอบมากินมากกว่า โดยถ้าจะมาร้านนี้ให้ทุกคนลงที่สถานี  Gangnum - Gu Office รถไฟสายสีเหลือง ทางออกที่ 1 


    พูดตรงนี้เลยนะคะว่าไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการกินของร้อน ๆ ตอนอากาศหนาว ๆ อีกแล้ว แต่หลังจากที่เราออกจากร้านต็อกแล้วตะเวนซื้อของกันอีกนิดหน่อย ก่อนจะกลับเข้าที่พักเอาของไปเก็บ แล้วช่วงเย็น ๆ ออกมาหาร้านปิ้งย่างกินกัน ย่านที่เราอยู่อะ ร้านปิ้งย่างที่เป็นหมูหายากมาก แบบโคตรยาก เราไม่รู้ว่าเราจิ้มร้านผิดหรืออะไร แต่กว่าเราจะได้กินร้านที่มีหมูก็ปาเข้าไปร้านที่ 5 แล้วอะ ร้านก่อนหน้าที่เราเข้าไปถามเจอแต่ไก่หมดเลย เรางงมาก ทำไมไม่เจอหมู 


    และในที่สุดก็ได้กินหมูย่างสมใจอยาก แต่ตอนสั่งอาหารอะ เรากับเพื่อนใช้ภาษาจีนสั่งนะ 55555555555555555 งงไหม เราก็งง ใช้ภาษาจีนสั่งอาหารในร้านอาหารที่เกาหลี คือคนที่ร้านเขาพูดภาษาอังกฤษกัไม่ได้เลย จะจิ้ม ๆ สั่งก็ไม่ได้อีก เพราะเขาไม่เก็ทว่าเราจะเอาอะไร เพราะมันไม่ใช่บุฟเฟ่ต์ที่นับว่า เออมา 2 คน เลยบอกเขาว่า เราเอาแต่หมูนะ อะไรแบบนี้เขาก็แบบเข้าใจ แต่เขารัวภาษาจีนใส่เรากับเพื่อนแบบจัดเต็มมาก ซึ่งเราก็ฟังไม่ออก คือเราก็ได้แค่นิดเดียวอะ แต่สุดท้ายก็สั่งถูก ได้กินแบบที่อยากกิน


    Day 3

    วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ววว เกือบลืมแล้วว่า เป้าหมายของทริปนี้คืออะไร 55555555555555555555 วันนี้เราตื่นกันแต่เช้าเลย เพราะเราต้องเช็กเอ้าท์ด้วย (บินกลับคืนนี้เลยจ้า เพราะพรุ่งนี้บ่ายมีพรีเซ้น Project ที่มอ) และก่อนจะไปงาน เราต้องหาฝากกระเป๋ากันก่อน เพราะของรุงรังมากหอบไปไม่ไหว เราเลยแวะฝากกระเป๋าที่ตู้ฝากของที่สถานนีรถไฟฟ้าที่เป็นทางผ่านตอนจะไปสนามบินตอนขากลับนั่นเอง


    หลังจากน้้นเราก็มาถึงมหาวิทยาลัย Kyung Hee ที่เป็นสถานที่จัดงาน มหาลัยอยูบนเขาเลยทุกคน กว้างมากกกกก และใช่ค่ะ เพราะว่ามันกว้างเราเลยหาฮอลล์ที่จัดงานไม่เจอ เราเลยแชทไปถามคุณคนนั้นที่เราถามในทวิต เพราะเขามาดูตอนรอบบ่าย ส่วนเราดูรอบเย็น เขาก็น่ารักมาก ๆ ส่งโลเคชันมาให้เราเลย เพราะตอนเขาถามว่าเราอยู่ไหน เราก็ถ่ายรูปส่งไป เราก็ไปไม่ถูก 


    หลังจากเรามาถึงงานแล้วรอถึงเวลาต่อแถวซื้อ Goods ก็มีพี่คนนึงเค้าแบบเดินวนไปวนมาแถวนั้น คือตอนนั้นมันหนาวมาก หนาวแบบมีลมด้วย แล้วเรานั่งอยู่ข้าง ๆ พุ่มไม้ ซึ่งตรงอื่นก็มีคนนั่งหมดแล้ว เราเลยกวักมือเรียกพี่คนนั้นบอกว่า ให้มานั่งข้างเราก็ได้ พี่เขาก็บอกขอบคุณ คุยไปคุยมาโป๊ะว่า พี่เขาก็เป็นคนไทยเหมือนกัน 55555555555555555555555 เลยเปลี่ยนมาคุยกันเลย ทีนี้เลยมาตั้งวงเม้าท์กันระหว่างรอแถวเปิด พี่เขาก็ถามว่า แล้วเราซื้อบัตรได้ยังไง เราบอกเพื่อนเราไปดีลบัตรมา พี่แกเลยบอกว่า จริง ๆ แล้วเรามาซื้อบัตรหน้างานก็ได้นะ แบบตรงโต๊ะที่รับบัตรหน้างานอะ เขาจะขายบัตร ฝั่งเราคือเปิดโลกมาก เพราะไม่รู้จริง ๆ พี่เขาบอกงานอื่นก็มีเหมือนกัน เนี่ยรอมาซื้อเอาก็ได้ เราก็เลยเก็ทที่คุณคนนั้นในทวิตบอกว่า กดซื้อตั๋วเครื่องบินก่อนส่วนบัตรเข้าค่อยหาเอาทีหลังได้

    ระหว่างที่เราต่อแถวซื้อ Goods อยู่คนที่เขาดีลบัตรให้ก็เอาบัตรมาให้พอดีเลย ตอนนั้นลุ้นมากว่าเขาจะมาก่อนเราเข้างานไหม และแล้วเราก็ได้บัตรเข้างานมา และก็ซื้อ Goods เสร็จเรียบร้อยแล้ว


    หลังจากนั้นเราก็รอ รอ รอ รอหลายชั่วโมงมากกว่าจะถึงเวลาเข้างาน เพราะเราไปถึงตั้งแต่บ่าย แต่รอบดูของเราคือ 6 โมงเย็น โอโห้ แบบท่ามกลางอากาศหนาว วันนั้นเป็นวันที่อากาศหนาวสุดในทุก ๆ วันที่เราไปด้วย แบบสุดมาก  แล้วระหว่างนั้นเราก็เห็นในทวิตเตอร์เขาคุยกันว่าจะมีเกสต์มา! ก็คือเป็นเมมเบอร์คนอื่น ๆ ในวงมาดูนะ ตอนนั้นเราแบบตื่นเต้นมาก มาจริงไหมไม่รู้ แต่ขอเลือกเชื่อไว้ก่อน แล้วตอนนั้นเราก็เห็นเราขับเข้ามาในงานอะ (แต่เขายังไม่ลงมานะ ลงมาตอนใกล้ ๆ งานเริ่มเลยดูจากคลิปที่ออกมาทีหลัง) แล้วคนก็ไปมุงกันใหญ่ ตอนแรกเรากับเพื่อนก็จะไปมุงกับเขาด้วย แต่ไม่ไหวหนาวมาก และตอนนั้นเขาเปิดให้เข้าฮอลล์พอดี เรากับเพื่อนเลยแวบเข้าฮอลล์ก่อนขอหลบลม



    แล้วโซนก่อนเข้างานก็จะเป็นป้ายแสดงความยินดีต่าง ๆ ก็มีคนไปต่อแถวถ่ายรูปกัน แล้วก็มีป้าย Backdrop ใหญ่มาก ๆๆๆๆ อยู่กลางฮอลล์ และแน่นอนป้ายนี้แถวยาวสุด 555555555555555



    และพอจะเข้างานเรากับเพื่อนต้องแยกกันเข้าแล้วออกมาเจอกันหน้าฮอลล์ตอนงานเลิก และก่อนเข้างาน Staff เขาจะแจกสติ๊กเกอร์แผ่นเล็ก ๆ สีดำ แบบที่เราเอาไว้ติดแฟลชตอนทำ Project ที่เมืองไทยเลย แต่อันนี้เค้าแจกให้เอาไว้ปิดกล้อง ใช่แล้วค่ะ งานนี้เขาซีเรียสเรื่องถ่ายรูปในงานได้ แบบทุกทีเรายังพอถ่ายได้นิดหน่อย แต่อันนี้คือแจกที่ปิดกล้องเลย ถ้าอยากดูบรรยากาศในงานคือต้องหาดูจากพวกบ้านไซน์ที่ถ่ายในงาน ใช่จ้า ซีเรียสเบอร์นี้ก็ยังอุตส่าห์ถ่ายกันได้ ยอมใจมาก ไม่รู้ถ่ายกันมายังไง Staff เดินกันเต็มงาน 



    ส่วนอันนี้เป็นสโลแกนที่เขามีเตรียมไว้สำหรับทำ Project กันในงาน เหมือนกับตอนที่เรา Project ให้ศิลปินที่งานที่เมืองไทยเลย



    แล้วอันนี้ ๆๆๆๆๆๆๆ เป็นรูปที่เราถ่ายจากที่นั่งของเรา  เป็นระยะห่างจากที่นั่งเรากับเวที เราถ่ายเอาไว้ช่วงก่อนงานจะเริ่ม แล้วต้องเอาสติ๊กเกอร์ติดกล้อง คือเราแบบตื่นเต้นมากกก 


    อันนี้เป็นคลิปพรีวิวที่ทาง official ลงโปรโมทงานแฟนมีตติ้งของเด็ก ๆ ก็คือจะมีบรรยากาศรอบ ๆ งานบรรยากาศการซ้อมเพลงต่าง ๆ 




    จนกระทั่งงานเริ่มอะทุกคน เด็ก ๆ แสดงเพลง Toward Tomorrow ที่แต่งกันเองด้วย อันนี้เป็น Fan Cam จากในงานนะคะ เป็นอันที่มีบ้านไซน์ถ่ายเอาไว้ ส่วนอันต่อไป ๆๆๆๆ จำได้ไหมที่เราเคยบอกไปว่าจะมีเกสต์มางานนี้!! สรุปว่ามาจริงค่า มีเมมเบอร์มาจริง ๆ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด รถที่เราเห็นก่อนเข้างานเป็นรถของอึนซัง (หลังจากที่เรามีดูคลิปที่คนถ่ายทีหลังเลยรู้ว่าเป็นอึนซัง) แล้วเมมเบอร์มากัน 4 คนเลยนะ 4 คน มีโยฮัน อึนซัง ดงพโย แล้วก็พี่ซึงยอนตามมาทีหลัง น้ำตาจะไหลอะ จุดนั้นคือกรี๊ดกันตายไปข้างนึง กรี๊ดเหมือนจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว




    แล้วตอนงานเลิกเรากับเพื่อนคือรีบกันมาก เพราะงานเลิกเลทกว่าตามกำหนดการครึ่งชั่วโมง โอ้โห สาแก่ใจมาก แต่เราจะตกเครื่องแล้ว คือเราต้องรีบไปเช็กอินที่สนามบินกัน ก็คือจบออกจากงานแล้วพุ่งไปที่ประตูกันเลย ตอนวิ่งออกจากฮอลล์ก็คือการวิ่งลงเขาดี ๆ นี่เองค่ะ เท้าแบบต้องจิกพื้น พื้นตรงนี้เลยว่า ถ้ารองเท้าพื้นไม่เหนียวได้กลิ้งลงเขากันแน่ ๆ เท้าจะพังเอา

    แต่สุดท้ายเราก็มาเช็กอินกันทัน แต่ก่อนรอขึ้นเครื่องก็แวะซื้ออะไรกินกันรองท้อง เพราะตั้งแต่ที่กินมื้อเช้าก็ไม่ได้กินอะไรกันอีกเลย เพราะแถวตรงฮอลล์ที่จัดงานคือก็เขาไปค่อนข้างลึก ถ้าจะให้ออกมาหาไรกินแล้วเข้าไปไหมก็คือไม่ไหว ตอนนั้นเกือบเที่ยงคืนร้านที่สนามบินที่เปิดอยู่ตรงโซนที่เรานั่งก็เหลือไม่กี่ร้าน พอเจอร้านโดนัทก็พุ่งกันเข้าไปเลยค่ะ ยัดโดนัทก็โค้กเข้าไปคนละกระป๋องค่อยรู้สึกมีแรงหน่อย

    ตอนเรากำลังจะขึ้นเครื่องหิมะตกด้วย ตอนอยู่ในงานน้องนัมก็บอกว่า อยากให้หิมะตก แล้วตอนเราจะกลับก็เห็นหิมะตกพอดี ทันเห็นหิมะก่อนกลับไทย โอเค แฮปปี้แล้ว แม่ ๆ มีความสุข

    เรากลับมาถึงไทยตอนประมาณตี 4 กว่า แล้วกว่าจะกลับมาถึงหอเพื่อนเราก็ตี 5 กว่า เราเลยนอนสักแปปแล้วตื่นตอน 6 โมง เพราะเพื่อนเราต้องลุกไปตอนเช้า อย่างที่บอกไป วันนี้เรามีคิวพรีเซ้น Project กับเพื่อนรอบบ่ายโมง (ตอนจองตั๋วเกือบลืมว่าพรีวันนี้ เกือบจองกลับตอนเย็นแล้ว 5555555555555) แต่เพื่อนในกลุ่มเรานัดมาซ้อม ๆ คิวกันก่อนตอน 10 โมง เราก็เลยออกจากห้องพร้อมเพื่อนที่พรีเซ้นเช้ากลับมาอาบน้ำที่บ้าน แล้วก็มาซ้อมทันตอน 10 โมงพอดี

    สุดท้ายนี้ขอฝาก Vlog ที่เราถ่ายเอาไว้กับเพื่อนตลอดทริปนี้ด้วยนะคะ เผื่ออรรถรสจากการอ่านแค่ที่เราพิมพ์เป็นตัวหนังสือมันจะไม่พอ 55555555555555555555555555



    สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริป (3 วัน 2 คืน)

    • ค่าตั๋วเครื่องบิน = 13,555 บาท
    • ค่าที่พัก 2 คืน = 970 บาท
    • ค่าบัตรแฟนมีต = 2754 บาท
    • เติม T-Money = 888 บาท (34,000 วอน)
    • ค่ากินต่าง ๆ 3 วัน = 2480 บาท
    • Shopping = 2676 บาท

    Total --> 23,323 บาท

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in