เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[Fan Fiction] ปรมาจารย์ลัทธิมาร -ซีเฉิงsasin_wine
Fan Fiction - ปรมาจารย์ลัทธิมาร (#ซีเฉิง)
  • ยามคนของข้าไม่สบาย




    ประมุขเจียงแห่งอวิ๋นเมิ่งกำลังโมโห…


    เสียงตะโกนลั่นเหลียนฮวาอู้สร้างความตระหนกให้แก่ศิษย์ในสำนักจนพากันสะดุ้งโหยง ทุกคนสบสายตากันเลิ่กลั่กหากแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปดูเหตุการณ์ภายในเพราะทุกคนรับรู้ถึงเหตุผลแห่งความเกรี้ยวกราดของท่านประมุขในครานี้


    ร่างสูงงดงามของหยกคู่ผู้พี่แห่งกูซูหลานบัดนี้เต็มไปด้วยโลหิตสีชาดแต่งแต้มตามอาภรณ์สีขาวประดับลายเมฆา ใบหน้าที่เพียรยกยิ้มให้ประมุขแห่งท่าสัตตบงกตบัดนี้ขึ้นสีเล็กน้อยและมีเม็ดเหงื่อผุดพรายตามไรผมสีหมึกสร้างความไม่ชอบใจให้กับเจียงเฉิงจนใบหน้างามบูดบึ้ง


    หลานซีเฉินกำลังไม่สบาย…


    เจียงเฉิงมองประมุขหลานที่เดินทางกลับมาจากการปราบพรายน้ำที่อยู่ๆ ก็พร้อมใจกันแสดงอำนาจชั่วร้ายสร้างความเดือนร้อนให้ชาวบ้านจนเหล่าเซียนหลายสำนักต้องออกมากำราบ หลานซีเฉินก็เป็นหนึ่งในนั้น


    หากแต่เซียนผู้มีพลังสูงส่งผู้นี้กลับออกไปปราบเหล่าปีศาจด้วยร่างกายและจิตใจที่ไม่สมบูรณ์นัก เหตุผลเพราะ…

    .

    .


    ย้อนไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ใบหน้ายิ้มแย้มของประมุขหลานปรากฏขึ้นในเรือนของเจียงเฉิงอย่างเงียบงัน ประมุขคนงามที่ยังอยู่ในห้วงนิทรารู้สึกตัวหลังจากที่ฟูกนอนยวบลง ร่างกายขยับตัวลุกรวดเร็วพร้อมกับประกายสายฟ้าสีม่วงจากธำมรงค์ประจำกายวูบวาบขึ้น


    “หวั่นอิ๋น พี่ชายเอง” น้ำเสียงนุ่มหวานแสนคุ้นเคยดังขึ้นทำให้เจียงเฉิงชะงักการเคลื่อนไหว เมื่อเพ่งดีๆ แล้วจึงเห็นใบหน้างดงามของหลานซีเฉินปรากฏในสายตา


    “หลานซีเฉิน!” เสียงประมุขเจียงติดฉุน ใบหน้างามงอง้ำกับการถูกรบกวนในยามวิกาล เส้นผมยาวสวยดุจเส้นไหมเปื้อนหมึกทิ้งตัวลงงดงามแม้เจ้าตัวจะเพิ่งตื่นขึ้นมาก็ตาม


    “พี่ชายขออภัยที่เข้ามารบกวน แค่จะนำข่าวมาบอกหวั่นอิ๋นเท่านั้น” หลานซีเฉินกล่าวอย่างอารมณ์ดี คิ้วบางสวยของเจียงเฉิงเลิกขึ้น


    “ข่าวอันใด”


    “ตอนนี้พี่ชายมิได้เป็นประมุขสกุลหลานแล้ว…”


    “หะ…” เจียงเฉิงหลุดเสียงประหลาดออกมา ในหัววิ่งวนวุ่นวายจับต้นชนปลายไม่ถูก คิ้วที่เลิกขึ้นเมื่อครู่ขมวดมุ่นเข้าหากันแทน


    “ตอนนี้ท่านอาดูแลอยู่ และ…” หลานซีเฉินหยัดกายลุกขึ้นก่อนหันมาเผชิญหน้ากับผู้ที่นั่งอยู่บนเตียง ประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกันก่อนค้อมกายลงน้อยๆ “...ผู้แซ่หลานขอฝากตัวเข้าสกุลเจียงด้วยนับแต่นี้”


    จบคำของหลานซีเฉิน ปรากฏเสียงตวาดดังลั่นของประมุขแห่งท่าสัตตบงกชที่ปลุกทุกคนในเหลียนฮวาอู้ให้สะดุ้งตื่นขึ้นมา ลูกศิษย์น้อยใหญ่ตรงรี่ไปยังเรือนนอนของประมุขตน แต่เมื่อมาถึงประตูเรือนนอนก็ต้องชะงักขาเมื่อร่างสูงในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ถูกผลักออกมาจากห้องพร้อมเสียงที่ยังตวาดไม่หยุด ก่อนเจ้าของห้องจะปิดประตูปังใส่หน้าคนที่ตะลึงค้างไปด้วยเหตุการณ์ไม่เป็นดังที่คิด


    “ประ… ประมุขหลานขอรับ” ศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักเอ่ยเรียกหลานซีเฉินเบาๆ หากแต่ไร้การตอบรับ มีเพียงนัยน์ตาสีน้ำตาลประกายที่มองบานประตูสลักกลอนอย่างเลื่อนลอย


    อาเฉิงไม่เห็นด้วยกับเขา…


    นับแต่วันนั้น หลานซีเฉินก็เฝ้าวนเวียนอยู่รอบกายเจียงเฉิงไม่ห่าง ไม่ว่ายามทำงาน ยามพักผ่อน หรือกระทั่งยามต้องออกไปประจันหน้ากับภูติพรายทั้งหลาย แต่สิ่งที่เจียงเฉิงมอบให้หยกคู่ผู้พี่มีเพียงความเย็นชาไม่ใส่ใจ ไม่ยอมรับฟังสิ่งใดๆ จากร่างสูง ไม่แม้แต่จะกล่าวลาก่อนเดินเข้าห้องนอนยามค่ำคืนเช่นเมื่อก่อน ทิ้งหลานซีเฉินให้ยืนมองประตูไม้สลักด้วยแววตาเศร้าสร้อย หากแต่ยังคงยืนยันแข็งกล้าว่าจะมิหายไปที่ใดจนกว่าอาเฉิงของเขาจะยอมใจอ่อน


    คืนแล้วคืนเล่าจนเวลาล่วงเข้าหนึ่งเดือนหลังจากที่ประมุขหลานเดินทางมาที่อวิ๋นเมิ่ง เมื่อกิจยามอาทิตย์ปรากฏเรียบร้อยในแต่ละวัน ยามจันทราส่องแสงหลานซีเฉินก็จะมายืนหน้าห้องของเจียงเฉิง ประมุขเจียงมิใช่ไม่รู้ เพียงแต่ไม่อาจเห็นด้วยกับการกระทำเอาแต่ใจของหลานซีเฉินได้เท่านั้นเอง


    การทิ้งตระกูลออกมาเป็นเรื่องใหญ่ และไร้ความรับผิดชอบเป็นที่สุด…


    ใบหน้างามของเจียงเฉิงมองไปทางประตูห้องนอน รับรู้ว่าอีกฝ่ายยังคงยืนอยู่หน้าห้องเช่นทุกคืน ร่างโปร่งยันกายลุกขึ้นก้าวเดินไปที่ประตู และดูเหมือนหลานซีเฉินเองก็จะรับรู้ได้เช่นกัน


    “อาเฉิง อาเฉิงคนดี โปรดฟังพี่ชาย…”


    “...”


    “พี่ชายตรองมาอย่างดีแล้ว มิใช่ว่าให้ความรักที่มีต่อเจ้าบดบังจนละทิ้งตระกูลมา”


    “!!!” เจียงเฉิงอ้าปากจะตวาด แต่ก็เลือกที่จะเงียบแล้วกัดฟันแทน


    คนอะไร พูดเรื่องรักใคร่ออกมาได้ไม่อายฟ้าดิน!


    “พี่ชายอยากช่วยแบ่งเบาเจ้า… ที่สกุลหลานมีท่านอา วั่งจี รวมทั้งพี่ชายของเจ้าช่วยกันดูแล แต่ที่นี่มีเพียงเจ้า…”


    “ท่านหาว่าข้าดูแลสกุลเจียงไม่ดีพอหากต้องอยู่เพียงลำพังงั้นรึ!” เจียงเฉิงทนไม่ไหวจนต้องออกปาก มือขาวกำแน่นด้วยความโมโห


    “มิได้ อาเฉิงดูแลสกุลเจียงดีพร้อมทุกอย่าง…”


    “แล้วที่ท่านกล่าวมาเมื่อครู่คืออันใด!”


    “หวั่นอิ๋นโปรดอภัย ที่พี่ชายพูดไปเมื่อครู่ หมายความว่าไม่มีใครดูแลเจ้า…”


    “...”


    “ให้พี่ชายคนนี้มาดูแลและช่วยแบ่งเบาหน้าที่ของเจ้าเถิด พี่ชายไม่อยากเห็นอาเฉิงของพี่ชายต้องแบกรับสกุลเจียงไว้เพียงลำพัง...”


    “ท… ท่าน…”


    “...ให้พี่ชายได้อยู่เคียงข้างเจ้าแล้วเป็นกำลังให้เจ้าในทุกๆ วันด้วยมิได้หรือ”


    ถ้อยคำถามอ่อนหวานย้ำเตือนถึงความห่วงหาที่หลานซีเฉินมีให้ไม่ปิดบัง เจียงเฉิงใบหน้าแดงก่ำจนต้องรีบเดินกลับเข้ามาที่เตียงนอน


    สุดท้ายก็เป็นเพราะข้ามิใช่รึ!!


    เจียงเฉิงซุกหน้ากับผ้าแพรผืนบาง แม้เขาสมควรโกรธหลานซีเฉินที่ยอมทิ้งตระกูลมาเพราะเขาเป็นต้นเหตุ หากแต่หัวใจที่บัดนี้เต้นแรงระรัวกลับรู้สึกอบอุ่นและพองโตอย่างห้ามมิได้


    ให้ตายเถอะ หลานซีเฉิน!


    ประมุขแห่งกูซูที่ยืนอยู่ด้านนอกแม้จะไม่ได้รับคำตอบรับหรือปฏิเสธที่ชัดเจน แต่ก็ยกยิ้มอ่อนโยนให้คนในห้องถึงอีกฝ่ายจะไม่เห็นก็ตาม

    .

    .

    .


    สองสามวันต่อมา เจียงเฉิงได้รับสานส์แจ้งจากสกุลจินเรื่องพรายน้ำที่รวมตัวกันสร้างความเดือดร้อนให้ผู้คนจนยากจะนิ่งเฉย จึงต้องขอให้หลายสกุลออกมาช่วยกันกำจัดเพื่อไม่ให้พวกมันฮึกเหิมไปมากกว่านี้ แต่เพราะในท่าสัตตบงกชเองก็มีพรายน้ำอาละวาดจำนวนมากไม่ต่างกัน เจียงเฉิงจึงยากจะปลีกตัวไป


    “พี่ชายจะไปเอง หวั่นอิ๋นโปรดเบาใจ” เสียงนุ่มของหลานซีเฉินเอ่ยขึ้น ประมุขเมืองท่าหันไปมองใบหน้ายิ้มแย้มของอดีตประมุขที่เริ่มซีดเซียวลงจากการยืนเฝ้าหน้าห้องคนรักทุกคืน ซ้ำยังไม่ค่อยแตะต้องอาหารดังที่ควรจะเป็น ร่างกายของเซียนผู้นี้จึงเริ่มอ่อนแอลง


    เจียงเฉิงปฏิเสธทันควัน แต่หลานซีเฉินก็ยังออกเดินทางพร้อมรอยยิ้มอยู่ดี


    เจียงเฉิงที่อยู่ปราบพรายน้ำในอวิ๋นเมิ่งร้อนใจมิใช่น้อยกับสภาพร่างกายของหลานซีเฉิน แต่ทิฐิกลับมีมากกว่าจนไม่คิดจะไถ่ถามอาการใดๆ ของหลานซีเฉินจากลูกศิษย์สกุลเจียงที่ตนเองให้ติดตามหยกผู้พี่ไป


    กระทั่งเมื่อเห็นอาภรณ์สีขาวของคนรักตอนกลับมาไม่สะอาดอ้านดังเช่นทุกครา ทั้งใบหน้ายังมีคราบโลหิตเปรอะเปื้อนอยู่ยิ่งทำให้คนร้อนใจอยู่แล้วถึงกับตวาดลั่นด้วยน้ำเสียงอันดัง บ่าวรับใช้รีบถอยร่นเพื่อให้ในเรือนเหลือเพียงประมุขทั้งสองเท่านั้น


    “ข้าบอกแล้วมิใช่รึว่าไม่ต้องไป!”


    มือเรียวขาวที่หลานซีเฉินคิดว่าจะกระชากสาบเสื้อเขากลับทาบบนใบหน้าเปื้อนเลือดของเขาด้วยความลืมตัว…


    “ท่านไม่เคยกลับมาพร้อมโลหิตมากมายเช่นนี้!”


    ดวงตาประกายสีม่วงอ่อนดุดันหากแต่รื้นน้ำตา…


    “แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นข้าดื้อดึง... มิใช่ข้า แต่เป็นท่านต่างหาก!”


    น้ำเสียงเกรี้ยวกราดทว่าสั่นเครือ…


    “ท่านมัน… ท่านมัน…”


    หลานซีเฉินมองใบหน้างดงามของเจียงเฉิงก่อนสองแขนจะรวบผู้สวมอาภรณ์สีม่วงเข้ามาในอ้อมอก เจียงเฉินดิ้นขืนแต่ไม่สามารถหลุดออกจากอ้อมกอดอุ่นนี้ได้


    “พี่ชายไม่เป็นไรอาเฉิง… พี่ชายไม่เป็นอะไร…” เสียงนุ่มกังวาลของหลานซีเฉินสูบเอาเรี่ยวแรงของเจียงเฉิงไปจนสิ้น แม้ร่างโปร่งจะพยายามขืนกายอย่างไรแต่เมื่อถูกปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคยอ่อนหวาน ร่างที่ถูกกักกอดไว้นิ่งสงบในที่สุด เหลือเพียงมือเรียวที่กำอาภรณ์สีขาวแน่น


    “ทำไมท่านไม่ฟังข้า…” เสียงอู้อี้ในลำคออ่อนลง หลานซีเฉินยกยิ้ม


    “ผู้แซ่หลานขออภัย”


    “ข้าเกลียดท่านนัก…”


    “ขออาเฉิงลงโทษข้าด้วย”


    “...”


    ไร้เสียงตอบกลับของประมุขเจียง มีเพียงสองแขนที่เปลี่ยนเป็นโอบรอบกายหลานซีเฉินและศรีษะทุยที่ไถไปมาในอ้อมอกเป็นคำตอบ ประมุขแห่งอวิ๋นเซินปู้ซือฉู่ชะงักนิ่ง


    หวั่นอิ๋น… อภัยให้ข้าหรือกำลังลงโทษข้าอยู่กันนี่…


    หลานซีเฉินแทบจะดึงเจียงเฉิงขึ้นมารับจุมพิตของตน หากไม่ติดว่าตนเองกลัวประมุขคนงามจะเปลี่ยนใจอาละวาดใหม่ขึ้นมาอีกรอบ เจียงเฉิงที่ทำตัวน่ารักเช่นนี้มีหรือจะรอดมือเขา


    “อาเฉิงเองก็เพิ่งกลับมา ไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ชายจะไปล้างตัวเสียหน่อย”


    “ข้า… จะให้คนต้มน้ำไว้ให้” เจียงเฉิงผละออกจากอ้อมแขน หลานซีเฉินเพียงแต่ยกยิ้มเบาๆ


    หากกอดอาเฉิงนานกว่านี้ เห็นทีเขาคงหยุดตัวเองไม่ได้...


    หลานซีเฉินพาร่างกายเข้าไปในเรือนนอน ปลดอาภรณ์แต่ละชิ้นเตรียมชำระกาย กระทั่งบ่าวรับใช้เอ่ยเรียกขึ้นหน้าห้อง ร่างสูงจึงเดินไปยังห้องอาบน้ำส่วนตัวที่แยกออกมาจากตัวเรือนไม่มากนัก ซึ่งห้องอาบน้ำแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาให้ประมุขทั้งสองได้สำราญยามต้องการผ่อนคลายจากงานหนัก


    เรียวขายาวเดินตามทางเดินหินจนกระทั่งถึงถังอาบน้ำใบใหญ่ที่มีไอควันลอยขึ้นบางเบา มือเรียวหากแต่แข็งแรงดึงปมผ้าให้คลายออกจากกัน แล้วจึงเปลื้องอาภรณ์ตัวในชั้นสุดท้ายจากร่างกายตน ก่อนหย่อนเท้าเข้าไปสัมผัสกับผิวน้ำร้อนในถังน้ำใบใหญ่ อุณหภูมิไม่ได้ร้อนจัดจนลวกผิว หลานซีเฉินยกยิ้มอ่อน


    ประมุขหลานพาร่างกายลงไปในน้ำอุ่นร้อนช้าๆ แม้ศีรษะจะปวดตุบไปบ้างหากแต่มิใช่จะร้ายแรง พักผ่อนและทานยาไม่นานก็สามารถกลับเป็นปกติได้ แต่เขาก็รู้...


    อาเฉิงเป็นห่วงเขา…


    ยิ่งคิดยิ่งยกยิ้มกว้าง แม้จะผิดต่อเจียงเฉิงบ้างก็ตาม แต่อาเฉิงของเขาเวลานี้ ช่างน่ารักมากเสียจริง


    “ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียวก็ได้รึ” เสียงกังวานใสติดดุดังขึ้นจากทางด้านหลัง หลานซีเฉินเหลียวใบหน้ามอง ไม่มีท่าทีตกใจอันใดด้วยสามารถสัมผัสถึงอีกฝ่ายได้ตั้งแต่เจียงเฉิงย่างเท้าเข้ามา


    “ยิ้มเพราะรู้ว่าอาเฉิงมาหา...” เสียงนุ่มตอบเพียงเท่านั้นก็ได้รับสีหน้าขุ่นขลักตอบกลับ หลานซีเฉินหัวเราะเบาๆ “...อาเฉิงจะมาช่วยพี่ชายอาบน้ำหรือ”


    ไม่มีเสียงตอบรับ แต่ร่างสูงโปร่งในอาภรณ์สีม่วงเพียงเดินเข้ามาใกล้ๆ พิศมองใบหน้าคนรัก


    มือเรียวขาวยกขึ้นมาวักน้ำในถังใหญ่ที่หลานซีเฉินแช่กายอยู่ แล้วนำมาลูบใบหน้าของคนรักเบาๆ ชำระคราบโลหิตออกจากใบหน้าเรียวงดงามที่ใครๆ ต่างก็ยกให้เป็นที่หนึ่งในใต้หล้า


    แม้จะโมโหเพียงใด แต่ในเวลานี้กลับรู้สึกเป็นห่วงมากกว่า...


    “อย่าทำแบบนี้อีก…” เจียงเฉิงกล่าวนิ่ง นิ้วมืออุ่นชุ่มน้ำลูบแผ่วเบาที่แก้มคนรัก “...ท่านจะทำให้ข้าเป็นแบบนี้ไม่ได้”


    “เป็นเช่นไรหรือ” เสียงนุ่มลึกตั้งคำถามกลับ ใบหน้าคนถามยังคงประดับรอยยิ้มเช่นเดิม ท่าทีที่อ่อนลงของเจียงเฉิงทำให้ภายในใจของหลานซีเฉินลิงโลด หากแต่ยังคงรักษาท่าทีจนเจียงเฉิงจับไม่ได้ เป็นฝ่ายเจียงเฉิงเสียอีกที่กลับรู้สึกร้อนรุ่มเพราะน้ำเสียงนั้นจนดวงหน้าซับสีเรื่อ


    “เป็นเช่นไรท่านรู้อยู่แก่ใจ” เจียงเฉิงตอบกลับเสียงขุ่น รู้แจ้งในเจตจำนงของอีกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย


    “พี่ชายไม่รู้เลย… อาเฉิงได้โปรดบอกให้พี่ชายกระจ่างที” หลานซีเฉินยิ้มตอบ รีบตะครุบมือเรียวที่ผละออกไปเพราะทนโดนกลั่นแกล้งไม่ไหว


    “หลานซีเฉิน...” ประมุขแห่งท่าสัตตบงกตขืนมือออก และเป็นเช่นทุกครั้ง… มันไม่ได้ผล


    “ตอบพี่ชายคนนี้ก่อน แล้วจึงจะปล่อยมือเจ้า” ไม่ว่าเปล่า หลานซีเฉินยกข้อมือขาวมาจุตพิตแผ่วเบา กดซับข้อมือด้านในจนใบหน้าเจียงเฉิงขึ้นสี


    “หลานฮวั่น!” เจียงเฉิงขู่ฟ่อ รีบดึงมือออกจากการกอบกุมของคนที่แช่กายอยู่ หลานซีเฉินปล่อยมือโดยง่ายจนเจียงเฉิงเซเล็กน้อย


    หยกงามเจ้าเล่ห์หลังปล่อยมือก็ตวัดคว้าเอวบางของประมุขเจียงก่อนดึงเข้ามาอยู่ในถังน้ำอุ่นด้วยกัน เสียงน้ำสาดกระเซ็นทั่วบริเวณรับรู้ถึงแรงกระแทกกับน้ำที่ไม่เบานัก


    ประมุขเมืองท่าตกไปนั่งบนตักหลานซีเฉินเสียแล้ว


    ร่างเพรียวของเจียงเฉิงดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงอย่างยากลำบาก ส่วนโค้งตามร่างกายถูกขับเน้นให้เด่นชัดไปกับอาภรณ์เปียกน้ำที่แนบทุกสัดส่วนจนชวนให้คนมองอยู่ปวดหนึบ ดวงหน้างดงามภายใต้แสงจันทราสีเงินยวงดูเย้ายวนตาเกินหักห้ามใจ ริมฝีปากที่กำลังจะขยับต่อว่านั้นช่างน่าสัมผัสครอบครอง


    “หลานฮวั่น! หลานซีเฉิน ท่านมัน….!”


    “ไว้พี่ชายจะขอรับโทษจากเจ้าวันหลังนะ หวั่นอิ๋น…”


    คำผรุสวาทที่กำลังจะเอ่ยถูกกลืนหายไปพร้อมกับเส้นความอดทนของประมุขสกุลหลานที่ขาดสะบั้นลง เหลือเพียงเสียงระลอกคลื่นในถังน้ำใบใหญ่ที่ไม่นานก็มีเสียงครางเครือแผ่วเบาตามมา


    .

    .


    พี่ชายรู้ว่าเจ้ากลัวสิ่งใด…


    พี่ชายรู้ว่าเจ้าโหยหาอะไร…


    พี่ชายรู้ว่าต่อให้เจ้าทำตัวให้เข้มแข็งเพียงใด แต่เจ้าก็เปราะบางนัก...


    พี่ชายให้คำสัตย์สาบาน…


    พี่ชายจะไม่ทิ้งเจ้าให้ต้องโดดเดี่ยว…


    ตลอดกาล…



    //จบ


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in