เข้าสัปดาห์ที่ 3 ของการฝึกงาน (16.07.2563)
เราพบว่ามีประโยคหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวเรา
— ดันเตกล่าวไว้ว่า "สามสิ่งที่ยังหลงเหลือจากสวรรค์ คือดวงดาว ดอกไม้ และเด็กๆ" —
เราเห็นจริงแบบนั้นเลยล่ะ
:-)
/
อันที่จริงแล้ว เราพูดเสมอว่าเราไม่ได้ชอบเด็ก ไม่ได้เป็นคนรักเด็กเลยด้วยซ้ำ
แต่เป็นความรู้สึกเอ็นดูแล้วก็อยากจะใจดีด้วยเยอะ ๆ มากกว่า
เรารับมือเด็กไม่ค่อยเป็น
ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงหรือการเข้าหาเท่าไหนจึงจะพอดีกับเขา
เราไม่รู้ว่าต้องช่วยถึงจุดไหนจึงจะพอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป
และที่สำคัญ เราไม่เคยสอนเด็กมาก่อน
ทุกอย่างมันใหม่ไปหมดเลยจริง ๆ ล่ะ
/
การไปอยู่ช่วยห้องเตรียมอนุบาลในช่วงอาทิตย์แรกทำให้การตื่นไปทำงานเป็นเรื่องที่เรารอคอย
เด็ก ๆ ในเตรียมอนุบาลส่วนใหญ่ไม่ค่อยพูด แต่เต็มไปด้วยพลังงานที่ทำให้รู้สึกว่าการดูแลเขาไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออะไรเลย (แน่ล่ะว่าบางครั้งก็ยาก แต่ไม่มีความรู้สึกไม่อยากทำเลย)
มีเจ้าหนูน้อยคนนึงที่ทำให้เราอยากตื่นเช้ามาโรงเรียนไว ๆ
น้องมารีน
น้องมารีนอยู่ในเตรียมอนุบาล เป็นเจ้าตัวจิ๋วที่จะเต้นได้ดีเสมอเพราะเจ้าหนูจำได้ทุกท่า
คุยกันรู้เรื่องแม้จะอายุแค่สองขวบกว่า ๆ
มารีนเป็นเด็กน้อยอารมณ์ดีที่กว่าจะได้เล่นด้วยกันก็ผ่านไปหลายวันแล้ว
จะมีช่วงเวลาที่ต้องพาเด็ก ๆ ไประบายสี
มารีนเป็นเจ้าคนเก่งที่ระบายเสร็จก่อนใครเพื่อน
อย่างที่บอกว่าคุยกันรู้เรื่อง มารีนทำตามคำสั่งเสมอ ไม่ร้องไห้สักกะนิด
พอระบายสีด้านหน้าเสร็จเขาก็มาระบายด้านหลังต่อ
มารีนจุดแรง ๆ เราก็ร้อง 'อุ้ย!' แซวเขา ปรากฏว่าเขาชอบใจใหญ่เลยล่ะ
หลังจากนั้นก็จุดไปเรื่อย ๆ ให้พี่พั้นอุทานจนเหนื่อย
เวลามารีนจุดเสร็จแล้วหันมามองหน้ารอปฏิกิริยาของเรานี่หัวใจไม่ไหวเลย
ต้องแกล้งยื่นหน้าไปใกล้ ๆ แล้วส่งเสียงให้เขาหัวเราะคิกคัก
ยอมเหนื่อยต่อก็ได้ถ้าหนูชอบใจ
อันที่จริงเตรียมอนุบาลเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความน่ารัก
หัวใจเราเหมือนโดนเหยียบจนส่งเสียงดังปิ๊บ ๆ อยู่ตลอดเวลา
มีตอนที่น้องสกายงอแงกอดครูประจำชั้นไม่ปล่อย
พี่พั้นมาถึงพอดี คุณครูเลยส่งสกายมาให้เพราะต้องไปทำงานต่อ
กลายเป็นว่าสกายก็ขึ้นมานั่งตักเราแล้วกอดซบอกไปเรื่อย ๆ
โห้ หัวใจอ่อนยวบเลย
เจ้าเด็กพวกนี้เหมือนพกชิ้นส่วนจากดวงดาวติดตัวมาด้วย
ทำให้คนต้องตกหลุมรักง่าย ๆ แบบนี้เลย
/
ขณะเดียวกันเมื่อต้องมาสอนชั้นอนุบาลเต็มตัวก็กลับกลายเป็นช่วงเวลาที่ยาก
ช่วงแรก ๆ เราเก้ ๆ กัง ๆ ไปหมดเพราะไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าควรจะช่วยเด็กถึงตรงไหนที่จะไม่ก้าวก่ายความคิดของเขา ไม่บีบบังคับเขา ไม่ตีกรอบจินตนาการของเขา
รู้สึกผิดกับพี่ ๆ ในทีมที่พาเราไปดูการสอนเพราะเราช่วยเขาได้น้อยจริง ๆ ในช่วงแรก
อาทิตย์แรกมันยากไปหมดสำหรับเรา (งอแงเนอะ แย่จัง ; - ;)
โดยเฉพาะคลาสพิเศษเย็นที่ชิ้นงานยากกว่าการสอนในคลาสเรียนปกติและเป็นการสอนตัวต่อตัวด้วย
มันก่ำกึ่งระหว่างทำตัวไม่ถูกและทำไม่เป็น
เราไม่รู้จะเอาตัวเองไปวางตรงไหนดีในสถานการณ์ที่พี่ ๆ ทุกคนสอนเด็กเป็นกลุ่มของตัวเอง (สถานการณ์คือ ทุกคนสอนเด็ก 2-4 คน เป็นกลุ่ม อยู่ในห้องเดียวกัน เราเดินวนเพื่อช่วยดูแลน้องทั่ว ๆ)
กระทั่งมีน้องคนนึงที่เราไปช่วยคุมตอนคลาสพิเศษเย็น
น้องคนนี้พี่ ๆ บอกว่าสอนค่อนข้างยากเพราะถ้าไม่อยากทำเขาก็จะไม่ทำเลย แต่ขณะเดียวกันแน่นอนว่าผู้ปกครองทุกคนคาดหวังให้ลูกได้เรียนและมีผลงานกลับไป (ถ้าคิดออก--เหมือนเวลาพั้นไปเรียนและต้องทำงานส่งครูแม้จะขี้เกียจแค่ไหน แต่การไม่ส่งก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้) ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือช่วยกระตุ้นให้น้องทำงานตามคำสั่งของพี่ผู้สอน
อาทิตย์แรกยากมากจริง ๆ
เราแทบจะช่วยกระตุ้นน้องไม่ได้เลยและไม่รู้ว่าการช่วยจะเป็นการก้าวก่ายเกินไปรึเปล่า ต้องเป็นพี่ผู้สอนที่ช่วยบอกว่าต้องทำยังไง พูดยังไง และทำอะไรเป็นสิ่งถัดไป
จนมาถึงอาทิตย์นี้ ได้พบน้องคนเดิมอีกครั้ง
วันนี้เขาดูอารมณ์ดีกว่าคราวก่อนมาก แต่ก็ยังยากตอนที่พยายามให้ทำตามคำสั่ง (แต่เข้าใจได้นะ เรายังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขา) กระทั่งผ่านไปสักพักเราก็ตัดสินใจว่ามาลองทำการทำงานครั้งนี้สนุกขึ้นดีกว่า
เราเล่นกับเขา เล่นกับเขาเยอะมาก เล่นไปด้วยแต่ก็กลัวจะโดนดุไปด้วย แฮะๆ
เล่นยังไง?
ก็คือน้องโยนสีเล่น แบบไม่ระบายแล้ว จะโยนสีเล่น! พี่พั้นก็เลยโอเค งั้นเรามาเล่นด้วยกัน พอเขาโยนสีเราก็ยื่นไปรับ ให้ทายว่าอยู่มือไหนถ้าทายผิดต้องระบายสีต่อ น้องก็หัวเราะชอบใจใหญ่ เขาเอาไปโยนใหม่แล้วให้เราทายจากมือเขาบ้าง
น้องเรียกเราว่า "คุณครูทำมั่ง คุณครูทำบ้าง" แบบนี้ใหญ่เลย
โอ้ย ไม่คิดว่าเขาจะคุยกับเราเลย ไม่คิดว่าจะยิ้มหรือหัวเราะให้เราด้วย
จังหวะนั้นมันมีความสุขจริง ๆ นะ -- ทั้งที่ทำให้เขายิ้มได้ ทั้งที่ทำให้เขายอมระบายสีต่อจนเสร็จ
มันรู้สึกดีมากจริง ๆ
พอระบายสีเสร็จก็ไปตกแต่งต่อ น้องทำตามคำสั่งแบบไม่อิดออด
เขาหัวเราะยกใหญ่ตอนที่เราบอกว่าปั้นสำลีเป็นลูกชิ้นเลยเนี้ย!
แต่ถึงจะปั้นเป็นลูกชิ้นทุกอันแต่ก็ยอมเอาไปติดในจุดที่บอก ช่วยกันทำจนงานเสร็จ
แถมยังเดินตามต้อย ๆ จะมาเล่นด้วย ฮื่อ เจ้าหนู!
ตอนสอนน้องมีจังหวะที่มือเขาเผลอมาโดนหน้าเราจนเราผงะถอยหลัง จากที่กำลังซน ๆ จะเล่นต่อเขาก็ชะงัก เราเปิดหน้าแล้วแต่เห็นเขามองอยู่เหมือนตกใจเลยแกล้งปิดหน้าทำท่าร้องไห้ แล้วอยู่ดี ๆ น้องก็เป่าฟู่ ๆ ผ่านแมสให้เราหายเจ็บ
จังหวะนั้นกลายเป็นเราที่ตกใจเอง
ครั้งแรกที่สอนน้องนิ่งมากจริง ๆ ไม่คุย ไม่อะไรเลย ไม่สนใจเราเลยด้วยซ้ำ
แต่ครั้งนี้เป็นน้องเองที่ยื่นหน้ามาใกล้ ๆ มาโอ๋ ๆ คุณครูที่ (แสดงละครว่า) เจ็บ
และช่วยทำงานด้วยกันจนเสร็จ
ตอนนั้นปัญญ์ทำให้เรานึกถึงประโยค "สามสิ่งที่ยังหลงเหลือจากสวรรค์ คือดวงดาว ดอกไม้ และเด็กๆ" ขึ้นมาเลยจริง ๆ
วันนี้แม้จะเป็นพี่ผู้สอนที่คอยชี้แนะทุกอย่าง แต่การนั่งข้าง ๆ เขาแล้วช่วยให้ทำงานจนเสร็จเหมือนได้โอกาสสอนเขาจริง ๆ เราพบว่าการที่พูดคุยกันเยอะ ๆ และใจเย็นกับเขามาก ๆ ใช้คำพูดดี ๆ มันโอเคมากเลยจริง ๆ นะ เรายังไม่สมบูรณ์แบบหรอก ไม่ใกล้เคียงเลย แต่ก็จะทำให้ดีที่สุดกับการสอนเด็กทุกคนจริง ๆ
ช่วงเวลานี้มันสำคัญกับจิตใจจริง ๆ นี่เนอะ
อยากให้รู้สึกสนุกและมีความสุขกับการเรียนจริง ๆ
ไม่รู้ว่าเจอกันครั้งหน้าปัญญ์จะยังสนุกกับการที่มีพี่คอยนั่งอยู่ข้าง ๆ แบบนี้มั้ย
แต่สัญญาว่าจะพยายามทำให้ปัญญ์เอ็นจอยกับการเรียนมากที่สุด
ขอบคุณสำหรับแรงบันดาลใจบางอย่างที่เรามอบให้พี่โดยไม่รู้ตัว
ขอให้เติบโตโดยไม่เจ็บปวดนะเด็กดี :-)
เจ้าเด็กแฝดอีกคนที่อยู่ในคลาสพิเศษเย็น
โกลด์ - โกลดี้
โกลดี้มีแฝดชื่อไดม่อน เจ้าเด็กแฝดพูดเก่งมาก ๆ และทำงานไว
เรามาช่วยครูผู้สอนดูแลน้องแฝด
มานั่งข้าง ๆ โกลดี้และช่วยกระตุ้น คอยบอกว่าเขาต้องทำอะไรเป็นลำดับถัดไป
หรือตรงไหนที่ควรจะเพิ่มเติมเพื่อให้ชิ้นงานออกมาดีขึ้น (เช่น โกลด์เพิ่มสีตรงนี้ดีมั้ย ไม่ให้เหลือช่องสีขาวมันจะได้ออกมาสวย ๆ เลยนะ!) อันที่จริงก็แทบไม่ได้คุยกันเท่าไหร่เลยเพราะเราต้องไปทำอย่างอื่นต่อ
ไม่ได้หวังว่าโกลด์จะจำเราได้เลยล่ะ
กระทั่งวันก่อน ตอนที่เดินสวนกันโกลดี้มองเราแล้วก็โบกมือให้
รอบแรกไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ คิดว่าเขาคงโบกมือให้ทุกคน
กระทั่งรอบที่สองคือวันนี้ เราตั้งใจเดินผ่านไปเลยไม่ได้มองหน้าเขา
โกลดี้ก็ส่งเสียงเรียก "คุณครูๆ"
พอหันไปมอง โกลดี้ก็ยิ้มตาปิดแล้วโบกมือให้ใหญ่เลย
โอ้โห้ เอาอีกแล้วนะหัวใจ ดีใจอีกแล้ว
ไม่เคยอยู่ในจุดที่กล้าหวังว่าเด็กจะจำเราได้เลย
อาจเพราะรู้ว่าไม่ได้อยู่ในบทบาทที่สำคัญสำหรับเขาขนาดนั้น
พูดถึงตรงนี้ก็อยากจะเล่าให้ฟังว่าเราไม่เคยเรียกตัวเองว่าครูเลยเวลาคุยกับเด็ก ๆ
เรากลัว กลัวมากเกินกว่าจะยอมรับว่าเราสามารถเป็นครูของเด็ก ๆ ได้
แต่สอนพิเศษครั้งล่าสุดเจ้าปัญญ์เรียกเราว่าคุณครูยกใหญ่
วันนี้โกลดี้ก็เรียกแล้วโบกมือให้
ตอนไปสอนเจ้าเด็ก ๆ ในห้องเรียนก็เอางานที่เสร็จมาอวดด้วย
awww how cute they are!
การทำงานกับเด็กเหมือนย้ำเตือนเราอยู่เสมอว่าเด็ก ๆ น่ะ จดจำได้เก่งแค่ไหนและบริสุทธิ์เท่าไหร่
ยิ่งย้ำเตือนให้เราใจเย็นและใช้คำพูดดี ๆ แจกจ่ายไปโดยไม่จำเป็นต้องหวง
ช่วย สนับสนุน และผลักดัน
ให้เขามีความสุขกับการได้เลือกด้วยตนเอง
และเสนอทางเลือกเมื่อเขาต้องการความช่วยเหลือ
สำคัญที่สุดก็คือการให้เขาได้ลองทำมันด้วยตัวเอง
เพื่อเรียน เพื่อรู้ เพื่อเติบโต
/
เด็กทุกคนมาจากสวรรค์ไม่ก็ดวงดาว
เดินทางมาไกลมาก ๆ เพื่อมาเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้
หวังให้ทางข้างหน้าของเด็กทุกคนเป็นถนนหนทางที่ไม่ขรุขระเกินไปนัก
และได้ใช้ชีวิตอย่างมีสุขเสมอนะ
:-)♡❀
ยิ่งทำให้รู้สึกว่าดีจังเลยที่มาฝึกงานที่นี่
ดีใจจังที่เราได้พบกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in