เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storykimsongcouple_
# รีวิว Fast & Furious 8 : เพราะครอบครัว ก็คือครอบครัว (spoil)
  • How could we not talk about family when family’s all that we got?
    เราจะไม่พูดถึงครอบครัวได้อย่างไร ในเมื่อครอบครัวคือทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเรามี



    12/04/2017


    แม้ว่าการโปรโมทภาคที่ 8 ของหนังชุดนี้จะไม่ค่อยมีกระแสมากนักในช่วงที่หนังกำลังจะเข้าโรง แต่เชื่อว่าแฟนหนังหลายๆ คนก็ยังคงตั้งใจที่จะออกไปซื้อตั๋วเพื่อดูหนังภาคนี้ เราเองก็เป็นหนึ่งในแฟนหนังที่ติดตามดูภาพยนตร์เรื่องนี้มาตลอด แม้จะไม่อาจเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าโตมาพร้อมๆ กับตัวละคร เพราะเพิ่งได้ดูก็ตอนที่โตแล้ว แต่หนังเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในหนังที่เราชื่นชอบไม่แพ้เรื่องอื่นๆ เลยสักนิด ดังนั้นเมื่อรู้ว่าหนังเข้าฉายแล้ววันนี้ ประกอบกับ SF เดอะมอลล์บางกะปิมีรอบฉายที่เราต้องการ จึงแทบไม่ต้องคิดเลยว่าควรจะเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ในโรงหรือไม่


    แม้ว่าการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของพอล วอคเกอร์ นักแสดงคนที่เราชอบที่สุดในเรื่อง จะทำให้รู้สึกเศร้าใจไม่น้อยเมื่อคิดว่าหนังเรื่องนี้จะไม่มีไบรอัน โอคอนเนอร์อีกต่อไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรเรื่องราวของครอบครัว Fast & Furious ก็ยังต้องดำเนินต่อไป ซึ่งเรื่องราวในภาคที่ 8 นี้ก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังเลยแม้แต่น้อย 


    สิ่งที่เราสัมผัสได้จากหนังภาคนี้คือการเติบโตไปพร้อมๆ กันของครอบครัว Fast & Furious หลายคนอาจจะคิดว่าหนังเรื่องนี้เริ่มจะออกทะเลไปไกลแล้ว จากการแข่งรถทำไมถึงได้กลายมาเป็นหนังบู๊แอ็คชั่นอลังการกู้โลกไปได้ ประเด็นนี้เราเองก็เคยคิดเหมือนกัน และในวันนี้เองก็ได้เข้าใจในที่สุด (เพราะที่ผ่านมาแม้จะข้องใจและสงสัยแต่ก็มัวแต่สนใจอยู่กับความสนุกจากฉากแอ็คชั่น) ถึงแม้ว่าจะดูเว่อร์วังอลังการจนเหมือนพากันลงเรือออกทะเลไปไกล แต่เมื่อมาลองคิดดูแล้ว มันก็ไม่น่าแปลกสักเท่าไหร่ที่เรื่องราวของตัวละครจะเติบโตขึ้น มีอะไรมากกว่าแค่การแข่งรถหรือขับรถซิ่ง เพราะตอนนี้พวกเขาไม่ใช่แค่วัยรุ่นหนุ่มสาวที่ชอบรถซิ่ง แต่พวกเขาเป็น 'ผู้ใหญ่' ที่รักและชื่นชอบในความเร็วต่างหาก และเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ก็ย่อมต้องมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นอีกมากมายหลายเรื่อง ดังนั้นสำหรับเราแล้วจึงนับว่าความอลังการของเนื้อเรื่องที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ออกทะเลแต่อย่างใด เมื่อมองว่าพวกเขาเองก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้น เรื่องราวที่ได้พบเจอ ปัญหาที่ต้องเผชิญ มันจึงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเหมือนตอนที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว


    และครอบครัว คือสิ่งที่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในภาคนี้มีการสื่อความหมายถึงเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ดอมและเล็ตตี้พูดคุยกันตอนที่พวกเขาฮันนีมูนกันที่คิวบา เกี่ยวกับเรื่องการมีลูก ตอนที่ไซเฟอร์บอกให้ดอมมาทำงานให้เธอโดยจะต้องทรยศต่อคนในกลุ่ม ซึ่งก็คือครอบครัวของเขา ตอนที่ดอมได้เจอกับเอเลน่าและลูกชาย รวมไปถึงตอนที่ทุกคนในครอบครัวขับรถมากันดอมจากเพลิงระเบิดของเรือดำน้ำ ความเป็นครอบครัวถูกนำเสนอผ่านฉากและคำพูดของตัวละครหลายครั้ง ซึ่งแสดงให้เราได้เห็นว่าตัวละครเหล่านี้มีความเป็นครอบครัวอย่างแท้จริง ความรัก ความเชื่อใจกันและกันของพวกเขา ทำให้เราได้รู้ว่า ครอบครัวที่แท้จริง จะไม่มีวันหมดความศรัทธาและเชื่อในตัวเรา ต่อให้เราจะทำสิ่งที่ไม่ดี คนในครอบครัวก็จะยังคงเชื่อใจว่าสิ่งที่เราทำไปนั้นจะต้องมีเหตุผลบางอย่าง และพวกเขาก็พร้อมที่จะรับฟังและให้อภัยเราอยู่เสมอ


    นอกจากครอบครัวที่ยังคงเชื่อใจดอมแม้ว่าเขาจะทรยศด้วยการไปทำงานให้กับตัวร้ายอย่างไซเฟอร์ ตัวละครใหม่อย่างน้องไบรอัน มาร์กอส ลูกชายของดอมและเอเลน่าก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเด็นเรื่องครอบครัวชัดเจนขึ้นสำหรับเรา เพราะการที่ดอมยอมมาทำงานให้ไซเฟอร์เพื่อช่วยเอเลน่ากับลูกชาย แสดงให้เห็นถึงความรักในครอบครัวของดอม แม้ว่าเอเลน่ากับเขาจะแยกทางกันไปนับตั้งแต่ดอมได้เล็ตตี้กลับคืนมา แต่ดอมก็ยังคงมีความรักและผูกพันต่อเอเลน่า รวมไปถึงลูกชายที่เขาเพิ่งได้รู้ว่ามี และด้วยความที่เอเลน่ากับลูกก็คือคนในครอบครัวสำหรับดอม ดังนั้นเขาจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะช่วยเหลือเธอกับลูก ซึ่งนี่แหละที่แสดงให้เห็นถึงความรักครอบครัวของตัวละครเอกอย่างดอมได้อย่างชัดเจน


    นอกเหนือจากความเป็นครอบครัวที่แสดงให้เห็นจนเราเริ่มเข้าใจการเติบโตของหนังและตัวละคร ความสนุกก็ยังคงเป็นสิ่งที่ Fast & Furious ทำได้ดีสำหรับเรา นอกเหนือจากฉากแอ็คชั่นสุดมันที่ไม่แพ้เรื่องอื่น ความตลกของหนังเรื่องนี้ในภาคนี้ก็ยังคงมีอยู่ และทำให้เราขำตามอยู่เสมอ แน่นอนว่าคนที่ยังคงเป็นตัวเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมก็คือโรมัน พ่อหนุ่มผิวเข้มผู้มีมุกตลกคอยสร้างสีสันให้กับเรื่อง เขายังเป็นตัวละครที่ทำให้เราขำได้มากที่สุด โดยเฉพาะในฉากที่เจ้าตัวขับแลมโบสีแดงหนีการไล่ล่าจากทหารรัสเซียแล้วโดนยิงระเบิด(ไม่แน่ใจว่ามิสไซด์หรือขีปนาวุธที่มีชื่อว่าอะไร?)จนรถต้องตกลงไปในน้ำแข็งที่เย็นสุดขั้ว นาทีนั้นทั้งสงสารทั้งขำโรมัน แทบจะเรียกได้ว่าหัวเราะลั่นกันทั้งโรง แม้ว่าฮอบบ์จะยิงฉมวก(น่าจะใช่ อุปกรณ์ที่ใช้ยึดดึงรถนั่นน่ะ) แต่โรมันก็ยังโหวกเหวกโวยวาย เสียงบ่นของโรมันยังทำให้ขำกันไม่พอ ตอนที่ฮอบบ์ดึงประตูที่โรมันเกาะขึ้นมาบนน้ำแข็งยิ่งตลกมากขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ว่าทำเอาเราขำจนรู้สึกร้อนได้แม้ว่าจะนั่งอยู่ในโรงหนังที่มีแอร์ ฮา ยอมรับในความฮาของตัวละครโรมันจริงๆ 


    และนอกจากโรมันแล้ว ตัวละครใหม่ผู้น่ารักอย่างน้องไบรอันเองก็ไม่แพ้กัน ถึงจะยังพูดอ้อแอ้ แต่น้องก็สามารถเรียกเสียงฮาจากผู้ชมได้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ยกมือขึ้นมาทำท่าว่าโอเค ในตอนที่เดคคาร์ดถามว่าเพลงที่ให้ฟังเพราะไหม หรือตอนที่เดคคาร์ดถามว่ากลิ่นอึนั่นคือของนายหรือผู้ร้ายที่นอนอยู่ แล้วน้องไบรอันทำท่าเหล่ตาไปทางผู้ร้าย เหมือนจะโบ้ยว่า นั่นไม่ใช่กลิ่นผมนะ ของหมอนั่นต่างหาก เพียงแค่นี้ก็เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้ ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าไบรอันน้อยสร้างความสนุกให้กับผู้ชมได้ดีจริงๆ


    นอกจากนี้แล้ว การที่ดอมตั้งชื่อลูกชายของเขาว่าไบรอัน ในฉากที่ประกาศเปิดตัวลูกชายกับทุกคนในตอนจบ ก็ทำให้เราน้ำตาซึมเหมือนกัน นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์แบบครอบครัวของพวกเขา ว่าแม้ไบรอันและมีอาจะไม่ได้อยู่กับพวกเขาตอนนี้ แต่ทั้งสองก็ยังคงเป็นครอบครัวสำหรับดอมอยู่เสมอ โดยไบรอันน้อยนี่แหละคือสิ่งที่ย้ำเตือนให้เรารู้ว่า ไม่ว่าจะอย่างไร ครอบครัวของดอมก็ยังคงมีไบรอันอยู่ด้วยเสมอ และเขาจะไม่มีวันลืมไบรอัน


    ยังมีอีกหลายสิ่งที่เราอยากจะรีวิวเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถถ่ายทอดมันออกมาได้อย่างที่รู้สึกหรือเปล่า เพราะที่พิมพ์มาทั้งหมดนี่ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นๆ จะเข้าใจมันไหม? ฮ่าๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากจะบอกเล่าความรู้สึกและความคิดหลังจากที่เราได้ดูให้คนอื่นๆ ได้อ่าน หวังว่าทุกคนจะอ่านเข้าใจกันนะ แต่ถ้าจะให้แนะนำแล้วล่ะก็ ขอบอกว่าควรไปดูหนังเรื่องนี้ด้วยตัวเองจะดีกว่า สิ่งที่เรารับรู้จากคนอื่นน่ะ มันไม่ชัดเจนเท่ากับไปรับรู้มันด้วยตัวเองหรอก เชื่อสิ :)




    จบการรีวิวหนังครั้งแรก กับ Fast & Furious 8 
    เพราะครอบครัว ก็คือครอบครัว






    kimsongcouple
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Watchara Sakorn (@goodguy22)
สงสารเอเลน่ามาตลอด เจ็บปวดมาตลอด แตาก็ยอมเปนฝ่ายไป นี่มาเขียนบทให้นางตายอีก รับไม่ได้